รีวิว 10 ครีมกันแดดทาหน้า สุดเทพ สาวหน้ามันต้องลอง!

รีวิว 10 ครีมกันแดดทาหน้า สุดเทพ สาวหน้ามันต้องลอง!

รีวิว 10 ครีมกันแดดทาหน้า สุดเทพ สาวหน้ามันต้องลอง!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลับมาแล้วค่ะ สำหรับการรีวิวเครื่องสำอางที่สาวๆ ตั้งตารอ วันนี้ เราจะพาคุณได้บล็อกแสงแดดที่ร้อนแรงจนแสบผิว ก็แหม…อากาศประเทศไทยไม่ว่าฤดูไหนแสงแดดเจิดจ้าจนแทบไม่อยากจะออกไปไหน

แต่ชะนีน้อยอย่างเราที่ต้องลงไปเดินสวยๆ กินข้าวกลางวัน ต้องเจอกับแดดแรงๆ แบบนี้ ผิวคงหมองคล้ำ บางคนต้องอยู่กลางแดดจ้าเป็นเวลานาน อาจจะกลายเป็นกระ ฝ้า ต้องใช้เวลานานเป็นปีจึงจะดีขึ้น

ครีมกันแดดทาหน้า

วันนี้ Sanook! Women จะขอแนะนำ 10 ครีมกันแดดสุดเทพที่ดีที่สุด ครีมกันแดดทาตัว ที่เกรดดี้ใช้จริง ชอบจริง โดยจะมีเกณฑ์การวัดผล 4 ข้อ คือ 1.ลักษณะของเนื้อกันแดด 2.ควบคุมความมัน 3.คราบและหมองคล้ำ 4.ประสิทธิภาพในการกันแดด จะมีตัวไหนดี ตัวไหนเด็ด ตามเกรดดี้มาดูกันได้เลย

สภาพผิว : เป็นคนผิวมัน โดยเฉพาะช่วงทีโซนจะมันมากเป็นพิเศษค่ะ

1. BB Care UV Shield SPF 50 PA+++ ครีมกันแดดสูตรใหม่จาก BB Clinic นุ่มนวลดุจใยไหมตั้งแต่ครั้งแรกที่สัมผัสสามารถซึมเข้าผิวได้ดีและไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ เหมาะกับทุกสภาพผิว  สามารถป้องกันแสง UVB ได้ถึง 50 เท่า และมี PA+++ ที่ช่วยป้องกันรังสี UVA ได้ในระดับสูง เหมาะกับผู้ที่ต้องการออกแดดเป็นเวลานาน

ลักษณะของเนื้อกันแดด : เนื้อครีมกันแดดเกลี่ยง่าย คล้ายซิลิโคนสีเนื้ออ่อนๆ ไม่มีน้ำหอมทาแล้วให้ความรู้สึกแห้งเนียนไปกับผิว ช่วยปรับสีผิวดูสว่างขึ้น ปกปิดรูขุมขนได้ดีค่ะ เพราะมีเนื้อคล้ายไพรเมอร์ ใช้ได้ทั้งสาวผิวขาวและผิวสองสี 

ควบคุมความมัน :  บอกเลยชนะเลิศ ระหว่างวันคุมมันดีมาก ซับหน้าช่วงทีโซนนิดหน่อยก็สวยเด้งได้แล้วค่ะ 

คราบและหมองคล้ำ : ใครที่คิดว่าเนื้อกันแดดแบบนี้จะทำให้ผิวแห้งเป็นคราบนั้นคิดผิดค่ะ เนื้อสัมผัสแรกคล้ายแป้งแต่ไม่เป็นคราบเลยสักนิด เรื่องความหมองคล้ำไม่ดรอประหว่างวัน ใครที่ต้องเจอกับอากาศร้อนๆ จนทำให้ช่วงทีโซนมันบ้างเล็กน้อย สามารถซับหน้าและทาแป้งทับได้แบบไรกังวลเรื่องคราบบนใบหน้าไปได้เลยค่ะ

ประสิทธิภาพในการกันแดด : หลังจากลงไปเดินช้อปปิ้งเจอแดงร้อนๆ  หน้าไม่มีรอยแดง ไม่แสบหน้าเลยค่ะ

 

2. Minus Facial Sun Protection SPF40 PA+++ กันแดดที่หลายคนคุ้นเคย เค้าเคลมไว้ว่า เนื้อครีมกันแดดเนียนนุ่มดุจใยไหม ไม่มันหรือเหนียวเหนอะหนะ ปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดตลอดวันด้วย SPF 40 สามารถใช้ได้ทุกวันอย่างปลอดภัย - ปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ ( UVA) และ รังสียูวีบี ( UVB)

ลักษณะของเนื้อกันแดด : สีเบจของเนื้อครีม ทาแล้วแห้งเนียนไปกับผิว มีลักษณะคล้ายกับ BB Care UV Shield แต่สีของครีมกันแดดจะเข้มกว่า ทาแล้วแห้งไปกับผิวไม่ต้องรอให้ครีมเซตตัวก็ทาแป้งทับได้ทันทีเหมือนกันเลยค่ะ 

ควบคุมความมัน :  ไม่ได้เพิ่มความมัน แต่ระหว่างวันต้องซับมันช่วงทีโซน เติมแป้งบ้างค่ะ  

คราบและหมองคล้ำ : ทาแป้งทับแล้วไม่เป็นคราบให้เห็นบนใบหน้า แต่ตกบ่ายสีดรอปลงนิดหน่อย อาจจะเป็นเพราะสีของเนื้อครีมกันแดดที่เข้มกว่าสีผิว

ประสิทธิภาพในการกันแดด : ลงไปเจอแดดช่วงตอนกลางวันแล้วหน้าไม่แสบ สามารถสู้แดดได้บ้าง แต่ถ้าต้องออกแดดเวลานานๆ ก็อาจจะเป็นรอยแดงได้นิดหน่อยค่ะ

 

 

3. Neutrogena Fine Fairness Brightening UV Moisture ครีมกันแดดที่ปกป้องได้ทั้ง UVA ที่ก่อให้เกิดริ้วรอยและ UVB ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวหมองคล้ำ พร้อมสูตร  Oil-free  ไร้ความมัน ไม่เหนียวเหนอะหนะ พร้อมให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว เพื่อผิวกระจ่างใส

ลักษณะของเนื้อกันแดด : เนื้อครีมสีขาว ไม่เหนียวเหนอะ ทาแล้วซึมหายเข้าผิวไปเลย เรื่องความเรืองความชุ่มชื้นช่วยได้จริง ทาแล้วจะเหลือความเงาบนใบหน้านิดหน่อยค่ะ
ควบคุมความมัน :  ส่วนตัวคิดว่ากันแดดตัวนี้เหมาะกับคนผิวแห้งหรือผิวผสม สาวผิวมันขั้นเทพอย่างเกรดดี้ต้องมีซับหน้าช่วงทีโซนบ่อยสักนิดค่ะ

คราบและหมองคล้ำ : ไม่เป็นคราบและหมองคล้ำเลยค่ะ จุดที่ชอบก็ตรงนี้ เมื่อซับหน้าแล้วทาแป้งทับผิวหน้ากลับมาเนียนเด้งได้อีกครั้งได้ (อาจจะต้องขยันเติมแป้งหน่อยนะคะ)

ประสิทธิภาพในการกันแดด : เป็นกันแดดที่ดีตัวหนึ่ง ออกไปกลางแจ้งจัดๆ เป็นเวลานาน แต่ก็ไม่รู้สึกแสบหน้า หลังจากล้างหน้าผิวก็สีสม่ำเสมอไม่คล้ำลงเลยค่ะ



4. Cute Press UV Expert Protection Smooth & Matte SPF 50+ PA+++ กันแดดเนื้อแมท มีประสิทธิภาพกันเหงื่อ กันน้ำ สูตรปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์

ลักษณะของเนื้อกันแดด :  เนื้อครีมสีเนื้อ ปกปิดรอยดำได้บ้าง จะเห็นได้ชัดเลยว่าทาแล้วช่วยจะปรับผิวให้ดูสว่างขึ้น  แต่ไม่ไช่ขาวจนหน้าลอยนะคะ เมื่อทิ้งตัวสักพักเนื้อครีมจะปรับให้เข้ากับสีผิวได้ แต่ที่เค้าเคลมที่ว่าเนื้อแมท ส่วนตัวคิดว่าทาแล้วดูให้ความชุ่มชื่นมากกว่า เหมาะกับผิวขาดน้ำที่ต้องการกันแดดที่ไม่แห้งจนเกินไป

ควบคุมความมัน :  ถ้าต้องเจอกับอากาศร้อนจัดแดดจ้า ตัวนี้ไม่ค่อยควบคุมความมันสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้หน้ามันมากขึ้นจนรับไม่ได้  แต่ถ้าใครนั่งอยู่ห้องแอร์เย็นๆ ซับมันสักนิดก็เอาอยู่ค่ะ

คราบและหมองคล้ำ :  เนื้อครีมทายากนิดหน่อย เวลาทาต้องเกลี่ยดีๆ แนะนำให้ทาที่ละจุดจะช่วยให้เกลี่ยง่ายกว่าแต้ม  5 จุดแล้วเกลี่ยไปพร้อมๆ กัน ส่วนเรื่องความหมองคล้ำ มีบางเล็กน้อย อาจจะด้วยสีที่เข้มกว่าสีผิวจริงเลยทำให้ดรอปบ้างระหว่างวัน

ประสิทธิภาพในการกันแดด : เจอแดดตอนเที่ยงหน้าก็ยังไม่แสบ กันแดดได้ดีนะคะ แต่อย่างที่บอก เนื้อครีมค่อนข้างขาว ทาใครทาหน้าแล้วอย่าลืมทาคอ ไม่อย่างนั้นหน้าขาวกว่าคอแล้วจะหาว่าไม่เตือนนะจ๊ะ


 5. Za TRUE WHITE POWER BLOCK UV SPF 50+ PA++++ Baby Powder บอกเลยว่าที่ตัดสินใจซื้อ เพราะอยากลองของใหม่ ตัวเก่าที่ว่าดีตัวนี้จะคุ้มมันได้ดีเหมือนเหมือนกันมั๊ย? ความพิเศษของตัวใหม่คือ SPF ที่สูงขึ้น สำหรับสาวๆ ที่แพ้แอลกอฮอล์หรือน้ำหอม อาจจะต้องทดลองที่ใต้ท้องแขนหรือข้างแก้มก่อนนะคะ เพราะตัวนี้กลิ่นแอลกอฮอล์ค่อนข้างแรงค่ะ

ลักษณะของเนื้อกันแดด : เนื้อลิควิด เกลี่ยง่ายกว่ารุ่นเดิมค่ะ ทาแล้วไม่เหนียว ไม่หนักหน้า ความรู้สึกแรกที่ใช้ทาแล้วคือเนียนไปกับผิว ใครที่คิดว่าแบบน้ำจะแห้งช้าบอกเลยว่าแห้งสนิท  ตัวนี้ทาแล้วจะไม่ได้ปรับผิวให้ขาวหรือบางคนที่ชอบหน้าขาวมากๆ อาจจะถูกใจตัวเก่ามากกว่าค่ะ

ควบคุมความมัน : ปานกลางระหว่างวันยังต้องซับมันอยู่บ้าง แต่เมื่อเติมแป้งอีกครั้งหน้าก็กลับมาผ่องได้เหมือนเดิม

คราบและหมองคล้ำ :  ใครที่เป็นหวังเรื่องความหมองคล้ำระหว่างวันหมดกังวลไปได้เลย ตัวนี้ไม่เป็นคราบและไม่ทำให้หน้าดูหมองลงเลยค่ะ

ประสิทธิภาพในการกันแดด : ถึงว่าใช้ได้ค่ะ ออกแดดแรงๆ ในตอนเที่ยงกลับมาที่โต๊ะทำงานแล้วหน้าไม่แดง ยังคงเดินเฉิดฉายได้อยู่

6. SpectraBAN Anti UVA-UVB Sunscreen Cream SPF50+  กันแดดคุ้นหน้าคุ้นตามานานแต่ก็ยังไม่เคยลองสักที เคยได้ยินหลายคนบอกกันว่าเป็นกันแดดที่เหมาะกับผิวแพ้ง่ายและเป็นสิว แต่ด้วยกลิ่นและลักษณะเนื้อครีมที่ดูเหมือนว่า ฉันกำลังจะไปเล่นกีฬากลางแจ้งหรือจะไปเที่ยวทะเลหรือเปล่า  จึงตัดสินใจซื้อหลอดขนาดพกพา เผื่อใช้แล้วมันไม่เวิร์คจะได้ไม่เสียดาย

ลักษณะเนื้อกันแดด : เนื้อครีมกันแดดทาแล้วอาจจะดูขาวและเหนียว ไปสักนิด แต่เมื่อทาทิ้งไว้สัก 2-3 นาที ครีมจะเซตตัวให้เนียนไปกับผิว เห็นเนื้อครีมแบบนี้ทาง่ายกว่าที่คิดนะคะ

ควบคุมความมัน : กันแดดตัวนี้ ส่วนตัวคิดว่าเหมาะกับการทาแล้วอยู่ในห้องแอร์มากกว่าที่จะเดินเล่นกลางแดด หน้าอาจจะมันมากกว่าเดิมได้นะคะ

คราบและหมองคล้ำ :  เนื้อกันแดดค่อยข้างหนัก ถ้าเปรียบเทียบกับตัวอื่นๆ  เมื่อซับหน้าและทาแป้งทับ อาจจะเป็นคราบนิดหน่อยค่ะ

ประสิทธิภาพในการกันแดด :  กันแดดได้ปานกลาง ออกแดดตอนเที่ยงแล้วหน้าไม่แดง แต่ถ้าต้องอยู่กลางแดดเป็นเวลานานอาจจะมีแสบหน้าบ้างค่ะ

7.  Biore UV Aqua Rich Watery Mousse SPF50/PA++++ กันแดดสูตร ที่เปลี่ยนเป็นน้ำทันทีที่ทา ซึมซาบเร็ว ไม่มันเหนอะหนะ ปกป้องครบทั้งยูวีเอ และยูวีบี พร้อมบำรุงผิวโดยเก็บกักน้ำหล่อเลี้ยงให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื่น

ลักษณะของเนื้อกันแดด : ทาแล้วแห้งไวมากค่ะ คือตอนแรกที่เห็นเนื้อครีมคิดว่าน่าจะแห้งช้า แต่ในเมื่อเค้าเคลมไว้ว่าเป็นกันแดดที่เป็นเป็นน้ำในทันที เราก็เห็นจริงตามที่เค้าว่า ทาแล้วไม่เหนียว เกลี่ยง่าย ถึงจะไม่ได้ปกปิดจุดด่างดำแต่ก็ช่วยให้หน้าดูสว่างใสขึ้น ตัวนี้มีแอลกอฮอล์ผสมแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกแพ้หรือระคายเคืองนะคะ

ควบคุมความมัน :  ถึงว่าโอเคเลยนะคะ ระหว่างวันหน้าไม่ค่อยมันเหมือนก่อน จะมันแค่ตรงจมูกนิดหน่อย เพราะ เกรดดี้เป็นสาวหน้ามันช่วงทีโซนอยู่แล้ว แต่เมื่อซับมันแล้วไม่มีเครื่องสำอางติดออกมาก็ถึงว่าเริ่ดอยู่นะคะ

คราบและหมองคล้ำ :  สามารถแป้งทับระหว่างวันได้ไม่เป็นคราบและไม่หมองคล้ำเลยสักนิด แค่ซับมันแล้วเติมแป้งทับ หน้าก็ยังดูไบร์ทได้อีกหลายชั่วโมงเลยค่ะ

ประสิทธิภาพในการกันแดด :  ลงไปเผชิญกับแสงแดดตอนกลางวัน มีแสบหน้าบ้างเล็กน้อย ช่วงนี้แดดเมืองไทยอาจจะแรงไปสำหรับตัวนี้

 


8. Scentio Ultimate Sun Protection บางเบาไม่เหนียวเหนอะหนะ แต่คงความชุ่มชื่นได้ยาวนาน พร้อมประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ด้วย SPF65

ลักษณะของเนื้อกันแดด :  เนื้อกันแดดสีขาว เกลี่ยง่าย ทาแล้วแห้งเร็ว เนียนไปกับผิว  ไม่มีสีหรือสามารถปกปิดรอยดำได้

ควบคุมความมัน :  ตัวนี้ค่อยข้างให้ความชุ่มชื้นกับผิว ทาแล้วไม่ได้ควบคุมความมัน เหมาะที่จะทาในช่วงหน้าหนาวมากกว่าอากาศร้อนๆ แบบนี้ค่ะ

คราบและหมองคล้ำ : ถึงจะไม่ได้ควบคุมได้มาก แต่เมื่อซับหน้าแล้วทาแป้งทับก็ไม่เป็นคราบ ไม่หมองคล้ำลงค่ะ

ประสิทธิภาพในการกันแดด :
 ลงไปเดินท้าแดดตอนกลางวันแล้วไม่มีรอยแดงอะไรบนใบหน้า
 



9.  Boots  Dermocare Suncare Facial Sun Protective Light Fluid SPF50
เดินช้อปปิ้งอยู่ในบู๊ทส์ ก็ตาดีไปเห็นกันแดดตัวนี้  หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับกันแดดแบรนด์นี้ แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบทาครีมกันแดดอยู่แล้วมีหรอจะพลาด  เพราะเค้าเคลมไว้ว่า เนื้อบางเบาเหมาะกับผิวมัน ซึมสู่ผิวได้ง่าย ป้องกันแสงแดด SPF ช่วยให้ผิวหน้าแลดูไม่มันเงา เปล่งปลั่งชุ่มชื้น

ลักษณะของเนื้อกันแดด :  เนื้อโลชั่นสีขาว ทาแล้วจะรู้สึกเงากว่ากันแดดเนื้อโลชั่นแบรนด์อื่นๆ  เหมือนเป็นการเคลือบผิว ทิ้งไว้สักพักครีมกันแดดจะเข้าที่ ไม่เหนียว ปรับผิวหน้าให้ดูสว่างขึ้นด้วยนะคะ

ควบคุมความมัน :  ยังคงมันบ้าง  ระหว่างวันยังคงต้องใช้กระดาษซับมัน ช่วงทีโซนอยู่ค่ะ

คราบและหมองคล้ำ : ควรทาครีมกันแดดแล้ว ทิ้งให้ครีมเซตตัวกับผิวหน้าก่อนที่จะรีบทาแป้งทับลงไป ไม่อย่างนั้นอาจจะเป็นคราบได้ เรื่องความหมองคล้ำก็ไม่ทำให้หน้าดูหมองลงเลยค่ะ

ประสิทธิภาพในการกันแดด :  หลายคนบอกว่ากันแดดตัวนี้ดี หลังจากใช้แล้วก็จริงตามที่เคยได้ยิน กันแดดได้ดี  ออกแดดกลางแจ้งเป็นเวลานาน ผิวหน้าไม่แสบเลยสักนิด

10. Shiseido Anessa Perfect UV Sunscreen SPF50 PA++++  กันแดดที่โด่งดังที่สุดในสูตร  Anessa  ใครที่ได้บินไปญี่ปุ่นจะต้องเสียเงินให้กับกันแดดแบรนด์  Shisedo ติดไม้ติดมือมาด้วยทุกครั้ง ขวดสีทองนี้ เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง กันเหงื่อ กันน้ำ เหมาะมากๆ กับอากาศในบ้านเรา

ลักษณะของเนื้อกันแดด : เนื้อโลชั่นบางเบา ทาแล้วไม่เหนียว ไม่มัน เนียนไปกับผิวไม่ลงเหลือความมัน วันไหนที่ไม่ต้องการแต่งหน้าจัด ทาแค่กันแดดแล้วทาแป้งทับ มีความรู้สึกว่าเครื่องสำอางติดทนมากขึ้นค่ะ

ควบคุมความมัน :  ช่วงทีโซนจะมีมันบ้าง ซับนิดหน่อยก็โอเค แล้วค่ะ

คราบและหมองคล้ำ : ไม่เป็นคราบระหว่างวันเลยสักนิด แต่เมื่อทาแป้งทับไปแล้วรู้สึกว่าหมองลงนิดนึง ถ้าใช้คู่กับรองพื้นแนะนำให้ใช้แป้งฝุ่น ทรานสลูเซนท์ทาระหว่างวันจะดูไม่หนักหน้าเท่าทาแป้งอัดแข็งผสมรองพื้นค่ะ

ประสิทธิภาพในการกันแดด :  บอกเลยว่าสมคำร่ำลือในวันที่ออกแดดจัด  หยิบตัวนี้มาทา ล้างหน้าแล้วหน้ายังขาวเหมือนเดิม แต่ด้วยความติดทนกันน้ำกันทุกสิ่งแบบนี้ ต้องเช็คหน้าให้สะอาด ไม่อย่างนั้นสิวอาจจะถามหาได้นะคะ


เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับครีมกันแดดที่เกรดดี้แนะนำ ดูแล้วคุณสาวๆ ต้องรีบหาครีมกันแดดที่เหมาะกับผิวหน้าคุณเอง เมื่อเรามีผิวที่สวยใสไม่หมองคล้ำแล้ว ใบหน้าจะดูอ่อนวัย รอยเหี่ยวย่นต่างๆ ก็จะยังไม่ถามหาก่อนวัย แต่อย่าลืมว่าผิวหน้าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ตัวไหนเกรดดี้ว่าดีบางคนอาจจะไม่ชอบก็ได้ ดูไว้เผื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจซื้อแล้วกันนะคะ

ครีมกันแดดที่ดีต้องเลือกซื้ออย่างไร ?

แน่นอนว่าครีมกันแดดนั้นมีสรรพคุณที่คอยช่วยปกป้องผิวของสาวๆ ให้พ้นจากแสงแดด ถึงแม้ว่าจะมีส่วนประกอบที่เหมาะสม แต่ก็ใช่ว่าจะใช้แล้วได้ผลไปซะทุกยี่ห้อ ฉะนั้นเรามีวิธีการเลือกซื้อครีมกันแดดมาฝากเพิ่มเติมกันด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่สาวๆ ไม่ควรมองข้ามก่อนที่จะตัดสินใจจ่ายเงินนะ

  1. ครีมกันแดดส่วนใหญ่จะป้องกันได้เฉพาะรังสี UVB : เนื่องจากว่าครีมกันแดดที่มีวางขายอยู่ตามท้องตลาดนั้นมักค่าประกอบ SPF ที่ปกป้องผิวหนังของเราให้พ้นจากรังสี UVB ได้เพียงอย่างเดียว โดยรังสีตัวนี้สามารถส่องทะลุได้ถึงชั้นผิวหนังแท้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ แต่ใครจะรู้ว่าในแสงแดดนั้นยังมีรังสี UVA ที่เป็นตัวการทำให้ผิวหนังของสาวๆ ไหม้ เกิดจุดด่างดำได้อีกด้วย ดังนั้นเพื่อให้สวยครบสูตร สาวๆ จึงควรเลือกซื้อครีมกันแดดที่สามารถป้องกันได้ทั้ง UVB รวมถึงมีค่า PA ที่ป้องกันรังสี UVA จึงจะเรียกว่าเป็นครีมกันแดดที่ดีที่สุด
  1. ครีมกันแดดที่มี SPF มาก ไม่ได้แปลว่าดี : ถึงแม้ว่าในครีมกันแดดจะมีค่า SPF ที่สูงลิบลิ่วจนสาวๆ บางคนคิดว่าใช้แล้วสามารถป้องกันรังสีจากแสงแดดได้อย่างดีเยี่ยม แต่สิ่งที่คิดนั้นอาจเป็นการทำร้ายผิวพรรณของสาวๆ ไปอย่างไม่รู้ตัว อย่างกรณีที่สาวๆ ไม่ได้ออกไปในพื้นที่ที่มีแดดจัด แต่กลับทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF อยู่สูง อย่าง SPF70 , SPF90 แทนที่จะป้องกัน กลับกลายเป็นการรับสารพิษเข้าสู่ผิวหนัง ยิ่งสาวๆ คนไหนที่มีผิวแพ้ง่ายก็อาจเกิดการระคายเคืองได้ วิธีที่ดีที่สุด คือ การเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ต่ำ แต่หมั่นทาให้บ่อยขึ้น เท่านี้ก็ช่วยป้องกันอันตรายจากแสงแดดได้อย่างอยู่หมัด ไม่อันตรายต่อผิวหนังอีกด้วย
  1. ไม่ควรเปลือยผิวออกแดดเกิน 5 ครั้ง เสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนัง : เป็นเรื่องเล็กที่ถ้ามองให้ดีแล้วอาจไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป การออกไปตากแดดโดยไม่ทาครีมกันแดดเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง ไม่นับว่าถ้าเราแต่งตัวโชว์เนื้อหนังมังสา หรือแม้แต่การใส่เสื้อแขนสั้นปกติและมีส่วนที่ต้องสัมผัสกับแสงแดดโดยตรงจะมีความเสี่ยงขนาดไหน อย่างการออกไปตากแดดจัด 5 ครั้ง เราก็มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งผิวหนังได้มากกว่าคนปกติถึง 5 เท่า ฉะนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
  1. แนะนำให้ทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง : การออกไปตากแดดจัด หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานานอาจส่งผลเสียต่อผิวหนังได้ อย่างการลงเล่นน้ำทะเล โต้คลื่น หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ร่างกายส่วนต่างๆ จะต้องสัมผัสแสงแดดโดยตรง การทาครีมกันแดดเพียงครั้งเดียวคงช่วยอะไรไม่ได้มาก ส่วนใหญ่ข้างผลิตภัณฑ์จะมีระบุเอาไว้ว่าครีมกันแดดนั้นควรทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง เพราะจากการศึกษาพบว่า ผู้ที่ทาครีมกันแดดเพียงครั้งเดียวจะมีโอกาสเกิดผิวหนังไหม้เกรียมได้มากกว่าผู้ที่ทาครีมกันแดดซ้ำ 2 ครั้งถึง 5 เท่า
  1. เพราะโลกเราเกิดภาวะโลกร้อน จึงควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ : โลกของเรามีก๊าซโอโซน (Ozone) ที่คอยเป็นเกราะป้องกันรังสี UV ที่อยู่ในระดับอันตรายจากแสงอาทิตย์ ปัจจุบัน ปริมาณของก๊าซโอโซนลดลงถึง 40% ฉะนั้น มนุษย์เราก็มีโอกาสที่จะได้รับรังสียูวีเพิ่มมากขึ้นจากเดิมมาก ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อผิวพรรณของเราได้อยู่ทุกขณะ การทาครีมกันแดดเป็นประจำสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนัง หรือจุดด่างดำได้ ผิวพรรณของสาวๆ ก็จะขาวใสอยู่เสมอ

ครีมกันแดดที่นิยมในปัจจุบัน : จะเห็นได้ว่ากันแดดที่นิยมในปัจจุบันจะเป็นเนื้อซิลิโคนนุ่มบางเบา ทาแล้วมีลักษณะเคลือบปกป้องผิว ทำให้ผิวดูเนียนเรียบยิ่งขึ้นและหากเลือกใช้สีที่เข้มขึ้นเหมือนสีรองพื้นก็จะยิ่งทำให้ช่วยปกปิดเพิ่มขึ้น
อีกด้วย จึงเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากของสาวๆ ในยุคปัจจุบัน

ความร้อนอาจเป็นสาเหตุให้ครีมกันแดดเสื่อมสภาพ : ด้วยความที่ครีมกันแดดเป็นอุปกรณ์ที่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้จึงสะดวกต่อการหยิบออกมาใช้ สาวๆ บางคนอาจพกครีมกันแดดติดรถเอาไว้
แต่รู้หรือไม้ว่าในยามที่เราจอดรถภายในรถเกิดความร้อน ยิ่งการจอดรถไว้กลางแดดจัดๆ นี่ไม่ต้องพูดถึง โอกาสที่ครีมกันแดดจะเสื่อมสภาพมีสูงมาก แต่ก็ไม่ต้องถึงกับนำไปไว้ในที่เย็นจัด หรือแช่ตู้เย็น
เพราะจะทำให้ครีมกันแดดเป็นไข ส่งผลให้สรรพคุณบางอย่างในตัวครีมเสื่อมสภาพไป ทางทีดีแนะนำว่าให้เก็บไว้ในที่ที่มีอุณภูมิเหมาะสม ไม่ร้อนจัด ไม่เย็นจัด หรือไม่โดนแสงแดดส่องถึงก็น่าจะเพียงพอแล้ว

 

ทาครีมกันแดดอย่างไรให้ได้ผลดี ? ครีมกันแดด

สำหรับการทาครีมกันแดดโดยเฉพาะบริเวณใบหน้าไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด เพียงแต่สาวๆ จะต้องกะเอาแค่พอดี ไม่จำเป็นต้อง “โบก” หรือทาในปริมาณที่มากจนเกินไป โดยความคิดที่ว่ายิ่งทามากก็จะยิ่งช่วยปกป้องได้มาก เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะจริงซะทีเดียว ขอแนะนำให้ทาแค่ในปริมาณ 1 ช้อนชาต่อครั้ง ครีมกันแดดใบหน้าให้ทาซ้ำ 2 รอบ เพราะใบหน้าเป็นส่วนที่ได้รับแสงแดดโดยตรง และเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพไปแบบสุดๆ ควรทาครีมกันแดดก่อนออกไปเผชิญกับแสงแดด 15 - 30 นาที เพื่อให้เนื้อครีมซึมซาบลงสู่ชั้นผิว คอยเป็นเกราะป้องกันแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญ ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง

วันนี้ต้องขอตัวไปทาครีมกันแดด ป้องกันแสงแดดที่นับวันจะยิ่งร้อนจนทนไม่ไหวก่อนดีกว่าค่ะ บายยยย!


[Advertorial]

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook