แก้ “ฝ้า” ด้วยวิธีใหม่ SOD โดนใจสาวไทย
แก้ “ฝ้า” ด้วยวิธีใหม่ SOD โดนใจสาวไทย
นับเป็นอีกปัญหาผิวที่สร้างความกลุ้มใจให้กับสาวไทยกันถ้วนหน้า เพราะ ‘ฝ้า’ ที่ขึ้นเป็นปื้นดำตามโหนกแก้มมันทำให้บุคลิกภาพของเราดูไม่ดีเอาเสียเลย แต่งหน้าปิดอย่างไรก็ไม่ค่อยจะยอมมิด และนับวันดูเหมือนปัญหามันจะลุกลาม ปานปลายขึ้นเรื่อยๆ อีกต่างหาก หลายคนเริ่มพบว่าครีมบำรุงผิวราคาแพง ที่อุตส่าห์อดออมซื้อมากลับไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น บางคนเริ่มหันไปจัดหนัก
ด้วยการซื้อคอร์สทำเลเซอร์หรือทรีทเมนท์หน้าขาวใส แม้จะเกินบัดเจ็ต
จนต้องผ่อนเอาก็ยอม โดยคาดว่าจะเป็นที่พึ่งสุดท้าย ที่จะทำให้สภาพผิวดีขึ้น
แต่ชีวิตกลับต้องเศร้าซ้ำสอง เพราะปัญหาฝ้าดูเหมือนจะดีขึ้นได้ในระยะแรกๆ แต่เพียงไม่นาน ปัญหาฝ้าก็กลับมาเป็นหนักกว่าเดิมเสียอีก นอกจากสีที่เข้มขึ้นแล้ว จากที่มีแค่บริเวณแก้ม ตอนนี้กลายเป็นลุกลามไปทั่วใบหน้า จนอยากร้องไห้หนักมาก ถึงจุดๆ นี้ หลายท่านเริ่มไม่อยากออกจากบ้านเอาเลย วันนี้เลยถึงเวลาแล้ว
ที่เราต้องรวบรวมข้อมูลของ ‘สิ่งที่คุณควรทำ’ และ ‘ไม่ควรทำ’ เพื่อให้สาวๆ ได้เข้าใจ
ลึกมากขึ้นเกี่ยวกับการพิชิตฝ้าได้อย่างถูกวิธี เพื่อผลลัพท์ในการรักษาฝ้า
ที่เห็นผลแตกต่างจากที่ผ่านๆมา
ฝ้าเกิดจากอะไรกันแน่?
UVA จากแสงแดดคือตัวการหลักที่ก่อให้เกิดฝ้า
คนที่เสี่ยงต่อการเกิดฝ้าเป็นอันดับต้นๆ คือกลุ่มที่ต้องอยู่กลางแจ้งเป็นประจำ แม้ความร้อนจากแดดจะไม่ทำให้ผิวเกิดฝ้า แต่รังสี UVA ในแสงแดดต่างหาก ที่ก่อให้เกิด
การสร้างเม็ดสีที่ผิดปกติ เพราะสามารถเจาะทะลุทะลวงลงไปได้ถึงผิวชั้นใน Epidermis เลยทีเดียวสาวๆ ควรทราบไว้ว่าในวันที่แดดครึ้มก็ไม่ได้แปลว่าจะมีความเข้มข้นของรังสี
UV น้อยลงเลย โดยอัตราความเข้มข้นจะมากที่สุดในช่วง 10 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น
ทำไมฝ้าขึ้นช่วงตั้งครรภ์และหลังคลอดบุตร?
ผิวที่ไวต่อแดด มีโอกาสเกิดฝ้าสูงกว่าผิวธรรมดานับ 10 เท่า
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงตั้งครรภ์ มีผลโดยตรงกับปัญหาฝ้าที่เกิด แม้คุณแม่บางท่านจะพบว่ามีระดับฮอร์โมนเพศหญิงเพิ่มสูงขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ ทำให้ผิวพรรณแลดูเปล่งปลั่งสดใส แต่คุณแม่ที่โชคไม่ดีเท่าอาจพบกับภาวะ
ฮอร์โมนเพศหญิงลดน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นช่วงระหว่างตั้งครรภ์ หรือ
ช่วงหลังคลอดบุตร และนั่นมีผลโดยตรงทำให้ผิวเกิดอาการที่เรียกว่า ‘ผิวไวต่อแดด’ ออกไปกลางแจ้งแป๊ปเดียวเท่านั้น ฝ้าก็มาเยี่ยมอย่างรวดเร็ว
ผิวบอบบาง ไวต่อแดด เกิดจากการใช้ครีมหน้าขาวได้หรือไม่?
ครีมหน้าขาว Whitening หรือครีมแก้ฝ้า Anti-Melasma / Dark Spot Corrector ส่วนใหญ่ล้วนหนีไม่พ้นการใช้กลไกลอกผิวชั้นนอก Peeling ด้วยกรดชนิดต่างๆ เพื่อเผยผิวชั้นในที่ขาวใส แต่ไม่ว่าจะเป็นกรดชนิดใด เมื่อใช้ต่อเนื่องก็มักมีผลเร่ง
การผลัดผิวทำให้ผิวบางลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายกลายเป็นผิวบอบบาง แพ้ง่าย ไวต่อแดด ทำให้ง่ายต่อการเกิดฝ้า ข่าวร้ายไปกว่านั้นก็คือครีมบางชนิดโดยเฉพาะจากทาง
คลีนิกบางแห่งอาจเป็นยาสเตียรอยด์ ซึ่งแม้จะให้ผลดีมากในระยะสั้นๆ ถ้าใช้ไม่เกิน
5-7 วัน แต่การใช้ต่อเนื่องจะทำให้ผิวไวต่อแดดและทำให้เกิดรอยดำบริเวณที่ทา
และอาจสะสมจนก่อให้เกิดสิวสเตียรอยด์ที่อาจต้องใช้เวลาเป็นปีในการรักษา
งดใช้ครีมหน้าขาวและครีมลดริ้วรอยในช่วงที่ผิวไวต่อแดด
ควรเลือกใช้ครีมบำรุงที่เน้นเรื่องการเติมน้ำให้กับผิว หรือกลุ่มที่ช่วยฟื้นฟู
เกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติเท่านั้น หลีกเลี่ยงครีมบำรุงกลุ่มหน้าขาว Whitening และครีมลดริ้วรอย Anti-Wrinkle ทุกชนิดเป็นการชั่วคราว
ทรีทเมนท์ตามสถานเสริมความงามอาจก่อผลร้ายมากกว่าดี
ในขณะเดียวกัน การทำทรีทเมนท์หน้าขาวใสตามคลีนิกบางแห่ง ก็อาศัยกลไกของกรดลอกผิว โดยสามารถ
เพิ่มระดับความเข้มข้นได้สูงกว่าที่กฎหมายกำหนดให้ใช้ในครีมทาผิวเสียอีก แน่นอนว่า
กรดที่เข้มข้นขึ้นเป็นทวีคูณจะช่วยให้ผิวขาวใส ลดเลือนรอยฝ้า ได้ชนิดทันตาเห็น แต่อย่าลืมว่ากรดยิ่งเข้มข้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ผิวบางลงเร็วขึ้นเท่านั้น อย่าแปลกใจถ้าคุณ
จะพบว่าเพื่อนที่ไปทำทรีทเมนท์กลับมาไม่นานจะเกิดฝ้าขึ้นเต็มใบหน้าจนเห็นแล้ว
แทบลมจับ เพราะผิวอยู่ในสภาพที่ไวต่อแดดถึงขั้นรุนแรง
เลเซอร์แก้ฝ้าได้ดีแค่ไหน?
นอกจากราคาคอร์สที่ค่อนข้างสูงจนต้องให้ลูกค้าผ่อน 0% แล้ว การทำเลเซอร์ในรูปแบบ
ต่างๆ เพื่อแก้ฝ้าอาจให้ผลร้ายมากกว่าดี เพราะการยิงเลเซอร์ก็เปรียบเสมือนการลอกผิว
ชั้นนอกออกอย่างรวดเร็ว สังเกตุได้ว่าทางคลีนิกจะแนะนำให้หลีกเลี่ยงแสงแดด
หลังการทำเลเซอร์ เพราะผิวจะอยู่ในสภาวะที่ไวต่อแดด แม้เลเซอร์จะเห็นผลเร็วในช่วงแรก แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นทำให้ผิวบาง กลับมาเป็นฝ้าหนักกว่าเดิม
รอยไหม้จากการใช้เลเซอร์ มีผลทำให้ผิวบาง ไวต่อแดด
ทากันแดดปกป้องคุณจากฝ้าได้หรือไม่?
เพราะครีมกันแดดส่วนใหญ่สามารถปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสี UVB เป็นหลักเท่านั้น ครีมกันแดดบางยี่ห้อมักเคลมว่าสามารถปกป้องผิวจาก UVA (ซึ่งเป็นตัวการหลักที่ก่อให้
เกิดฝ้า) แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่สามารถปกป้อง ได้มากมายนักหรือแทบไม่ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากจะคาดหวังการปกป้องผิวจากครีมกันแดดเต็มประสิทธิภาพ ควรเติมครีมกันแดดทุก 3 ชม ซึ่งในชีวิตประจำวันคงจะสามารถทำได้ยาก
อาหารเสริมตัวไหนช่วยแก้ฝ้าได้ดีที่สุด?
หลายคนอาจจะเคยได้ยินหรือได้ทดลองทานอาหารเสริมที่ช่วยแก้ฝ้าในอดีตมามากมายไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี สารสกัดจากเปลือกสน สารสกัดจากเมล็ดองุ่น กลูต้าไธโอน รวมไปถึง
คอลลาเจนหลากชนิด แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถเอาชนะปัญหาฝ้าได้แต่อย่างใด ความจริง
มีอยู่ว่าแม้อาหารเสริมจะช่วยได้จริง แต่อัตราที่ผิวถูกทำลายจากรังสี UV ที่เข้มข้นมากใน
เมืองไทย มันมากเกินกว่าที่อาหารเสริมทั่วไปในท้องตลาดจะฟื้นบำรุงได้ทันจึงกลายเป็น
การทานเพื่อชะลอปัญหา มากกว่าที่จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างชัดเจน ทานอย่างไรผิวจึง
ไม่แลดูดีขึ้นสักที
อาหารเสริม SOD เป็นสารตัวใหม่ที่แก้ฝ้าได้จริงหรือไม่?
หลังเข้าในตลาดเมืองไทยได้ไม่กี่เดือน อาหารเสริม SOD (เอสโอดี) กำลังกลาย
เป็นทางเลือกใหม่ในการพิชิตฝ้า ที่ฮอตฮิตติดท๊อปชาร์ตอยู่ในขณะนี้ ว่ากันว่ามันดีที่สุด
เท่าที่คนมีปัญหาฝ้าเคยทานมาเลยทีเดียว SOD โดดเด่นกว่าอาหารเสริมชนิดอื่นๆ
มีผลวิจัยว่า SOD สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB
เพราะมีคุณสมบัติพิเศษสามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างเต็มที่ ชนิดที่เรียกได้ว่าดีกว่าทากันแดดเสียอีก นอกจากช่วยลดเลือนฝ้าให้จางลงและปกป้อง
การเกิดฝ้าใหม่แล้ว SOD ยังช่วยแก้ปัญหา “หน้าแก่ก่อนวัย” และ “ช่วยให้ผิวขาวใส”
ได้ไปด้วยพร้อมๆกัน เพราะมีกลไกที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพให้กลับแข็งแรง
คล้ายในวัยเด็กอีกครั้ง ข้อสำคัญ SOD เป็นสารสกัดจากผลไม้ จึงปลอดภัยทานต่อเนื่อง
ในระยะยาวได้โดยไม่สะสม และไม่เป็นภาระให้ตับและไตต้องทำงานหนัก
ผลทดสอบหลังทาน SOD ต่อเนื่อง 8 สัปดาห์
SOD เริ่มได้รับความนิยมเป็นครั้งแรกโดยกลุ่มไฮโซและดาราเมืองไทยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่เน้นเรื่องช่วยให้หน้าเด็กกว่าวัยซะมากกว่า หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมี Blogger ดังอย่างสายป่าน Saypan ออกมายอมรับว่าเป็นอีกคนที่ติดใจ เพราะทานแล้ว
เห็นผลชัดเจน โดนแดดแล้วไม่แสบผิว ซึ่งแตกต่างจากอาหารเสริมพวกคอลลาเจน
ทราบข้อมูลลึกๆเกี่ยวกับฝ้ากันแล้ว เราหวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ และช่วยให้สาวที่กำลังกลุ้มใจกับปื้นฝ้าบนใบหน้าที่นับวันจะรุนแรงขึ้นทุกที กลับมามีความหวังอีกครั้ง ส่วนใครสนใจอยากลองใช้อาหารเสริม SOD ในการช่วยลดเลือนฝ้า ก็ลองไปปรึกษาได้ที่เภสัชกรร้านวัตสันและสยามดรัก หรือใครที่ขี้เกียจฝ่าแดดออกไปเผชิญรถติด ก็สามารถสอบถามข้อมูลหรือสั่งซื้อทางไลน์ nutriva1 หรือโทร 089-442-4747
ดูข้อมูลและรีวิวอาหารเสริม SOD เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/nutrivathailand
หรือแอดไลน์ nutriva1 หรือโทร 089-442-4747
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
Facebook Page : Nutriva Thailand
เภสัชกรร้าน Watsons และร้าน Siamdrug
รีวิวสายป่าน : http://bit.ly/1bAam47
รีวิวพี่วิ Beauty4ties : http://bit.ly/1yVPz5c
นิตยสารทีวีพูล “ซุปตาร์หน้าเด็ก” : https://www.facebook.com/tvpoolsocial/posts/917329878333937
[Advertorial]