พุทธธิดา ศิระฉายา สาวมั่นพลังเกินร้อย

Text : รุ่งวิสาข์ Photo : บุษกร เบญจกุล

พุทธธิดา ศิระฉายา สาวมั่นพลังเกินร้อย

“สิ่งที่คุณต้องมีคือ Commitment กับความเชื่อของคนอื่น เมื่อเขาไว้วางใจเรา เราต้องทำให้ได้”

 

คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี กับ อีฟ พุทธธิดา ศิระฉายา บุตรสาวคนเดียวของศิลปินแห่งชาติ เศรษฐา ศิระฉายา และอดีตนางเอกตลอดกาล อรัญญา นามวงศ์ ที่ตอนนี้ดูเหมือนเราจะได้เห็นหน้าค่าตาของอีฟบ่อยมากขึ้น ในตำแหน่งพิธีกรรายการ ‘สุขภาพแจ๋ว’ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานเบื้องหลังเป็นครีเอทีฟและโปรดิวเซอร์ให้กับหลายรายการ และงานอีเวนต์ต่างๆ ในตำแหน่งผู้บริหารของบริษัท สกายเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ และบริษัท อินฟินิท คอร์เนอร์

ทว่าบทบาทของเธอยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะเธอยังเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนแบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องประดับสำหรับสุนัข ‘Devon&Drew’ ที่ใครเห็นเป็นต้องอดอมยิ้มไม่ได้ กับไอเดียที่ให้ทั้งสุนัขและเจ้าของแต่งตัวเหมือนเป็นคู่แฝด รวมถึงอาหารเสริมแบรนด์ ‘Allplus’ ที่เธอลงทุนศึกษา คิดค้น และทดลองด้วยตนเองจนกลายมาเป็นอีกหนึ่งธุรกิจใหม่ของเธอในขณะนี้ อะไรที่ทำให้เธอมีพลังล้นเหลือ ถึงขนาดที่ว่า 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันสำหรับเธอ มันยังน้อยเกินไป เธอว่าสัก 30-40 ชั่วโมงต่อวันน่าจะดี เธอคงทำอะไรดีๆ ได้มากมายกว่านี้อีกเยอะ

รู้จักตัวเอง
เดิมทีอีฟถนัดกับการเป็นครีเอทีฟ เพราะเป็นคนเที่ยวเยอะ อ่านหนังสือเยอะเป็นคนมีความสนใจหลากหลาย เลยทำให้มีไอเดียใหม่ๆ อยู่ตลอด หลายครั้งที่ได้คอนเซ็ปต์แล้วตีโจทย์ออกมาทำให้คนสนใจได้ นั่นคือลักษณะเด่นของความเป็นครีเอทีฟที่ออกมาก่อน กระบวนการต่อมาจึงเป็นเรื่องของโปรดิวเซอร์ ซึ่งเป็นเรื่องของการคอนโทรลคน เป็นเรื่องของการวางแผนจัดการ พูดง่ายๆ ว่างานของอีฟคือความสามารถในการทำสิ่งที่ครีเอตขึ้นมาให้เป็นชิ้นงานให้ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องเรียนรู้จากการเป็นลูกน้องคนอื่นมาก่อน ยิ่งโดยเฉพาะงานบันเทิงต้องมีพื้นมาก่อน ไม่ใช่ว่าใครโยนงาน
มาให้ แล้วคุณจะทำงานได้ทันที ต้องรู้จักสั่งสมประสบการณ์ให้ตัวเอง

เปลี่ยนแรงกดดันให้เป็นแรงผลัก
ความเป็นลูกคุณเศรษฐา คุณอรัญญา คนจะหยิบยื่นโอกาสให้ด้วยความเชื่อ สิ่งที่คุณต้องมีคือ Commitment กับความเชื่อของคนอื่น เมื่อเขาไว้วางใจเรา เราต้องทำให้ได้ แต่ถ้าเรารู้สึกกดดันแสดงว่าเรามองโลกในแง่ร้ายแล้ว ให้เรามองเป็นแรงผลัก ไม่ว่าเราจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม ย่อมถูกท้าทายด้วยการตอบรับจากใครบางคนอยู่แล้ว ถ้าเราขายของก็ต้องถูกตอบรับจากลูกค้า ถ้าเราเป็นผู้ผลิตรายการก็ต้องถูกตอบรับจากผู้ชม เหมือนกันกับคนที่มาชาเลนจ์เรา เราก็ต้องสามารถเอาชนะใจคนกลุ่มนี้ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้านาย สปอนเซอร์ สถานี คนดู เราต้องเข้าใจว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของงาน มันไม่ใช่แค่ชนะใจคนอื่น แต่เราชนะใจตัวเองด้วย

วัดความสำเร็จตามเป้าหมาย
อีฟประสบความสำเร็จมาได้ในระดับนี้ ส่วนหนึ่งเพราะมีคนแวดล้อมที่ใจดี มีคนเมตตาเยอะ เราโชคดีที่มีทีมงานซัพพอร์ตที่ดี มีผู้ใหญ่เกื้อหนุน แต่ถ้าถามว่าวัดความสำเร็จของตัวเองอย่างไร อย่างรายการ ‘สุขภาพแจ๋ว’ เป็นรายการที่อีฟปั้นขึ้นมาเอง หลังจากรายการ ‘จานดารา’ ที่ทำมาถึง 4 ปี แล้วถึงจุดอิ่มตัว เราก็อยากทำรายการที่ให้ความรู้ เลยกลายมาเป็นเรื่องสุขภาพ เพราะไปไหนมาไหนคนจะชอบถามถึงสุขภาพของคุณแม่ แล้วก็เหมือนมาปรึกษาเรื่องสุขภาพกับเราด้วย มันเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ใครๆ ก็สนใจ เลยทำออกมาในรูปแบบที่พูดง่าย สั้น กระชับ ฉับไว แบ่งข้อมูลออกเป็นข้อๆ ให้เข้าใจง่ายขึ้น ปรากฏว่า Feedback กลับมาดีมาก ไปไหนมีแต่คนบอกว่าชอบเนื้อหารายการ เขาดูแล้วนำไปปฏิบัติตามได้ ซึ่งตรงกับเป้าหมายของรายการ คือ หนึ่งทำให้คนสนใจ สองคือทำตามได้ เวลาเจอคนทักแบบนี้แล้วมีความสุขมาก (ยิ้ม)

จากการดูแลตัวเองสู่ธุรกิจส่วนตัว
วันหนึ่งๆ อีฟทำอะไรเยอะมาก ทั้งต้องบาลานซ์เรื่องงาน ครอบครัว แล้วก็เพื่อน ทำให้บางวันนอนไม่พอ อยากให้วันหนึ่งมีสัก 30-40 ชั่วโมง จะได้ทำอะไรได้หลายๆ อย่าง แต่ร่างกายเราจะโทรมไม่ได้ เพราะทำรายการเกี่ยวกับสุขภาพด้วย จากเดิมที่กินวิตามินเป็นกำๆ เลยเริ่มคิดว่าต้องมีวิธีที่ง่ายกว่านี้สิ ไหนจะมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับคอลลาเจนออกมาอีก เราก็ต้องทานเพื่อบำรุงตัวเอง เลยไปปรึกษากับทีมงานที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้ ทำออกมาเป็นอาหารเสริมที่รวมสารอาหารทุกอย่างที่เราต้องการให้อยู่ในเม็ดเดียว ซึ่งช่วยในเรื่องเผาผลาญ และเรื่องผิวพรรณด้วย ถึงได้ใช้ชื่อว่า ‘Allplus’ ทำออกมาก็เป็นหนูทดลองเอง (หัวเราะ) เพราะความตั้งใจแรกคือกะทำทานเอง ต่อมาพอคนเริ่มสนใจถึงได้ทำขาย

ตอบแทนสังคม
ส่วนตัวอีฟเป็นคนชอบหมาอยู่แล้ว และเคยช่วยงานในโครงการ Good Friend มาตั้งแต่อายุ 12 เอาหมาที่ถูกทิ้งมาเลี้ยงหลายตัวเลย คือคนรักหมามันจะมีอะไรที่เชื่อมโยงถึงกัน เพราะต่อมาก็มีรุ่นพี่มาชวนเป็นหุ้นส่วนแบรนด์เสื้อผ้าน้องหมา ‘Devon & Drew’ เพราะเขาเห็นอีฟรักหมาเหมือนกัน ซึ่งส่วนตัวพี่เขาทำเกี่ยวกับการ์เมนต์อยู่แล้ว ต่อมาเลยเกิดไอเดียว่าในเมื่อทำเสื้อผ้าให้น้องหมาเหมือนเสื้อผ้าของคนแล้ว ทำไมไม่ทำให้คนใส่บ้าง จะได้เหมือนกัน ดูน่ารักดี ปรากฏว่าได้ผลตอบรับที่ดีมาก นอกจากนี้รายได้ส่วนหนึ่งยังมอบให้กับ The Voice โครงการช่วยเหลือน้องหมาจรจัด ของพี่เก๋-ชลลดา เมฆราตรี ด้วย เพื่อตอบแทนอะไรบางอย่างให้แก่สังคมบ้าง

ความสมดุล
หลายคนถามอีฟมากเลยว่า บริหารเวลาอย่างไร สำหรับอีฟทำงานเยอะแค่ไหนก็ไม่เหนื่อยเท่ากับการเดินทางเลย (หัวเราะ) เช่นทำงานตรงนี้ แล้วต้องเดินทางไปทำต่ออีกที่หนึ่ง อีฟเลยจัดการตัวเองแบบนี้ คือเมื่อไหร่ที่อยู่ออฟฟิศจะเคลียร์งานออฟฟิศให้หมด และเมื่ออยู่ข้างนอกก็ต้องเคลียร์งานข้างนอกให้หมด มันเป็นการฝึกให้เราสามารถโฟกัสกับงานอย่างใดอย่างหนึ่งได้เต็มที่ เช่น เมื่ออีฟมีงานข้างนอก ก็สามารถฝากงานออฟฟิศให้ทีมดูแลต่อได้ เพราะเราจัดการในส่วนของเราเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องขอบคุณที่อีฟมีทีมงานที่ดีด้วย สิ่งสำคัญคือ ถ้าเราได้ทำในสิ่งที่ชอบ และเรารักในสิ่งที่ทำ เราต้องทำให้เต็มที่ แต่ความสุขอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการทำงาน เราก็ต้องเสพให้เป็นด้วย นั่นคือการสร้างสมดุลระหว่างสิ่งที่เราต้องทำ กับสิ่งที่เรารักที่จะทำ สิ่งที่เราต้องทำก็ต้องทำให้มันดี สิ่งที่เรารักที่จะทำก็เหมือนเป็นการเติมพลังให้ตัวเอง

My Profile
การศึกษา : ปริญญาตรี คณะศิลปศาสตร์
เอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
อาชีพ : ตำแหน่งผู้บริหาร บริษัท สกายเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ และบริษัท อินฟินิท คอร์เนอร์ / พิธีกรรายการ ‘สุขภาพแจ๋ว’ / เจ้าของแบรนด์อาหารเสริม ‘Allplus’ /
หนึ่งในหุ้นส่วนแบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องประดับสำหรับสุนัข ‘Devon & Drew’

After Work
อีฟเป็นคนชอบเที่ยวมาก ทุกรูปแบบเลย ด้วยความที่อีฟเป็นลูกคนเดียวด้วย เลยชอบที่จะมีควอลิตี้ไทม์
กับคนรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นกับคุณพ่อ คุณแม่ เพื่อนสนิท และเพื่อนร่วมงาน ขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นอยากทำอะไร ไม่มีข้อจำกัดตายตัว ถ้าทำแล้วไม่กระทบกับหน้าที่การงาน ก็ตัดสินใจทำเลย ใช้ชีวิตให้มีความสุขทุกวัน

ติดตามคอลัมน์อื่นๆ เพิ่มเติม ดาวน์โหลดนิตยสารในเครือจีเอ็มได้แล้วที่  

ขอบคุณภาพประกอบ : อินสตาแกรม yvessirachaya