รีวิว เสริมหน้าอก คัพ C เปลี่ยนชีวิต!
มีสาวๆ คนไหนเคยถูกเพื่อนล้อไหมคะ กับคำที่ว่า "หูยย .... นี้ยืนหันหน้าหรือหันหลังอยู่ห๊ะ!" =,= โอ้ยยย! มันเจ็บใจความเป็นลูกผู้หญิงของเราจริงๆ ค่ะ จนทำให้เราคิดว่าถึงเวลาแล้ว ที่เราจะมาเติมเต็มความเป็นผู้หญิงให้เต็มตัว เพื่อเพิ่มความมั่นใจ และแต่งตัวได้สวยมากยิ่งขึ้น
หลังจากที่คิดตัดสินใจแล้วว่าจะทำหน้าอก สิ่งแรกที่เริ่มทำคือการเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำว่าเราควรเลือกจากอะไร ..? คลินิค หรือ ฝีมือคุณหมอ นะ! จนได้คำตอบมาแล้วว่า การตัดสินใจจะทำศัลยกรรมไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ ต้องเลือก ศึกษาข้อมูลของคุณหมอ โดยเราสามารถเช็คข้อมูลได้ผ่านทาง www.tmc.or.th/service_check_doctor.php ค่ะ
จนสุดท้ายสรุปตกผลึกตัดสินใจเข้าไปปรึกษากับ 'นายแพทย์ทรงยศ จันทจิตร์ ' ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเลเซอร์และศัลยกรรมตกแต่งโดยตรง แห่ง Dream Clinic ซึ่งตั้งอยู่ที่โครงการ The wiz ติดถนนรัชดาภิเษก19 ลงรถไฟฟ้าใต้ดินทางออกที่ 1 เจอเลยยย
คุณหมอเป็นศัลยแพทย์ไทยคนแรกที่จบการศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะทางจากประเทศเกาหลี และยังเป็นแพทย์ที่ได้รับการรับรองครบจากทั้งสามสถาบัน จากศัลยแพทย์ตกแต่งไทย(ThSAPS), เอเชียแปซิฟิก (OSAPS) และระดับนานาชาติ (ISAPS)
วิวัฒนาการในการทำศัลยกรรมหน้าอก ตอนนี้มาถึงขึ้นไหนแล้ว
"ในปัจจุบันนั้นการศัลยกรรมพัฒนาอย่างมากแล้ว ในเรื่องของการผ่าตัด เทคนิคการผ่าตัดและการวางยาสลบที่ปลอดภัยขึ้น จากถุงน้ำเกลือมาเป็นซิลิโคนเจล มีความทนทานและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น"
รูปแบบการผ่าตัด (ผ่าบริเวณไหน / บนหรือใต้กล้ามเนื้อแตกต่างกันยังไง)
"การผ่าตัดเสริมหน้าอกสามารถทำการผ่าได้ 3 วิธีหลัก แต่ที่นิยมในวงการแพทย์จะมีในบริเวณจั๊กแร้,ใต้ราวนมและปานนม ส่วนตำแหน่งในการวางซิลิโคนจะมีแบบเหนือกล้ามเนื้อ ใต้กล้ามเนื้อ โดยตำแหน่งในการวางนั้นขึ้นอยู่กับเต้านมของแต่ละคนว่าควรที่จะวางแบบไหน แต่ที่หมอแนะนำที่สุดคือ บริเวณใต้ราวนม เพราะ มีขั้นตอนที่ซับซ้อนน้อยกว่าการผ่าซิลิโคนเข้าทางอื่นของร่างกาย และยังช่วยปกปิดร่องรอยการผ่าตัดได้ดี หลังการผ่าตัดคนไข้มีการฟื้นตัวที่รวดเร็ว"
"ส่วนการวางซิลิโคนบนกล้ามเนื้อ เจ็บน้อยกว่าเพราะไม่ต้องตัดกล้ามเนื้อ ไม่มีผลกับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ สามารถทำให้เต้านมชิดกันได้มากกว่า ส่วนการวางซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อ จะ ช่วยให้หน้าอกส่วนบนลาดลงดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นขอบโค้งไปตามถุงซิลิโคน จึงเหมาะกับคนผอม เนื้อผิวหนังบาง ช่วยลดโอกาสเกิดพังผืดเกาะและหดรัดรอบซิลิโคนมากกว่าวิธีอื่น ทำให้อายุการใช้งานซิลิโคนยาวนานกว่า"
ข้อมูลด้านซิลิโคน (มีกี่แบบกี่ชนิด แต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร)
"ซิลิโคนมี 2 รูปแบบ แต่ก่อนนั้นทางองค์การอาหารและยา จะแนะนำให้ใช้ถุงน้ำเกลือ หลังจากนั้นมีการศึกษาวิจัยแล้วว่าถุงเจลนั้นสามารถให้รูปร่างที่ดีกว่า ธรรมชาติและนุ่มนวลมากกว่า โอกาสในการรั่วนั้นจะน้อยกว่าเดิมเยอะ ซึ่งจะมีทั้งผิวเรียบ และผิวทราย แต่ในปัจจุบันนั้นผิวทรายจะได้รับความนิยมมากกว่า เนื่องจากว่า ผิวทรายสามารถให้เนื้อเยื้อเข้ามาเกาะได้ดีกว่า จะดูเป็นธรรมชาติ ลดการหดรัดตัวของงผังผืดที่จะเกาะรัดเต้านม ไม่ต้องนวดบ่อย "
"ส่วนรูปทรงนั้นจะมีทั้ง ทรงกลม และหยดน้ำ ซึ่งทรงกลมนั้นจะเป็นทรงมาตรฐานในการทำศัลยกรรมหน้า สำหรับสาวๆ ที่อยากได้ความธรรมชาติของเนินหน้าอกด้านบน ให้ดูเป็นธรรมชาติจริงๆ ทรงหยดน้ำจะช่วย
การประเมินโครงสร้างร่างกายในการเลือกใส่ซิลิโคนของแต่คน"
"การใส่ซิลิโคนให้พอดีกับขนาดหน้าอกต้องมีการวัด ซึ่งเราจะมีเครื่องมือในการวัด เพราะขนาดหน้าอกของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน เพราะการใส่ซิลิโคนที่เกินขนาดนั้น มันก็มีข้อเสียอยู่ จะใส่เท่าไรหมอยอมรับว่าใส่ได้ แต่จะดูเป็นก้อนออกมาด้านข้าง บาดเจ็บนานกว่า อาจมีอาการช้าเต้านมหรือหัวนมได้ หมอแนะนำว่าควรเลือกให้เหมาะสมและพอดีกับตัวจะดีกว่า"
เสริมหน้าอกแล้วสามารถให้นมบุตรได้ไหม
"การผ่าบริเวณรักแร้หรือใต้ราวนมนั้น จะไม่มีผลต่อการให้นมบุตร เพราะว่าซิลิโคนอยู่ใต้กล้ามเนื้อ ซึ่งไม่เกี่ยวกับต่อมน้ำนมเลย ยกเว้นการผ่าบริเวณปานนม เพราะจะมีการตัดเนื้อเต้านมบางส่วนบ้าง ทำให้ประสิทธิภาพในการให้นมบุตรน้อยลง แต่โดยทั่วไปหมอก็จะไม่ค่อยเลือกผ่าบริเวณปานนม เพราะโอกาสติดเชื้อมากกว่า"
คุณหมอฝากถึงสาวๆ ที่คิดจะทำศัลยกรรมหน้าอก
"ศึกษาข้อมูลให้ดี ให้ละเอียด ความรู้ในอินเตอร์เน็ตมีเยอะมาก ศึกษาหาข้อมูลประวัติคุณหมอ การเข้ามาปรึกษาแพทย์สำคัญที่สุด เพื่อตกลงทำความเข้าใจกันก่อนจะตัดสินใจทำจะดีที่สุด"
หลังจากที่เราได้คำตอบในเรื่องของการเสริมหน้าอกกันไปแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนแรกในการเริ่มวัดขนาดตัวให้เหมาะกับไซส์ของซิลิโคนที่จะสามารถเข้าไปอยู่ในตัวเราว่าต้องใช้ยี่ห้ออะไร แล้วดูเหมาะสมลงตัวเราไหม ซึ่งคุณหมอจะเน้นความเป็นธรรมชาติให้ได้มากที่สุด โดยคุณหมอจะทำการวัดที่ฐานหน้าอกว่ามีความกว้างเท่าไร มีเนื้อพอกับไซส์ไหน แล้วจะทำการลองใส่ซิลิโคนเพื่อทำการเปรียบเทียบให้เราเห็นภาพได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นค่ะ
(เปลี่ยนชุดเตรียมตัววัดขนาดฐานหน้าอก)
(เครื่องวัดขนาดฐานหน้าอก เพื่อทำการเลือกไซส์ให้เข้ากับตัวเอง)
(คุณหมอให้เปรียบเทียบขนาดว่าชอบไซส์ประมาณไหน โดยการลองใส่ซิลิโคนเข้าไปด้านในเสื้อ)
เสริมความรู้ในเรื่องของความแตกต่างของซิลิโคนแต่ละชนิด
ในปัจจุบันศัลยเเพทย์นิยมใช้ซิลิโคนเจล (Cohesive Gel implant) เพราะความยืดหยุ่นของซิลิโคนจะเสมือนธรรมชาติมากกว่าซิลิโคนประเภทอื่น เเละปลอดภัยมากกว่า และที่สำคัญต้องได้การรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งประเทศไทย และสหรัฐอเมริกาแล้วเท่านั้น
ซึ่งทางดรีมคลินิคจะเลือกใช้ซิลิโคนทั้งหมด 3 ยี่ห้อ นั้นก็คือ Mentor,Silimed และAllergan และจะนิยมแนะนำให้ใส่เป็นผิวทราย เพื่อลดการเกิดพังผืดหดรัดรอบๆซิลิโคน และเพิ่มอายุการใช้งานของซิลิโคนได้นานมากขึ้น ไม่ต้องนวดบ่อย (ซิลิโคนที่มีมาตราฐานจะมีใบ ID การ์ดอยู่ในกล่องเพื่อสามารถนำเลขไปตรวจสอบได้)
(ID การ์ด ยืนยันซิลิโคน)
(ซิลิโคนผิวเรียบ)
(ซิลิโคนผิวทราย)
แต่สาวๆ ต้องทำความเข้าใจก่อนนะคะว่า ซิลิโคนทั้ง 3 ยี่ห้อนี้ มีความแตกต่างกันที่ขนาดและรูปลักษณ์ ในบางครั้งสาวๆ ตั้งความหวังมาแล้วว่าอยากได้ซิลิโคนอันนี้ เพราะศึกษามาแล้วว่าเป็นซิลิโคนที่ดีที่สุด แต่ฐานหน้าอกเราอาจจะรับไม่ได้ ใส่เข้าไปแล้วอาจทำให้เห็นขอบซิลิโคนชัด หรือไม่ได้รูปทรงที่ธรรมชาติ
โดยส่วนตัวแล้ว แนะนำว่าควรเปิดใจคุยกับคุณหมอตรงๆ เพื่อทำการปรับเปลี่ยนซิลิโคนให้เหมาะกับตัวเรา แต่ก็เลือกยี่ห้อที่ได้รับการรับรอง เพราะเจ้าซิลิโคนนั้นต้องอยู่ในตัวเราไปอีกนานเลยนะสาวๆ โดยคุณหมอได้มีทิ้งวลีเด็ดไว้ว่า "เราไม่ได้บอกว่าอะไรดีกว่าอะไร แต่เราจะบอกให้ว่าอะไรเหมาะกับคุณมากที่สุด"
หลังจากที่เราได้ทำการวัดไซส์ ได้ขนาดที่พอดีกับตัวเราแล้ว เราก็ออกมานัดวันที่จะทำการเสริมหน้าอกค่ะ โดยก่อนที่จะไปทำ ก็ควรที่จะเตรียมความพร้อมของร่างกาย งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ ไม่กินของหมักดอง หยุดทานวิตามินที่จะทำให้เลือดออกมาก ออกกำลังกายเพื่อที่จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น และใกล้วันเสริมหน้าอก ก็จะมีพี่ๆ พนักงานโทรมาเตือนและแจ้งรายละเอียดต่างๆ ให้ทราบอีกครั้งค่ะ
เอาหล่ะ! ถึงวันเวลาที่เราจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้เป็นผู้หญิงอย่างเต็มตัวแล้ว ก่อนทำการเสริมหน้าอก ต้องงดน้ำและอาหารก่อน 6 ชั่วโมง กลืนน้ำลายอย่างเดียวเลยวันนั้น พอไปถึงคลินิค พี่ๆ พนักงานจะให้เรากรอกรายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับโรคประจำตัว แพ้ยาหรือไม่ ยินยอมในการวางยาสลบเพื่อระงับความรู้สึกในช่วงที่ทำการเสริมหน้าอกนะ และอธิบายการรับประทานยาต่างๆ ที่ต้องทานหลังจากผ่าตัดเสร็จ
(กรอกเอกสาร ทำความเข้าใจในขั้นตอนต่างๆ)
หลังจากเซ็นเอกสารเรียบร้อยแล้ว พี่ๆ ก็จะพาเราไปเปลี่ยนชุด และพาไปที่ห้องนอนพักฟื้น (การเสริมหน้าอกนั้นถือเป็นการผ่าตัด และมีการใช้ยาสลบในการระงับความรู้สึก แต่หลังจากได้สติ ตื่นรู้สึกตัวแล้วก็นอนพักให้ร่างกาย ค่อยๆ ปรับตัว แล้วสามารถกลับบ้านได้เลย)
ก่อนถึงเวลาผ่าตัด เราไปดูห้องสำหรับพักฟื้นกันก่อนดีกว่าค่ะ สำหรับห้องพักฟื้นจะมีด้วยกันสองส่วนค่ะ ห้องแรกคือห้องที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จะดูแลเราหลังจากทำการเสริมหน้าอกเสร็จ ทั้งออกซิเจน เครื่องวัดชีพจรหัวใจ กระดิ่งส่งสัญญาณ ซึ่งเราจะนอนพักอยู่ห้องนี้จนรู้สึกตัวซักพัก แล้วก็ย้ายมาอยู่ห้องที่ทางคลินิคเตรียมไว้ให้นอนพักก่อนจะกลับบ้านค่ะ
(ห้องพักฟื้นแรก หลังจากที่ออกมาจากห้องผ่าตัด)
(ห้องพักหลังจากที่เราได้สติแล้ว ซึ่งในห้องก็ยังมีเครื่องช่วยหายใจ เผื่อฉุกเฉินอยู่ด้วย)
ก่อนทำการเสริมหน้าอก คุณหมอจะทำการวาดรูปทรงลงบนตัวเรา ว่าจะสูงต่ำเท่าไร รูปทรงยังไง แผลอยู่ช่วงไหน ซึ่งคุณหมอจะละเอียดมากๆ ใช้การวัดแบบเส้นชนเส้น ขั้นตอนนี้เราก็แค่ทำใจให้สบาย ยืนให้คุณหมอออกแบบประมาณ 10 นาที
(ลายเส้นที่คุณหมอทำการร่างไว้)
และก็มาถึงขั้นตอนที่น่าตื้นเต้นและลุ้นที่สุดแล้วล่ะค่ะสาวๆ ช่วงเวลาที่เราจะก้าวเข้าไปในห้อง OR (Operating Room — ห้องผ่าตัด) ความรู้สึกตอนนั้นคือ ถ้าถามใจจริงๆ ไม่รู้สึกกลัวอะไรเลยนะ เดินไปนอนคุยกับคุณหมอที่จะเป็นคนวางยาสลบ
คุยกันซักพัก คุณหมอก็เจาะสายน้ำเกลือ ทำการเปิดเส้น เพื่อให้ยานอนหลับเพิ่มเติม หากหมอวินิจฉัยว่าต้องใช้เพิ่ม และหากมีเหตุฉุกเฉินจะได้ให้ยา หรือ แก้ไขได้ทันทวงที เพราะหากไม่เปิดเส้นไว้ก่อน และเกิดเหตุฉุกเฉิน เส้นเลือดจะปิดทั้งร่างกาย แล้วก็ถามเราว่าปวดระดับไหนให้วัดเป็นเลข 1 ถึง 10 สิ เราบอกประมาณ 3 - 4 พยาบาลก็จะทำการวัดชีพจรต่างๆ จำได้ว่าตอนนั้นกำลังวัดที่น่อง หลังจากนั้นรู้ตัวอีกทีก็ตอนเดินไปที่ห้องพักก่อนกลับบ้านนี้แหละค่ะ พยาบาลให้กินน้ำหวานๆ จะได้เติมน้ำตาลในเลือด เพิ่มความสดชื่นกันหน่อย แต่ตอนนั้นไม่รู้สึกเจ็บแผลหรืออะไรเลยนะ รู้สึกอย่างเดียวคือแน่นมาก แล้วก็หนัก! รวบรวมสติแล้วกลับบ้านค่ะ
(บรรยากาศห้อง OR
อัพเดทอาการหลังจากทำการเสริมหน้าอกเสร็จเรียบร้อยแล้ว
วันแรก : ตอบตามความเป็นจริงเลย คือไม่รู้สึกเจ็บแผลจริงๆ รู้สึกอย่างเดียวคือแน่นและหนัก แต่เป็นอาการที่ทนได้ ทานอาหารอ่อนๆ ดูแลเรื่องอาหารต่างๆ ด้วย เสร็จแล้วก็กินยานอน โดยการนอนคือต้องนอนหมอนสูง ไม่รู้สึกปวดหรืออะไร หลับ Zzzz ..zz
วันที่สอง : เขาว่ากันว่าวันที่สองจะเจ็บปวดที่สุด แต่เอาจริงๆ พอกินยามันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรจริงๆ นะ จะมีก็แต่อาการมึนๆ ยา ได้ยาแก้ปวดแบบน้ำมาขวัญก็ทานแค่วันแรกวันเดียว หลังจากนั้นก็ไม่ได้ทานเลย กินข้าว กินผลไม้ได้ ขวัญจะไม่ค่อยอยากกินเท่าไร แต่เวลากินผลไม้จะรู้สึกสดชื่น กินได้
คือถ้าถามว่าทำไมดูชิวๆ ไม่เจ็บจริงๆ หรอ คือ ตอนนั้นรู้สึกแค่มันแน่น ตึง หนัก ไม่เจ็บไม่ปวดแผลอะไร เป็นอาการที่เชื่อว่าผู้หญิงหลายๆ คนทนได้ ง่วงก็นอนพัก เดินช้าลง พูดได้ปกติ แต่ไม่เจ็บแผลจริงๆ
วันที่สาม : วันนี้ไปคลายผ้าพันออก แล้วคุณหมอก็ตรวจเช็คคว่ามีเลือดคลั่งไหม ปกติหรือไม่ พอหลังจากคลายผ้าพูดได้คำเดียวว่าโล่ง หายใจหายคอสะดวกขึ้นเยอะแต่ต้องรอเวลาที่ร่างกายจะปรับตัวรับกับน้ำหนักของหน้าอกที่เพิ่มขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ใช้ชีวิตแบบไม่ค่อยสนุกเท่าไร ทำทุกอย่างช้าลงมากๆ แต่หลังจากคลายผ้าออก ก็ใส่เป็นสปอตบาร์แทน เพื่อเป็นการผยุงหน้าอกให้เข้าที่ ไม่กระทบกระเทือนมากจนเกินไป
วันที่สี่ จนถึง วันที่หก : พอผ่าน 3 วันแรกมาแล้ว ต้องบอกว่าอาการเริ่มดีขึ้นๆ เรื่อยๆ ค่ะ กินยาตามที่หมอสั่ง ไม่แน่นเท่าวันแรกๆ แต่อาการตึงๆ ยังคงอยู่ แผลไม่ถูกน้ำ ปิดอย่างสะอาดและปลอดภัยต่อเชื้อโรค และไปเดินเล่นได้ แต่แค่การเดินจะช้าลงกว่าเดิม เพราะก็กล้าๆ กลัวๆ เน๊าะ แล้วโดยส่วนตัวเป็นคนเดินเร็วอยู่แล้วด้วย พอทำมาปุ๊บต้องเดินช้าลง เลยรู้สึกกับเรื่องชัดเจนหน่อย
วันนัดตัดไหม : หลังจากครบกำหนด 7 วันก็ไปตัดไหมค่ะ พอตัดไหมเสร็จก็รีบถามพยาบาลเลยว่าแผลเป็นยังไง (ลุ้นรองลงมาจากการเปิดผ้าพันหน้าอกเลย) เสร็จแล้วคุณหมอก็จะสอนนวดหน้าอก แต่นวดในที่นี้คือการทำให้หน้าอกเป็นธรรมชาติ ซิลิโคนชิดกันมากขึ้นนั้นเอง
หลังจาก 7 วันนี้ ร่ายกายก็เริ่มทำการปรับตัวค่ะ ยืดตัวได้มากขึ้น แต่จะมีอาการรัดๆ ที่หน้าอก ปวดหลังบ้าง จุกบ้างบางเวลา พอเวลาผ่านไปอาการก็จะค่อยๆ คลายลงเรื่อยๆ จากที่รู้สึกหนักๆ ก็จะรู้สึกเป็นธรรมชาติ เบาขึ้น เดินได้ปกติ (โดยส่วนตัวปกติเป็นคนเดินเร็วช่วงที่ทำจะเดินช้าลงไปมาก) และเพียงไม่กี่อาทิตย์หลังจากทำมาขวัญก็ไปเที่ยวทะเล ถ่ายรูปแต่งตัวได้อย่างมั่นใจแล้วละค่ะ
ส่วนเรื่องรอยแผลจากการผ่าตัด อย่างที่บอกไปว่าเป็นสิ่งที่ตัดสินใจตอนก่อนทำเลย ในช่วงที่เลือกคุณหมอ เพราะอยากได้คุณหมอที่ใจดี ใจเย็น ถามได้ ให้คำปรึกษาได้ ผลงานดี รวมถึงฝีมือในการเย็บแผลด้วย (อารมณ์แบบทะนุถนอมเราหน่อยนะ) และเป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้เลยค่ะ รอยแผลสวยมากๆ เหมือนเป็นรอยมีดบาด แถมมองไม่เห็นรอยเย็บเลย แผลไม่นู้น ไม่ช้ำ ตอนแรกคิดไว้ว่าจะทำเลเซอร์รอยแผล แต่ตอนนี้รู้สึกโอเคกับมันมาก เลยรักษารอยคล้ำดำต่างๆ ค่ะ
(รอยแผลประมาณ 14 วัน)
หลังจากนี้ก็จะมาดูแลเรื่องรอยแผลเป็นกัน โดยพี่ๆ ที่คลินิคจะแนะนำให้ใช้เป็นซิลิโคนชีสแปะลงไปที่บริเวณแผลผ่าตัด เพื่อทำให้รอยแผลเนียนมากยิ่งขึ้น
(ซิลิโคนชีส รักษารอยแผล)
สรุปภาพรวม
การตัดสินใจเสริมหน้าอกในครั้งนี้ มาจากความคิดที่ว่าอยากเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง แต่งตัวได้หลากหลายมากขึ้น ก่อนหน้านี้คิดมาตลอดว่าการเสริมหน้าอกต้องเป็นอะไรที่น่ากลัว ยิ่งใหญ่ เจ็บหนักแน่ๆ แต่หลังจากที่ทำเสร็จแล้ว ทำให้รู้เลยว่า ฝีมือคุณหมอกับความพร้อมของร่างกายเรานั้นสำคัญค่ะ ออกกำลังกายก่อนจะทำการเสริมหน้าอก ดูแลสุขภาพ เลยทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้ไว เพื่อนๆ ยังบอกเลยว่าขวัญฟื้นตัวไวมากๆ
ส่วนเรื่องฝีมือของคุณหมอนั้นยิ่งสำคัญที่สุด คุณหมอทรงยศมีความประณีต ไม่รุนแรง ผ่าตัดแบบให้เลือดออกน้อย บาดเจ็บให้น้อยที่สุด เลยทำให้ร่างกายไม่เจ็บช้ำมากนัก และการเลือกผ่าใต้ราวนมเป็นบริเวณที่จะบาดเจ็บน้อยที่สุดด้วย นี่ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ขวัญฟื้นตัวได้ไวค่ะ ดังนั้นแล้วก่อนที่จะตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยการทำศัลยกรรมอะไรก็แล้วแต่ ต้องศึกษาข้อมูลคุณหมอให้ดี ดูผลงานของคุณหมอเยอะๆ เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ
สิ่งที่ช่วยในการตัดสินใจให้เลือกเสริมหน้าอกกับคุณหมอทรงยศนั้น เพราะก่อนหน้านี้ได้ทำการหาข้อมูลเกี่ยวกับการเสริมหน้าอกเยอะมากๆ แต่ไปสะดุดตากับผลงานและแผลผ่าตัดที่สวย การผ่าตัดที่บาดเจ็บไม่มาก ฟื้นตัวเร็ว แถมที่คลินิคยังมีทีมคอยตามติดตามอาการ สามารถสอบถามข้อมูลที่สงสัยได้ เกิดอาการอะไรผิดปกติโทรปรึกษาได้ตลอดเวลาเลยจริงๆ ลองวัดขนาดซิลิโคนให้พอใจเราก่อนได้ จึงทำให้หลังจากนั้นก็หาข้อมูลเกี่ยวกับคุณหมอทรงยศเรื่อยๆ จนตัดสินโทรมาปรึกษากับทางคลินิคและตัดสินใจทำกับคุณหมอ และไม่ผิดหวังจริงๆ ค่ะที่ตัดสินใจและเชื่อใจในฝีมือของคุณหมอทรงยศ จันทจิตร์นี้แหละค่ะสาวๆ
สำหรับสาวๆ ที่กำลังมีความคิดที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง อย่าลืมนะคะว่า การศึกษาข้อมูลต่างๆ สำคัญมากๆ ศึกษาเยอะๆ ปรึกษาคุณหมอ แล้วเราจะได้รับความประทับใจกับผลลัพธ์ที่ออกมาเหมือนกับขวัญค่ะ ^^
ขอขอบคุณ : นายแพทย์ทรงยศ จันทจิตร์ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเลเซอร์และศัลยกรรมตกแต่งโดยตรง แห่ง Dream Clinic
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ : Dream Clinic / FB Clinicdream
อัพเดทเรื่องราวมากมายที่ผู้หญิงห้ามพลาดได้ที่ อินสตาแกรม : Sanookwomen