สาวๆ ควรรู้! ทาแป้งที่จุดซ่อนเร้น เสี่ยงมะเร็งจริงหรือ?

แป้งและจุดซ่อนเร้น

คอลัมน์ คุยกับหมอพิณ

พ.ญ.พิณนภางค์ ศรีพหล

email:doctorpin111@gmail.com

สวัสดีค่ะ สัปดาห์ก่อน เราคุยกันถึงเรื่อง น้ำหอม กับจุดซ่อนเร้น วันนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่องแป้งกับจุดซ่อนเร้นกันบ้างนะคะ ตามที่เป็นข่าวมาซักพัก ที่ว่าแป้งฝุ่น ทาไปทามา กลายเป็นมะเร็งรังไข่ได้จริงหรือ

ตามปกติ แป้งทัลคัม หรือแป้งที่มีส่วนประกอบของทัลค์ (Talc Powder) ประกอบไปด้วยแร่ธาตุ แมกนีเซียม ซิลิคอน ออกซิเจน ซึ่งมีคุณสมบัติดูดความชื้นได้ ทำให้ผิวที่ทาแป้ง แห้งสบาย ลดการเกิดผดผื่น

แป้งทำให้เกิดมะเร็งจริงหรือ

แป้งในสมัยโบราณ จะมีส่วนประกอบของ แร่ใยหิน หรือ Asbestos ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง สูดดมเข้าไปอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดได้ ดังนั้นในปัจจุบัน แป้งส่วนใหญ่จะไม่มีส่วนผสมของแร่ใยหิน หรือ Asbestos แล้ว

แป้งกับมะเร็งรังไข่ล่ะ

แป้ง กับมะเร็งรังไข่ เป็นอะไรที่ เขา "สงสัย" กันมานานแล้วค่ะ แต่ก็ยังสรุปชัดเจนไม่ได้ซักที

มีการสันนิษฐานว่า ไม่ว่าจะเป็นการทาแป้งที่ระหว่างขา หรือจุดซ่อนเร้น หรือใช้กระดาษชำระที่มีส่วนผสมของแป้ง หรือใช้ถุงยางที่มีแป้ง ตัวแป้งอาจจะเข้าไปในช่องคลอดแล้วเดินทางเข้าไปในโพรงมดลูก สู่ท่อนำไข่ แล้วก็เข้าไปหารังไข่ นานเข้า อาจทำให้เกิดมะเร็งรังไข่ได้

มีการทำการศึกษามากมาย แต่ก็ยังได้ข้อสรุปที่ไม่ตรงกัน บางการศึกษาก็ว่า ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยง

บางการศึกษาก็ว่า เพิ่มความเสี่ยง "เพียงเล็กน้อย" เท่านั้น

ทาแป้งตรงจุดซ่อนเร้นได้ไหม

ก่อนอื่นต้องถามก่อนค่ะว่า จะทาไปเพื่ออะไร

ลดความอับชื้น : การใส่เสื้อผ้าไม่รัดติ้ว ใส่เสื้อผ้าที่โปร่งสบาย ช่วยท่านได้

อยากให้ตรงนั้นมีกลิ่นหอม : ถ้าตรงนั้นมีกลิ่นเหม็น ...ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษา

ถ้าตรงนั้นมีกลิ่นปกติ แต่อยากได้ความหอมเป็นพิเศษแบบเอ็กซ์ตร้า :(ขอมองบน) ล้างน้ำให้สะอาด และใช้สบู่อ่อน ๆ ซับให้แห้ง ก็เพียงพอแล้วค่ะ 

ถ้าอยากจะทาแป้งจริง ๆ ก็พึงระลึกว่า มีคนเขาว่ามา ว่ามัน "อาจจะ" เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งรังไข่ได้ นะจ๊ะ

ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่

มะเร็งรังไข่ มักพบในคนอายุมาก เฉลี่ยที่อายุ 60 ปี

มักสัมพันธ์กับคนที่มีบุตรน้อย หรือมีบุตรยาก หรือมีบุคคลในครอบครัวเป็นมะเร็งรังไข่ค่ะ

เพิ่มเติมนะคะ มะเร็งรังไข่ ส่วนใหญ่คนไข้มักจะมาพบแพทย์ตอนอาการเป็นค่อนข้างมากแล้ว เช่น ก้อนโตเต็มท้อง มีน้ำในช่องท้อง เพราะในระยะต้น ๆ มักไม่แสดงอาการค่ะ การตรวจภายในประจำปี อาจช่วยให้ค้นพบโรคได้เร็วขึ้น และรักษาได้เร็วขึ้นได้ 

ดังนั้น สาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลาย อย่าลืมไปพบคุณหมอสูตินรีแพทย์เป็นประจำทุกปีกันด้วยนะคะ

สวัสดีค่ะ