เต็มร้อยด้วยความมั่นใจในแบบของตัวเอง โอปอล์ ปาณิสรา อารยะสกุล

เต็มร้อยด้วยความมั่นใจในแบบของตัวเอง “ปอล์ไม่เคยคิดว่าปอล์ไม่สวย ตั้งแต่เด็กจนโตใครจะว่าปอล์ดำ ใช่เราดำ แต่ไม่เคยคิดว่ามันไม่ดี ใครว่าเราไม่สวย แต่เรามองกระจกแล้วเราว่าสวยในแบบของเรา” โอปอล์ บอกเล่าทุกเรื่องราว ตั้งแต่การทำศัลยกรรมจมูกที่ย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ทำ การเป็นสาวมั่นก๋ากั่น แต่มีขอบเขตและพูดจาไพเราะ รวมไปถึงความสุขในชีวิต “ปอล์เป็นคนใช้ชีวิตสุดมาก และเหมือนเป็นคนไม่มีสเต็ปในชีวิต แต่มีทุกวันนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็โอเค พร้อมจะตายได้ทุกนาที”

“นอกจากงานเบื้องหน้าก็มีงาน 2 อันนี้เป็นงานเบื้องหลังให้ดูแล” โอปอล์อัพเดตเรื่องราวของบริษัทนาง-แมวป่า บริษัทผลิตรายการโทรทัศน์ ดิจิตอลคอนเทนต์ และงานอีเวนต์ที่เปิดตัวมาได้ 5-6 ปี รวมไปถึงร้านกาแฟ O’s Coffee by Opal ที่เกิดจากความรักในการดื่มกาแฟให้เราฟังหลังจากขึ้นปกให้กับนิตยสาร NYLON เมื่อ 3 ปีก่อน “นอกจากนี้ก็มีพาร์ทคุณแม่ ได้เวลาเกือบทั้งหมดไป 80% ปอล์อยู่กับลูก”

แน่นอนว่าเวลาเกือบทั้งหมดที่โอปอล์หมายถึงเริ่มตั้งแต่การตื่นนอน เรื่อยไปจนถึงการดูแลทั้งหมด โดยมีพี่เลี้ยงคอยช่วยหยิบจับบ้างเล็กน้อย เพราะอลินและอรัญ น้องฝาแฝดมักตื่น กินนม หรือนอนในเวลาไล่เลี่ยกันเสมอ “การดูแล ปอล์ดูแลหมด เพราะใส่ใจจริงๆ ขนาดงานที่เรารับผิดชอบเรายังทำเองเลย เวลาเดินไปข้างหน้าตลอด และเขาก็โตขึ้นเรื่อยๆ” โอปอล์เล่า “ไม่อยากรู้สึกตัวว่าพอลูกโตแล้ว เราไม่ได้ดูแลเขาเราทำให้เขาเกิดขึ้นมา เราต้องดูแลให้เขาเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพมากที่สุด ไม่อยากเลี้ยงปล่อยปละละเลย อยากสอน อยากปลูกฝังวิธีมองโลกอย่างที่เราเคยเป็น”

ปัจจุบันโอปอล์เป็นพิธีกรเพียง 2 รายการ ทำงานหรือเข้าออฟฟิศอาทิตย์ละ 1 วัน และรับทำอีเวนต์เฉพาะที่อยากทำจริงๆ “การแบ่งเวลาของปอล์ง่ายกว่าคุณแม่คนอื่นที่ทำงานเป็น Routine เยอะ เพราะเรา Manage เวลาตัวเองได้ แต่อย่างพี่โอ๊ค(นายแพทย์สมิทธิ์ อารยะสกุล) เป็นหมอฟูลไทม์จริงๆที่โรงพยาบาล สแตนด์บายจันทร์-ศุกร์ วันไหนพี่โอ๊คอยู่บ้าน ปอล์ก็ไปอีเวนต์แล้วรีบกลับบ้าน” โอปอล์เล่าถึงการแบ่งเวลางานและครอบครัว “ปอล์บูชาคุณแม่ที่ทำงาน Routine จันทร์-ศุกร์ กลับบ้านแล้วเลี้ยงลูกเขาเหนื่อยกว่าปอล์เยอะ”

“สิ่งที่กลัวที่สุดเลยคือคนอื่นมาเลี้ยงลูกเราให้สปอยล์ มาเลี้ยงลูกเราให้เป็นลูกคนรวย อันนี้เราทนไม่ได้ สิ่งที่รับไม่ได้เลยในชีวิตคือคนที่ดูถูกคน” โอปอล์เล่าถึงแนวทางในการเลี้ยงลูกเมื่อเราถามถึงสิ่งสำคัญที่เธออยากปลูกฝังให้ 2 ฝาแฝด “ปอล์เป็นลูกชาวบ้าน โตมาแบบเด็กไทยทั่วไป ขึ้นรถเมล์ไปโรงเรียน พ่อแม่สอนเราด้วยความรัก ไม่ได้บอกว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่ก็ไม่เคยทิ้งเราไปไหน คือเที่ยวกลางคืนได้ แต่พ่อรอกลับบ้านถึงเมาก็รอ แล้วเราจะกล้าเมาจริงๆ เหรอ”

โอปอล์เล่าถึงชีวิตวัยเด็กที่พ่อแม่ไม่ได้ห้าม และปล่อยให้เธอเรียนรู้ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นแนวคิดในการเลี้ยงลูกของโอปอล์เอง “อยากให้เขาเรียนรู้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่แม้แม่ แบบต้องกินออร์แกนิค ลูกห้ามวิ่งเล่น ... ลอง กิน ทำ เดี๋ยวเราจะอยู่ด้วย ตอนนี้ลูกยังอ่อน ก็เลี้ยงดูสุขอนามัย ด้านความคิดจะทำอะไรเราปล่อย” โอปอล์กล่าว “ยุคที่วัยเราเป็นพ่อแม่ คนเริ่มเลี้ยงลูกเป็นเทวดามากขึ้น ทุกอย่างไม่ต้องสะอาดมาก ไม่ต้องตามตำราก็ได้ ตอนเด็กๆ พ่ออาบน้ำเราในกะละมังซักผ้า ... ก็โอเคนิ”

แน่นอนว่าการรักและมั่นใจในตัวเองคือหนึ่งในแนวคิดสำคัญในการใช้ชีวิตของโอปอล์และลูก “ยิ่งมีลูก รู้เลยว่าความสุขของเขาคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เราไม่บอกด้วยซ้ำว่าเขาศาสนาอะไร ปอล์เป็นพุทธจ๋า แต่โตขึ้นเขาอยากนับถืออะไรก็ได้เลย เพศโดยกำเนิดเป็นหญิงชายโตขึ้นเลือกได้หมด Based on การไม่ดูถูกคนและรักตัวเอง” โอปอล์เล่าถึงสังคมในปัจจุบันที่เด็กหลายคนไม่รักตัวเองมากพอ ชีวิตอยู่กับเทรนด์ที่คนกำหนดขึ้นมา หรือชีวิตที่ต้องได้รับความรักจากผู้อื่น

“ปอล์อยากสอนให้ลูกเติมเต็มในตัวเอง ถ้าลูกเราชอบในสิ่งที่เราไม่ชอบ เราก็จะฟังเขา ให้ลูกไม่รู้สึกว่าโดนสกัดกั้น แล้วความรักของเราจะเติมเต็มเขาเอง ให้เขารักตัวเองให้มาก โตขึ้นมาเข้มแข็ง ในอนาคตจะเป็นอะไรก็ได้ คุยกับพี่โอ๊คว่าจุดยืนในการเลี้ยงลูกคือเข้มแข็งในกาย ใจ และสติปัญญา” โอปอล์สรุป “กายสำคัญ เพราะลูกเราตัวเล็กนิดเดียวกว่าจะโตได้ขนาดนี้ ใจก็สำคัญ ต้องรักตัวเองให้มากพอ สติปัญญาแข็งแรง แยกแยะผิดชอบชั่วดีให้ได้ ถ้าเขาเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ก็ต้องรีบหมุนเขากลับมาให้ได้ ... สุดท้ายแล้วเราไม่ได้เป็นเด็กในกรอบ แต่เราก็ไม่เสียนิ”

ไม่ต้องเป็นใครเลย ไม่ต้องเหมือนใครเลย ไม่ต้องตามเทรนด์ที่ใครสร้างไว้ เป็นตัวเองให้ดีที่สุด แฟชั่นคือการตลาด อยากแต่งอะไรแต่ง อยากทำอะไรทำ Based on การเป็นคนดี ดีในที่นี้คือดีกับตัวเองดีกับคนที่รักเรา ไม่เบียดเบียนใคร ก็พอแล้ว

 

อัพเดทเรื่องราวมากมายที่ผู้หญิงห้ามพลาดได้ที่ อินสตาแกรม :  sanookwomen