สงกรานต์ความทรงจำสีเทา เปิดใจ “หญิงถูกลวนลาม” แต่งมิดชิด-อายุเยอะ ใช่ว่าจะรอด!!

สงกรานต์ความทรงจำสีเทา เปิดใจ “หญิงถูกลวนลาม” แต่งมิดชิด-อายุเยอะ ใช่ว่าจะรอด!!

สงกรานต์ความทรงจำสีเทา เปิดใจ “หญิงถูกลวนลาม” แต่งมิดชิด-อายุเยอะ ใช่ว่าจะรอด!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ใกล้เข้ามาแล้วกับเทศกาลสาดน้ำ ซึ่งปีนี้อาจจะแตกต่างจากหลายปีที่ผ่านๆ มา ตรงที่เป็นสงกรานต์ที่อยู่ในสถานการณ์ “แล้ง” มีน้ำให้สาดน้อยสักหน่อย อย่างไรเสีย ก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ทำให้ปีนี้เป็นสงกรานต์สีเขียว รักษ์โลก สาดน้ำกันเบาๆ มือ จะได้มีน้ำใช้ไม่ขาดตลอดทั้งปี

อีกเรื่องหนึ่งที่ “น่าห่วง” ตีคู่มากับอุบัติเหตุบนท้องถนน นั่นคือ “ภัยลวนลามทางเพศ” ที่ช่วงปีหลังๆ มีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นทุกปี ที่น่าตกใจ ผู้หญิงที่ถูกลวนลามทางเพศ ไม่ใช่เฉพาะ “สาวรุ่น” ใสๆ แบ๊วๆ แม้แต่ “สาวใหญ่” วัย 60 ก็ยังไม่รอด!!

สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ร่วมกับมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงจัดกิจกรรมรณรงค์กระตุ้นความปลอดภัยเทศกาลสงกรานต์ ภายใต้แนวคิด “แฮปปี้สงกรานต์..ไม่มีเหล้า ไม่ลวนลาม ไม่รุนแรง” ที่โรงแรมเอบีน่าเฮ้าส์ กรุงเทพฯ

งานเริ่มต้นด้วยการนำเสนอ “ผลสำรวจทัศนคติผู้หญิงไทยต่อเทศกาลสงกรานต์ ปี 2559” ซึ่งสำรวจกลุ่มตัวอย่างผู้หญิง 1,793 ราย อายุระหว่าง 10-40 ปี ในพื้นที่กรุงเทพฯ นครปฐม สมุทรปราการ เชียงใหม่ ลำปาง อำนาจเจริญ ชุมพร ชลบุรี ขอนแก่น พบว่า ผู้หญิง 51.9% เคยถูกฉวยโอกาสถูกลวนลาม โดยเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เคยเจอคือ ถูกฉวยโอกาสลวนลามคุกคามทางเพศ ถูกก่อกวนจากคนเมาสุรา บังคับให้ดื่ม ปัญหาการทะเลาะวิวาท การเล่นน้ำเกินขอบเขต เกิดอุบัติเหตุ

เท่ากับว่า “ครึ่งหนึ่ง” ของผู้หญิงที่ไปเที่ยวสงกรานต์ตามที่ต่างๆ ถูกลวนลามทั้งสิ้น!!

กระนั้นก็ดี ยังมีผู้หญิงถึง 14% มองเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ ยอมรับได้ เพราะใครๆ ก็ทำกัน

แต่ถึงอย่างนั้น ผู้หญิงถึง 85.9% เห็นว่าไม่ควรฉวยโอกาสลวนลามแต๊ะอั๋งช่วงสงกรานต์ และควรมีมาตรการควบคุมป้องกัน

น.ส.ปุณิกา อภิรักษ์ไกรศรี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง กล่าวว่า จากผลสำรวจสะท้อนว่าประเพณีสงกรานต์กลายเป็นพื้นที่สร้างค่านิยมการล่วงละเมิดทางเพศให้เป็นเรื่องปกติ ซึ่งถูกสร้างจากประเพณีการเล่นน้ำอย่างไม่มีขอบเขต ไม่ให้เกียรติ ไม่เคารพสิทธิส่วนบุคคล

“ผู้หญิงกลายเป็นตัวแทนความสนุกสนานคู่ไปกับการเล่นน้ำ และจากสถิติ 14.1% มีผู้ยอมรับว่าการฉวยโอกาส ลวนลาม การแต๊ะอั๋ง เป็นเรื่องปกติ จะเป็นชนวนสู่การล่วงละเมิดที่มีความรุนแรงมากขึ้น แม้แต่ผู้หญิงที่แต่งตัวมิดชิด หรือเด็กผู้หญิงก็ถูกลวนลามได้เช่นกัน”

“พื้นที่สงกรานต์กลายเป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย เสี่ยง และมีความรุนแรง” ปุณิกาย้ำ

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมีการดื่มแอลกอฮอล์ ผลที่ตามมายิ่งแย่ลง

“ทั้งการทะเลาะวิวาท อุบัติเหตุ เพราะเป็นปัจจัยหนุนเสริมให้เกิดความรุนแรง การล่วงละเมิดต่อผู้หญิงและเด็ก ไม่เพียงแต่ทำลายประเพณีสงกรานต์ที่ดีงาม แต่ยังกลายเป็นสร้างพื้นที่เสี่ยง”

ที่ห่วงที่สุด ก็เด็ก เยาวชน คนรุ่นใหม่ วัยคะนองทั้งหลาย ที่ยังขาดความยับยั้งชั่งใจ

ปุณิกาจึงว่า เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ควรกำหนดพื้นที่เล่นน้ำปลอดภัย สร้างสรรค์ ให้เกียรติ ไม่ใช้อุปกรณ์ที่แรงดันน้ำสูง มีศูนย์ให้บริการช่วยเหลือและเฝ้าระวังสถานการณ์ กำหนดมาตรการพื้นที่เล่นน้ำสาธารณะทุกจุด ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 และกฎหมายอื่นอย่างเคร่งครัด


ภายในงานได้นำผู้เสียหายถูกลวนลามมาพูดคุย ซึ่งไม่เพียงถูกกระทำ เธอยังถูกกลุ่มผู้ชายที่ลวนลามตอกใส่หน้ากลับมาหลังส่งเสียงความไม่พอใจออกไปว่า

“ไม่อยากเล่น แล้วออกมาทำไม”

นางสาวบี (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี ชาวกรุงเทพฯ เล่าว่า เหตุการณ์วันนั้นจำได้ขึ้นใจ เนื่องจากเธอต้องทำงานตามปกติ ใส่ชุดทำงานมิดชิดเรียบร้อย และระหว่างเดินออกจากบ้านได้เจอกับกลุ่มวัยรุ่นในซอย พยายามใช้น้ำราดและทาแป้งที่บริเวณใบหน้า และจับหน้าอกลูบลง ถึงบริเวณช่วงล่าง ด้วยความตกใจจึงร้องเสียงดัง และต่อว่ากลุ่มวัยรุ่นทันที จนมีปากเสียงกันเล็กน้อย ซึ่งกลุ่มวัยรุ่นไม่ได้รู้สึกผิดและเล่นตามปกติ

“ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้รู้สึกว่าเทศกาลนี้ไม่มีความปลอดภัย ไม่มีกฎหมายควบคุม ใครจะทำอะไร จะล่วงละเมิดใครก็ได้ บางรายยังถูกบังคับให้ดื่มเหล้า ถูกรีดไถเงินไปซื้อเหล้า” เธอระบายอย่างอัดอั้น และกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมนี้เป็นของคนส่วนน้อยเท่านั้น ที่ทำให้เสื่อมเสียเหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป แต่ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องทบทวน ไม่ปล่อยให้เกิดพฤติกรรมแบบนี้ในสงกรานต์

จากกรณีของนางสาวบีสะท้อนว่า ไม่จำเป็นต้องแต่งโป๊ วาบหวิว แต่แต่งมิดชิดก็ยังไม่พ้น และก็ใช่ว่า จะเกิดขึ้นแต่เฉพาะกับสาวๆ วัยเกษียณอายุก็โดนเช่นกัน

นางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 61 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป ที่ออกไปดูแลลูกหลานเล่นน้ำ ก็ถูกชายมีอายุในสภาพมึนเมา เข้ามาลวนลามบริเวณหน้าอก ซึ่งเธอเล่าว่า ปีที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเล่นสงกรานต์ย่านถนนข้าวสารกับลูกชายและลูกสะใภ้ ด้วยความเป็นห่วงลูกจึงไปเป็นเพื่อน จากนั้นมีผู้ชายมีอายุเดินถอดเสื้อในสภาพมึนเมา เดินเข้ามาประแป้งที่ใบหน้าและลวนลามบริเวณหน้าอก ตอนนั้นรู้สึกตกใจมาก แต่เลือกที่จะไม่ร้องส่งเสียงโวยวาย เพราะกลัวและอาย จึงพยายามเดินหนี และตัดสินใจชวนลูกชายลูกสะใภ้กลับบ้านทันที ซึ่งช่วงที่เดินกลับยังได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งร้องโวยวาย “ไอ้หื่น” เมื่อมองไปก็เห็นชายคนเดียวกันอยู่ในบริเวณนั้นด้วย และคิดว่าคงมีคนอื่นอีกที่ถูกลวนลามเช่นเดียวกับตน

นางสาวเอยังกล่าวฝากว่า “ในทุกพื้นที่ที่เล่นสงกรานต์ ควรเป็นพื้นที่ห้ามขายห้ามดื่มเหล้าเบียร์ไปเลย พร้อมฝากให้เปิดพื้นที่สงกรานต์แบบดั้งเดิม เพื่อให้สงกรานต์เล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่หากปล่อยเฉยไปคิดว่าปีนี้คงไม่เล่นสงกรานต์”

ปิดท้าย นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า ฝากว่าการคุกคามทางเพศในช่วงเทศกาลสงกรานต์สามารถโดนได้ทุกวัย และไม่ใช่เพียงผู้หญิงเท่านั้น ฉะนั้นเมื่อมีกฎหมายเรื่องกระทำอนาจารอยู่แล้ว เมื่อถูกกระทำจะต้องเอาผิด อย่าไปยอม ขณะที่ตำรวจเองต้องจับและต้องจริงจัง

“สงกรานต์นี้ต้องเปลี่ยน ทำอย่างไรจะให้เป็น 3 วันแห่งความสุข ไม่ใช่วันที่จะฉวยโอกาสในการคุกคามทางเพศ วันที่จะกระทำความรุนแรง”

จะเด็จแนะนำผู้จะไปเล่นสงกรานต์ให้ไปเป็นกลุ่ม อย่าไปในสถานที่ที่มีการดื่มแอลกอฮอล์ เล่นแป้ง แต่หากที่สุดถูกกระทำอย่านิ่งเฉย อย่าปล่อยให้เขาได้ใจ จะต้องแจ้งตำรวจ ถึงแม้จะโทษไม่แรง แต่ก็ทำให้เขาอายและรู้สึกสำนึกขึ้นมาบ้าง สำหรับสถานที่เล่นสงกรานต์ที่ปลอดภัย เช่น ถนนตระกูลข้าวต่างๆ ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่เขตหรือท้องถิ่นดูแลเข้มงวด หรือสถานที่ควบคุมไม่ให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีจุดรับแจ้งเหตุ และมีเจ้าหน้าที่คอยกวดขัน

เพราะสงกรานต์ไม่ใช่พื้นที่สงคราม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook