กินอาหารเสริมฮอร์โมนเพศหญิง ประโยชน์หรือโทษ

กินอาหารเสริมฮอร์โมนเพศหญิง ประโยชน์หรือโทษ

กินอาหารเสริมฮอร์โมนเพศหญิง ประโยชน์หรือโทษ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เดี๋ยวนี้การกิน “อาหารเสริมฮอร์โมนเพศหญิง” กลายเป็นสิ่งที่สาวๆ ผู้กำลังเข้าสู่วัยทองคิดว่าจำเป็นต้องรับเข้าสู่ร่างกาย …แต่กินแล้วจะได้ประโยชน์หรือโทษ วันนี้คุณหมอชัญวลี ศรีสุโข หรือคุณหมอหวิว สูตินรีแพทย์คนดัง และคอลัมนิสต์ที่มีแฟนติดตามงานเขียนจำนวนมาก จะมาไขข้อสงสัยนี้ให้เราค่ะ

Q ดิฉันมีผิวหน้ามัน ค่อนข้างหยาบ และมีขนดกกว่าผู้หญิงทั่ว ๆ ไป เพื่อน ๆ เลยแนะนำให้กินอาหารที่ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิงจำพวก ถั่วเหลือง และน้ำมะพร้าว จึงอยากถามคุณหมอว่า ดิฉันควรกินอะไรบ้าง เพื่อช่วยให้มีความเป็นผู้หญิงเพิ่มขึ้น

A อาการที่เล่ามา หากเป็นไม่มาก ถือเป็นอาการปกติ เกิดจากกรรมพันธุ์

แต่หากเป็นมาก  เช่น มีอาการ หน้ามัน เป็นสิว ผิวค่อนข้างหยาบ รูขุมขนบนใบหน้ากว้าง ผมบางหรือหัวล้าน มีขนดก มีหนวดหรือเครา มากกว่าผู้หญิงทั่ว ๆไป อาการเช่นนี้ จัดว่าผิดปกติ เนื่องมาจากมีฮอร์โมนเพศชายสูง

ความเชื่อของคนทั่วไปคือ เมื่อมีฮอร์โมนเพศชายสูงก็แก้ด้วยการเสริมฮอร์โมนเพศหญิง จากอาหาร ยา หรือสมุนไพร หรือการกินพืชผัก เช่น เต้าหู้ ถั่วเหลือง น้ำมะพร้าว ที่มีฮอร์โมนเพศหญิงไฟโตเอสโตรเจน  หากกินในปริมาณเทียบเท่าอาหารทั่วไป มักเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิงได้ไม่มากนัก แต่มีข้อดีคือไม่เป็นอันตราย  ถ้าหากต้องการฮอร์โมนเพศหญิงสูง จำเป็นต้องกินยาหรือสมุนไพรชนิดสกัดเข้มข้น หรือชนิดบดใส่แคปซูล เป็นต้น

แม้การเสริมฮอร์โมนเพศหญิงในคนที่มีฮอร์โมนเพศชายสูงฟังดูเหมือนสมเหตุสมผล แต่ความเป็นจริงคือ ความเชื่อนี้เป็นความเชื่อที่ผิดและอาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้กินได้ค่ะ

เนื่องจากผู้หญิงที่มีฮอร์โมนเพศชายสูงผิดปกติ  มักมีฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนสูงด้วย แต่ขาดฮอร์โมนเพศหญิงโปรเจสเตอโรน จึงมีอาการประจำเดือนผิดปกติ เช่น ประจำเดือนขาด หรือมีปริมาณน้อย

สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเหล่านี้ ส่วนใหญ่มาจาก การมีถุงน้ำในรังไข่หลายใบหรือ พีซีโอเอส  (Polycystic ovarian syndrome : PCOS) อาจเป็นเพราะมีการผลิตฮอร์โมนเพศชายที่ผิดปกติ เช่น มีเนื้องอกที่ต่อมหมวกไต มีต่อมหมวกไตหนา(Adrenal hyperplasia ) มีเนื้องอกที่รังไข่ในส่วนที่ผลิตฮอร์โมนเพศชาย เป็นต้น

ดังนั้นหากมีอาการที่บ่งบอกว่ามีฮอร์โมนเพศชายสูง ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ ว่าเกิดจากอาการปกติลักษณะใด เพื่อเข้ารักการรักษาอย่างถูกวิธี

รู้จักอาการถุงน้ำในรังไข่หลายใบ

สำหรับอาการถุงน้ำในรังไข่หลายใบ เป็นอาการที่พบได้มากในวัยเจริญพันธ์ (อายุระหว่าง 20-40 ปี) พบมากตั้งแต่ร้อยละ 5-10

แม้ไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน แต่เชื่อว่าถ่ายทอดมาทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม

อาการ

  1. อ้วน เป็นไปได้ว่าความอ้วนทำให้มีฮอร์โมนเพศหญิง (เอสโตรเจน) และฮอร์โมนเพศชายสูงกว่าปกติ อาการถุงน้ำในรังไข่หลายใบนี้พบในคนอ้วนถึงร้อยละ 35-76
  2. ประจำเดือนผิดปกติ เช่น ประจำเดือนขาด ประจำเดือนมาน้อย หรือนาน ๆมาครั้ง
  3. ผิวหน้ามัน มีสิว มีขนดกบริเวณใบหน้า เช่น หนวด เครา ซึ่งพบว่าอยู่ในกลุ่มผู้มีอาการถุงน้ำในรังไข่หลายใบถึงร้อยละ 50-70
  4. มีลูกยาก เนื่องจากฮอร์โมนเพศไม่สมดุล ทำให้ไข่ไม่ตก
  5. มีความผิดปกติของเมตาบอลิก (Metabolic disease) จากความอ้วน ฮอร์โมนเพศไม่สมดุล ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
  6. เนื่องจากมีฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนสูง จึงมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม ภาวะตกเลือดจากเยื่อบุโพรงมดลูกหนา และมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

การวินิจฉัยอาการ

แพทย์วินิจฉัยอาการนี้ จากการตรวจหาข้อบ่งชี้ 3 ประการคือ

  1. มีฮอร์โมนเพศชายสูง เช่นหน้ามัน เป็นสิว ขนดก ผมบางหรือศีรษะล้าน
  2. ประจำเดือนผิดปกติ ประจำเดือนขาด ประจำเดือนมาน้อย หรือนาน ๆมาครั้ง
  3. ตรวจอัลตร้าซาวนด์ พบถุงน้ำในรังไข่ขนาด 2-9 มิลลิเมตร มากกว่า 12ใบ

การรักษา

  1. ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต หากอ้วนต้องลดน้ำหนัก ลดอาหารไขมันสูง ออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด
  2. ลดฮอร์โมนเพศชาย ด้วยการใช้ยาต้านฮอร์โมนเพศชาย
  3. ลดฮอร์โมนเพศหญิงที่ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนา ด้วยการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด หรือให้ฮอร์โมนเพศหญิงโปรเจสเตอโรนทดแทน
  4. หากต้องการมีลูก ในคนอ้วนต้องลดน้ำหนักให้ใกล้เคียงปกติ แล้วใช้ยากระตุ้นให้ไข่ตก หรือใช้วิทยาการเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ เช่น ทำเด็กหลอดแก้ว

ดังนั้นหากมีอาการบ่งบอกว่ามีฮอร์โมนเพศชายสูง ซึ่งเกิดจากอาการถุงน้ำในรังไข่หลายใบ ถ้าใช้วิธีการเสริมฮอร์โมนเพศหญิงด้วยการกินยา หรือสมุนไพร ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนในระดับสูง…อาจก่อให้เกิดผลเสียตามมาดังต่อไปนี้ค่ะ

  1. ไม่สามารถรักษาอาการหน้ามัน เป็นสิว ขนดก ผิวหยาบ เพราะฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน ไม่สามารถลดฮอร์โมนเพศชายได้
  2. เสี่ยงต่อการตกเลือด และเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก เพราะเป็นการเพิ่มฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีระดับสูงอยู่แล้วให้สูงขึ้น ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนามากขึ้น
  3. เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการอุดตันในหลอดเลือดหัวใจและสมอง
  4. เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม
  5. หากเป็นโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว ฮอร์โมนเอสโตรเจนในระดับที่สูง อาจจะกระตุ้นให้โรคที่เป็นอยู่กำเริบได้

หวังว่าคุณคงได้คำตอบที่สามารถนำไปปรับใช้และทำความเข้าใจกันแล้วนะคะ…

ข้อมูลเรื่อง “กินอาหารเสริมฮอร์โมนเพศหญิง ประโยชน์หรือโทษ” จากคอลัมน์ เปิดห้องหมอสูติฯ นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 419

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook