เช็คกันหน่อยไหม คุณเป็นพ่อแม่เบอร์ไหน
จั่วหัวมาซะขนาดนี้ ก็คงต้องมีประเด็นร้อนแรงแน่นอน เพราะขณะนี้คุณกำลังก้าวสู่การเป็นพ่อแม่ยุคดิจิทัล จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก เพราะทุกอย่างในโลกนี้มี 2 มุม มืดกับสว่าง ดีกับเลว โลกดิจิทัลก็เช่นกันที่มีทั้งคุณและโทษ ซึ่งการที่ลูกจะรู้จักหยิบคุณหรือโทษของอินเทอร์เน็ตมาใช้กับตัวเอง ไม่ได้อยู่ที่ใครเลย อยู่ที่พ่อแม่นั่นเอง
เปิดใจแล้วลองพิจารณาว่าพ่อแม่ทั้ง 5 เบอร์ ที่ประมวลมาจากข้อมูลที่เคยทำวิจัยกันในอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ใกล้เคียงกับพ่อแม่คนไทยที่สุด หากคุณติด 1 ใน 5 พฤติกรรมของคุณจะสะท้อนถึงพฤติกรรมลูกในยุคดิจิทัล หรือที่วัยที่เรียกว่า DigiKidz ได้อย่างไร ไปดูกัน...
พ่อแม่เบอร์ 1 รักลูกมาก ลูกฉันต้องมาที่หนึ่ง
- อาจเป็นเพราะพ่อแม่มีลูกยาก หรือเป็นทายาทคนแรกของครอบครัว พ่อแม่จึงรักและทนุถนอมราวแก้วตาดวงใจ ตามใจสุดๆ ลูกอยากได้อะไรประเคนให้ทุกอย่าง เปรียบเทียบลูกตัวเองดีกว่าเด็กอื่นตลอด จะมีผลให้เด็กเติบโตมาแบบช่วยเหลือตัวเองไม่เป็น คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลาง ร้องขอทุกอย่าง ไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรควร เอาแต่ใจอย่างรุนแรงจนไม่มีใครควบคุมหรือห้ามปรามไม่ได้ สอดคล้องกับผลสำรวจพฤติกรรมของ Digikidz ที่ว่า 9 ใน 10 ของเด็กกลุ่มนี้เป็นเหยื่อให้เสียเงินไปกับการซื้อของบนโลกออนไลน์ ทั้งที่พ่อแม่ไม่รู้เห็นและหรือรู้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
พ่อแม่เบอร์ 2 สายสตรอง บังคับสุดฤทธิ์
- ผลจากการที่พ่อแม่ชอบบังคับ แล้วเมื่อลูกไม่ทำตามอย่างที่ตัวเองต้องการก็จะตามมาด้วยการบ่น ตำหนิ ประชดประชัน จนถึงขั้นตี พฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลให้เด็กรู้สึกมีปมด้อยตลอดเวลา ไม่วางใจโลกและคนรอบข้าง หวาดระแวง อ่อนแอจากการที่ถูกพ่อแม่ขู่ และโกหกเก่ง เพื่อปิดบังความผิดของตัวเอง ยิ่งหากพ่อแม่นิยมตีลูกในที่สาธารณะจะทำให้กลายเป็นเด็กเก็บกดหรือก้าวร้าว สอดคล้องกับผลสำรวจพฤติกรรมของ Digikidz ที่ว่า 59% ไม่ไว้ใจพ่อแม่ ใช้วิธีเก็บตัวและแก้ปัญหาด้วยตัวเอง หรือไม่ก็เลือกที่จะเล่าให้เพื่อนสนิทฟัง
พ่อแม่เบอร์ 3 สุดสวิง เสพเอ็นเทอร์เทนครบ
- น่าจะเหมาะกับพ่อแม่ยุคดิจิทัลที่ชอบทั้งท่องเน็ตเสาะหาความบันเทิง ดูหนัง ฟังเพลง ช็อปปิ้ง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ หากสนุกอยู่เพียงลำพัง จนลืมสนใจลูก มีผลแน่นอน เด็กจะรู้สึกเหมือนถูกทิ้ง เหงา กลายเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว และไม่กล้าเข้าสังคม สอดคล้องกับผลสำรวจพฤติกรรมของ Digikidz ที่ว่า 80% จะติดเกมส์อย่างบ้าคลั่ง และใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเล่นเกมส์เพราะรู้สึกว่ามันคือความบันเทิงที่จะทำให้ไม่เหงาหรืออ้างว้างอีกต่อไป
พ่อแม่เบอร์ 4 ดราม่าน้ำตาริน
- แสวงหาความเห็นใจจากลูกตลอดเวลา น้อยใจ คิดว่าลูกไม่รัก อาจเกิดจากปัญหาส่วนตัว อาทิ การหย่าร้าง หรือการทะเลาะภายในครอบครัว หากพ่อแม่ใส่ความรู้สึกแบบนี้ให้กับลูกบ่อยๆ นานไปจะส่งผลให้เด็กพลอยวิตกกังวลไปกับพ่อแม่ด้วย ขาดความมั่นใจ จนไปแสวงหาตัวตนในโลกออนไลน์ เช่น โพสต์ภาพตัวเองใน Instagram เพื่อแลกกับการยอมรับจากสังคมออนไลน์ มีความเสี่ยงต่อการถูกล่อลวงไปในทางไม่ดีได้อย่างง่ายดาย สอดคล้องกับผลสำรวจพฤติกรรมของ Digikidz ที่ว่า 40% จะอยู่ในวงจรของ Cyberbullying การกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ ทั้งที่เป็นผู้กระทำและผู้ถูกระทำ และร้ายแรงที่สุดคือส่งผลให้เกิดการตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะเรื่องนี้
พ่อแม่เบอร์ 5 บิซี่ 24 ชั่วโมง
- เบอร์นี้น่าจะเหมาะกับเศรษฐกิจยุคนี้ ที่พ่อแม่ทำแต่งานจนไม่มีเวลาให้ลูก แล้วชดเชยลูกด้วยเทคโนโลยี จะทำให้เด็กมีพฤติกรรมเอาแต่ใจ ก้าวร้าว พูดหยาบ ขาดความอดทน มีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับผู้อื่น ไม่รู้จักพอ เพราะพ่อแม่สร้างค่านิยมปรนเปรอลูก จนกลายเป็นวัตถุนิยม เพราะฉะนั้นเมื่อเด็กอยู่กับอุปกรณ์เทคโนโลยีแทบจะตลอด 24 ชั่วโมง จึงมีอัตราเสี่ยงต่อการติดทุกอย่างที่เกี่ยวกับออนไลน์ และเลือกเสพแต่สิ่งที่ไม่ดีเพราะไม่มีพ่อแม่ให้คำแนะนำที่ถูกต้อง สอดคล้องกับผลสำรวจพฤติกรรมของ Digikidz ที่ว่า 35% ใช้คำหยาบในการโพสต์หรือแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ 90% ชอบแชร์ทุกเรื่องจนบางทีกลายเป็นเรื่องบานปลายซะเอง
ขอแสดงความยินดีด้วย หากคุณติด 1 ใน 5 เพราะอย่างน้อยคุณจะได้หันมาดูแลลูกได้ถูกทาง สำคัญที่สุดคือ เวลา ที่พ่อแม่ต้องใส่ใจลูก และให้เกียรติลูก เพื่อให้ลูกรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง และมีจะดีไม่น้อยหาก พ่อแม่จะรู้จักปรับตัวและเข้าใจลูกในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง
แล้วเขาจะก้าวออกจากโลกมืดของอินเทอร์เน็ตได้อย่างสง่างาม
ที่มาของผลสำรวจ:
www.telenor.com
www.nobullying.com
www.bcglondon.com