วุฒิธร มิลินทจินดา เพราะวู้ดดี้ เกิดมาคุย
ในคืนวันอาทิตย์ ช่วงเวลาสี่ทุ่ม ถ้าเสร็จจากการออกไปเริงราตรี ไปดูหนังกับแฟน ไปชอปปิ้ง หรือทานข้าวรอบค่ำกับครอบครัวแล้ว อยากให้คุณรีบกลับบ้าน ไม่ใช่เพราะห่วงว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้า หากแต่อยากให้คุณกลับมาดูรายการทีวีรายการหนึ่งให้ทัน
รายการที่ว่าชื่อ วู้ดดี้เกิดมาคุย ดำเนินรายการโดย วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา พิธีกรเจ้าเดิมที่ยังคงความช่างจ้อ เว่อร์และแรง ได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง สิ่งที่สร้างความสนุกและคิดว่าคุณน่าจะเสียเวลาดูหน่อยก็เพราะ นี่คือเป็นรายการสัมภาษณ์ที่หลายเสียงบอกว่า บ้าบอคอแตก เฮี้ยน อะไรของมัน และอาจจะตบท้ายด้วยการฮำเพลง ดู ดู้ ดู ดูมันทำ ทำไมถึงทำกับเขาได้ มันที่ว่าคือวู้ดดี้ ขณะที่เขา คือแขกรับเชิญที่มานั่งให้ล้วงในรายการ
หายไปสี่ปี คนอาจจะลืมที่มาที่ไป เลยขอย้อนตำนานวู้ดดี้ให้ฟังคร่าวๆ ก่อนหน้าหน้านี้เขาเป็นผู้ผลิตรายการไฮโซบ้านนอก ที่สร้างชื่อกระฉ่อนทุ่ง ทำเอาควายสะดุ้ง คนในกรุงสะเทือน เป็นพิธีกรรายการสัมภาษณ์แนวใหม่ที่ชื่อ ไอ ดีเอ็นเอ เป็นดีเจรายการวิทยุที่พูดไทยคำฝรั่งคำที่คลื่น Radio Noproblem จนถูกคนชมว่ากระแดะ เป็นวีเจที่ MTV เป็นนักแสดงรับเชิญ ในละคร ภาพยนตร์ และละครเวทีอีกนิดหน่อย
ไม่รู้ว่ามีใครไปถามคำถามว่าเกิดมาทำไมหรือเปล่า เขาถึงกลับมาตอบว่า เกิดมาคุย
ถ้ามีแขกรับเชิญคนหนึ่งเขา ขอดูคำถามก่อนมารายการ และบอกล่วงหน้าว่าจะไม่ตอบคำถามใดบ้าง แต่บังเอิญว่าเป็นคำถามที่อยากถาม จะมีวิธีจัดการอย่างไร
ที่ผ่านมาเคยมีแค่เทปเดียวที่เกิดขึ้น แขกรับเชิญคนนั้นขอดูทุกคำถาม เพราะไม่ต้องการตอบคำถามเกี่ยวกับการแต่งงาน ความรัก จึงขอละไว้ ก็ไม่มีปัญหา ตัดทิ้งไปได้เลย
หมายถึงแขกรับเชิญที่ชื่อทาทา ยัง
ไม่ใช่....แต่สุดท้ายแล้วทุกสิ่งที่ผมอยากรู้เกี่ยวกับแขกรับเชิญคนนั้น ก็ได้รู้หมด
มีเทคนิคส่วนตัวในการหลอกล่อเพื่อล้วงคำตอบไหม
ผมไม่รู้ว่าทำไม พอเขามานั่งคุยกับเรา เขาจะไม่ใช่คนคนนั้นแล้ว เขากลายเป็นเพื่อน แปลกที่สามารถถามได้ทุกประเด็น แต่ผมก็จะระมัดระวังว่า คำถามนั้นต้องไม่ไปพาดพิงถึงใคร และถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ จนทำให้เขาเฮิร์ตหรือเสียใจ ผมจะไม่เจาะ สังเกตดีๆ ผมไม่ค่อยมีคำถามประเภทที่แขกรับเชิญต้องมานั่งบีบน้ำตา เพราะผมไมเห็นใครมาร้องไห้ในรายการ
จริงๆ คงต้องเริ่มจากการสร้างความคุ้นเคย
เป็นสิ่งที่สำคัญมาแต่ไหนแต่ไร ผมจะคุยกับแขกรับเชิญก่อนสัมภาษณ์ทุกครั้ง ทีมงานเตรียม มีข้อมูลให้ก็จริง แต่ผมไม่เคยให้ทีมงานคิดคำถาม หน้าที่ของทีมงานคือพ่นข้อมูลที่จำเป็นและเป็นข้อมูลคนทั่วไปอยากรู้เกี่ยวกับแขกคนนั้นๆ มาก็พอ หลังจากนั้นผมจะเก็บใส่ตัว จำ กรอง แล้วถามในสิ่งที่ตัวผมเองอยากถาม
คนประเภทไหนที่มักจะเชิญมาเป็นแขกรับเชิญ
แปลก ดัง ฉีกแนว เพี้ยน เว่อร์ เป็นคนที่เอ็กซ์ตรีมหมด ขอคนสุดๆ ไม่เอาแบบกลาง
อย่างลีน่าจังที่เคยสัมภาษณ์ จัดอยู่ในประเภทไหน
แปลก แหวแนว แหกคอก อ้อ แกะดำก็เป็นอีกประเภทที่เลือก เพราะรู้สึกว่าไฉนเขาถึงต้องเป็นแกะดำ แล้วเขาอยู่รอดมาได้ยังไง และจะอยู่ต่อได้ยังไง ทุกแขกรับเชิญที่ผมเลือกมาสัมภาษณ์ต้องมีบทเรียนให้คนดู คนที่เป็นแกะดำ เขารู้สึกว่าตัวเองอยู่ในโลกนี้คนเดียว เป้าหมายขอผมคือ ทำยังไงก็ได้ให้คนดูรู้สึกว่าเขาไม่ได้อยู่ในโลกนี้เพียงคนเดียว
แล้วคุณเนาวรัตน์ จัดอยู่ในประเภทไหนครับ... เพี้ยน
ก็ได้ จะบอกว่าติ๊งต๊องก็สามารถ แต่เป็นผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดเท่าที่ผมเคยสัมภาษณ์เลย ฉลาดในแง่นี้คือมีอะไรในตัวที่คนไม่ค่อยรู้ สิ่งที่คนเห็นมันเป็นแค่ภาพ เขารู้ตัวว่าตอนนี้เขาทำอะไรอยู่ และเขาก็เป๊ะมากในสิ่งที่ทำ
วู้ดดี้น่าจะได้เห็นคนในวงการบันเทิงทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง มีใครคนไหนไหมที่หน้ากับหลัง ต่างกันมาก
ถ้าเป็นตอนทำรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย ผมยังไม่เห็น โชคดีที่เจอแต่คนที่หน้ากับหลังเป็นเหมือนกัน แต่ก่อนหน้านั้น ก็เคยมี นานมาแล้ว อย่างคนที่เป็นพระเอก...ผมไม่ค่อยชอบสัมภาษณ์พระเอกเท่าไหร่ เพราะเขามักจะมีภาพ มีกรอบ พอมีกรอบตัวจริงก็จะไม่ปรากฏ ทำให้การคุยอึดอัด เป็นการคุยแบบเฟคๆ ไปเรื่อยๆ ให้เฟคก็เฟคได้นะ แต่คนดูจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการดูรายการ ส่วนตัวเขาเองก็ไม่ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น เวลาสัมภาษณ์ใครผมอยากให้เขาได้รู้จักตัวเขาเองมากขึ้นด้วยหลังการคุยนั้นจบลง
เคยมีคนที่มาขอบคุณหลังจบรายการไหม
ทุกคน เขาบอกว่าไม่คิดเลยว่าจะได้แสดงมุมมองที่เป็นตัวเองจริงๆ ในทีวี มันเป็นเรื่องราวที่เขาเก็บอยู่ในหัวตลอด บางคนคิดแค่ว่ามาออกรายการแบบผิน ถามแล้วตอบเท่านั้น แต่กลายว่าเขาได้พูดถึงที่สิ่งที่เก็บอยู่ในหัวมานาน แต่บางคนก็ไม่ได้แคร์คอนเท็นต์ เขาชอบแค่โปรดัคชั่น ชอบภาพที่ถ่ายออกมาแล้วเขาดูดี แสงสวย
ดูเป็นคนอารมณ์ขัน เคยหลุดหัวเราะต่อหน้าแขกรับเชิญไหม
เคย (หัวเราะ) ผมเคยหัวเราะใส่หลายคน แต่ก็ต้องตัดทิ้งเพราะมันจะดูเหมือนเราหัวเราะเยาะเขาอยู่ แขกบางคน อยู่ๆ มาบอกว่า ฉันสวย ผมได้ยินก็หัวเราะก๊าก แต่ตอนนั้นก็พูดอออกอากาศไปว่า กล้าเนาะ ในบ้านเรา คำว่าพิธีกรมันมีภาพของมันอยู่ แม้ผมพยายามฉีกกรอบ แต่คนก็ยังคิดว่าพิธีกรต้องนิ่ง ต้องมีมาด ถ้าหัวเราะมากไป จะกลายเป็นว่าไปตบหัวแขกรับเชิญ หรือมองเขาเป็นตัวตลก ทั้งที่บางทีตัวแขกรับเชิญไม่ได้คิดอะไร มองว่าเราเป็นเพื่อนเท่านั้น
อย่างตอนสัมภาษณ์คุณปลื้ม (หม่อมหลวงณัฐกรณ์ เทวกุล) เขาบอกว่าผมจะไม่เล่นโฆษณาอีกแล้ว ผมถามว่าทำไมคุณโกหกผม คุณทำเพราะเงินใช่ไหม เขาบอกว่าไม่ได้ทำเพราะเงิน ทำเพราะชื่อเสียง ผมก็บอกว่าไม่จริง "คุณก็หวังเงินนั่นแหละ คุณไม่เอาเงินสักบาทเลยหรือ งั้นก็ไม่ต้องทำเลยสิ ถ้าไม่อยากได้เห็นก็อยู่เฉยๆ ไม่ต้องเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ใคร" เขาก็เปลี่ยนประเด็นการสนทนาไปเรื่องอื่นเลย
ติดตามอ่านเรื่องเล่าของคนช่างคุยเพิ่มเติมได้ใน
Talk-a-tive No.607 (16 MAY 2008)
++ ชมวิดีโอคลิปรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย ที่ผ่านๆ มา