ชีวิต ตัวตน “ป้อม วินิจ” ช่างแต่งหน้าขั้นเทพ ขุ่นแม่ของเหล่าซุปตาร์
Thailand Web Stat

ชีวิต ตัวตน “ป้อม วินิจ” ช่างแต่งหน้าขั้นเทพ ขุ่นแม่ของเหล่าซุปตาร์

ชีวิต ตัวตน “ป้อม วินิจ” ช่างแต่งหน้าขั้นเทพ ขุ่นแม่ของเหล่าซุปตาร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชื่อเสียงของช่างแต่งหน้าคิวทอง “ป้อม วินิจ บุญชัยศรี” เติบโตมาพร้อมๆ กับนางเอกซูเปอร์สตาร์ “ชมพู่ อารยา” โดยเฉพาะเทศกาลหนังเมืองคานส์ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่คุณป้อมมีโอกาสร่วมเดินทางไปแต่งหน้านางเอกคู่บุญเพื่องานเดินพรมแดง ความสวยสง่าของชมพู่เจิดจรัส ด้านหนึ่งเป็นเพราะตัวแบบ แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าฝีมือการแต่งหน้าของคุณป้อมมีส่วนช่วยผลักดันให้ทุกอย่างลงตัว

ป้อม วินิจไม่ได้อาศัยความดังของดาราไต่เต้าไปสู่การยอมรับอย่างที่เพื่อนร่วมอาชีพเคยด่าทอ เพราะกว่าจะมีวันนี้คุณป้อมต้องทะเลาะกับพ่อเพียงเพราะความคิดไม่ตรงกัน เจองานโหดหินแต่งหน้าข้ามวันข้ามคืนให้กับนางแบบ 80 คน ลองผิด ลองถูก ท้อถอยกับนานาปัญหา ป้อม วินิจขอเล่าทุกแง่มุมชีวิตที่ Sanook! Women

“ป้อม วินิจ” เกิดในครอบครัวชนชั้นกลาง โชคดีที่คุณพ่อคอยสนับสนุนให้เรียนโรงเรียนดีๆ ตั้งแต่เด็ก แต่เหมือนชีวิตไปไม่ถึงเป้าหมายสูงสุดที่ครอบครัวหวังไว้ เพราะในวันนั้นคุณป้อมไม่ใช่เด็กขยันเรียน ไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่เขายังเดินตามทางที่พ่อสนับสนุนจนมาถึงช่วงเวลาที่ต้องเลือก คุณป้อมอยากเรียนด้านศิลปะ เพราะรู้ตัวว่าชอบประดิดประดอย ชอบวาดรูป แต่พ่อไม่เห็นด้วยเพราะอยากให้เรียนแพทย์

“เราวาดรูปอยู่ พ่อเห็น พ่อจับกระดาษมาฉีกทิ้งเลย เขาอยากให้เราเรียนหมอ ไม่อยากให้เรียนศิลปะ”

เพราะรักในศิลปะคุณป้อมขัดใจพ่อเลือกสอบเข้าโรงเรียนเพาะช่างผลออกมาว่าสอบผ่าน จึงกลับไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่และคำตอบก็คล้ายเดิมจนกลายเป็นเรื่องราวทะเลาะกันใหญ่โต แต่ในที่สุดคุณป้อมก็ยืนยันที่จะเรียนและสามารถจบการศึกษาในสถาบันที่ตนเองตั้งใจ

จับแปรงครั้งแรกเพราะความบังเอิญ

ความรู้สึกรักสวยรักงามและทักษะการแต่งหน้าของคุณป้อมซึมซับมาจากคุณแม่ที่เคยเปิดร้านทำผม การแต่งหน้าครั้งแรกของคุณป้อมเกิดจากความไม่ตั้งใจ

“สมัยเรียนเพาะช่างเราขี้อายมาก รุ่นพี่อยากให้เราไปเป็นเชียร์ลีดเดอร์ เราไม่ชอบ อยากอยู่เบื้องหลังมากกว่าเลยขอช่วยแต่งหน้าแทน ซึ่งไม่เคยแต่งมาก่อน แต่ด้วยความที่เรียนศิลปะมา แค่เป็นสี เราก็สามารถหยิบมาใส่บนอะไรก็ได้ แม้แต่บนหน้า มันจึงเป็นเรื่องที่ไม่น่ากลัวผลลัพธ์จึงออกมาดีมาก จากนั้นใครมีอะไรที่เกี่ยวกับแต่งหน้า ก็จะให้เราไปช่วยตลอด จึงมีโอกาสได้เริ่มแต่งหน้าตั้งแต่นั่นมา”

“ไม่ว่าจะอาชีพใด จะเป็นหมอ หรืออะไรก็ตาม ขอให้มีศิลปะในตัวเอง มันสามารถเอาไปใช้ได้หมด ศิลปะไม่ใช่แค่การวาดรูป แต่มันคือการจัดวาง แม้กระทั่งชีวิต เราก็ต้องจัดวางให้สวยงามในทุกๆ เรื่อง”

หลังเรียนจบคุณป้อมทำงานเกี่ยวกับการออกแบบลายผ้า เป็นวิศวกรโครงสร้างผ้า ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเขาสามารถอยู่และมีอนาคตในทางที่เลือกได้ แต่เมื่อทำงานไปสักพักคุณป้อมเริ่มรู้สึกอิ่มตัวขณะที่งานแต่งหน้าเริ่มเข้ามากขึ้น คุณป้อมจึงลาออกจากงานและสัญญากับคุณแม่ว่าจะหางานให้ได้ภายใน 6 เดือน

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ

ว่างงานได้ไม่นานเพื่อนที่ทำงานสตูดิโอถ่ายภาพชวนไปทดสอบการทำงาน ทำให้คุณป้อมมีโอกาสแสดงฝีมือการแต่งหน้าของตนเองอย่างเต็มที่ไปพร้อมๆ กับโชว์สไตล์การแต่งหน้าแบบธรรมชาติ ไม่ซ้ำใคร แต่ก็ยังไม่ถูกเลือกให้ไปทำงานในครั้งแรก แต่เมื่อพนักงานขาดคุณป้อมจึงได้เข้าไปแสดงฝีมืออีกครั้ง

“เริ่มงานวันแรก รู้สึกเลยว่าเราแต่งหน้าไม่เก่ง เพราะเจอแต่มืออาชีพทั้งนั้น กดดันมาก ค่อยๆ ปรับไป ทำงานได้ประมาณ 11 เดือนไม่ว่าจะเป็นโบชัวร์หรืองานทุกอย่างเป็นฝีมือการแต่งหน้าของเราหมด เราเป็นคนเดียวที่แต่งสวยใสธรรมชาติ งานก็เข้ามาเยอะ เริ่มมีงานข้างนอกบ่อย ทำให้เรามีประสบการณ์ เราได้เรียนรู้ทุกพื้นผิว ได้ฝึกในทุกๆ รูปหน้า ที่ร้านนี่พูดได้เลย ลูกค้ามาเพราะเรา คิวของป้อมจะเต็มหมด ถูกจองคิวตลอด”

เส้นทางการเป็นช่างแต่งหน้าของคุณป้อมเริ่มสดใส คิวแต่งหน้าแน่นตลอดจนกระทั่งเหมือนพรหมลิขิตให้มีโอกาสเข้ามาแต่งหน้าให้กับงานในวงการบันเทิง เพียงเพราะการไปนั่งเล่นที่ป้ายรถเมล์

“ตอนทำงานพี่ชอบไปนั่งตามป้ายรถเมล์ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร นั่งเรื่อยๆ บังเอิญเพื่อนที่เป็นสไตล์ลิสต์ลงรถเมล์มาเจอเรา เลยได้คุยกันเหมือนเป็นพรมลิขิตมาก เขาเรียกเราไปแต่งหน้าบ่อยๆ ดาราคนแรกที่แต่งหน้าให้ คือ “ก้อย นฤมล” เป็นหนังสือทีวีพูล ซึ่งเป็นเล่มแรกของพี่ด้วย”

งานหินงานโหดเจอมาทุกรูปแบบ

เมื่อได้เข้ามาเป็นช่างแต่งหน้าในกับคนในวงการบันเทิง คุณป้อมต้องผ่านบทพิสูจน์ต่างๆ มากมาย แต่งานที่ทรหดและหินที่สุดในชีวิตการแต่งหน้าคืองานตอนถ่าย MV เพลงยิ่งโตยิ่งสวยของปู แบล็คเฮด ซึ่งมีนางแบบ 80 คนร่วมแสดง แต่ใช้ช่างแต่งหน้าเพียงแค่ 3 คน คุณป้อมต้องเริ่มแต่งหน้าตั้งแต่ตี 3 ไปจนเสร็จก็ตอน 8 โมงเช้า สำหรับงานที่ฮือฮาและทำให้คุณป้อมกลายเป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นคือการอวดฝีมือการแต่งหน้าให้ชมพู่ อารยาที่เมืองคานส์ ซึ่งเขาออกปากว่าเป็นงานที่ไม่ง่ายอีกเช่นกัน

“พี่เริ่มชมพู่ตั้งแต่เขาอายุ 17-18 สนิทกับชมพู่ได้มันเหมือนพรมลิขิต อยู่ดีๆ เราไม่ได้อยากเป็นคุณแม่เขาแล้วเป็นได้ พี่ไม่ได้คิดว่าเขาจะโด่งดังขนาดนี้ แล้วตัวเขาก็ไม่คิดว่าเราจะเติบโตมาพร้อมๆ กัน มันเหมือนเราเกิดมาเพื่อเขา ชมน่ารักไม่ได้มองเราเป็นแค่ช่างแต่งหน้าเท่านั้น”

“ส่วนการไปแต่งหน้าที่เมืองคานส์พี่ไปในปีที่ 3 เพราะอยากให้คนได้เห็นว่านี่คือชมพู่ จากไทยแลนด์นะ พี่ไม่ใช่ช่างแต่งหน้าที่เก่งที่สุด แต่พี่เหมาะสมที่สุด เพราะรู้ทุกจุดบนใบหน้าของชมดี ที่พี่ได้ไป เพราะทางลอรีอัลจับเซ็นสัญญา เพื่อลูกสาวพี่ทำได้หมด จริงๆ เราไม่ชอบทำงานต่างประเทศ ไม่ชอบทำงานไกลๆ แต่ถ้าไปแล้วทำให้ชมดูสวย มั่นใจพี่จะไป”

ชีวิตเดินมาถึงจุด “ฟิน”

แม้งานระดับโลกจะสร้างความกดดันให้กับคนเบื้องหลังอย่างคุณป้อม แต่ผลที่ออกมาก็ทำให้เขาหายเหนื่อยโดยเฉพาะคอมเมนท์ที่ทำให้คุณป้อมประทับใจมากคือ “ขอบคุณที่ทำให้คนไทยมีความสุข” ทำให้เขาตั้งคำถามกับตัวเองว่าชีวิตเขาเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

นอกจากคำคอมเมนท์ที่มาในทุกช่องทางแล้ว สิ่งที่ทำให้คุณป้อมภูมิใจและยิ้มอย่างมีความสุขคือการที่ “ชาลอต วิลเลอร์” เมคอัพอาร์ตทิสต์ชื่อดังระดับอินเตอร์ พูดชื่นชมการแต่งหน้าของ “ชมพู่ อารยา” อย่างเต็มปาก โดยที่ไม่รู้ว่าเขายืนอยู่ข้างๆ

“มันยิ่งกว่าถูกหวยเลยนะ ป้าชาลอตคือสุดยอดมากๆ ดาราตัวท็อปๆ จะแต่งหน้ากับเขาหมด วันที่ 3 ที่พี่ฟาดตาดำให้ชมพู่ วันนั้นก่อนเดินพรมแดงที่โรงแรม เราเดินลงมา ป้าชาลอตเดินมากับผู้ช่วย พูดว่า “วันนี้ชมพู่แต่งหน้าสวยมาก ดูแตกต่างไปจาก 2 วันแรกเลย จากหวานๆ กลายเป็นแบบนี้ อเมซซิ่งมาก” เขาไม่รู้ว่าเรายืนอยู่ข้างหลัง พี่ดีใจมาก ปิติสุดๆ คือเราเป็นประเทศที่ไม่ได้อยู่ในสายตาเขา เขาคือตัวแม่นะ เขาชมเรา สุดท้ายพี่เลยเข้าไปแนะนำเลยว่าเรามาจากไทยนะ ชื่นชอบผลงานป้าอยู่ เราปลื้มเขาเพราะได้อะไรจากการทำงานของเขาเยอะตอนเขาแต่งหน้าให้ชมพู่ เรียกว่าไปครั้งนี้เราได้รับพลังดีๆ กลับมาเลย”

เปลี่ยนความทุกข์ เป็นความสุข

ตลอดระยะเวลาที่ได้พูดคุยกับคุณป้อมทำให้เรารับรู้ได้ทันทีว่าทุกเรื่องราวไม่เป็นไปดังหวังที่ผ่านมา เขาไม่ได้มองเป็นความทุกข์ หรือสร้างความท้อแท้ให้ชีวิต แต่สิ่งเหล่านั้นกลับเป็นความสุขล้วนๆ

“สมัยก่อนมีท้อนะ เพราะเรายังไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เราเข้าใจในทุกๆ อย่าง ทุกอย่างมันมีเหตุผล การที่เขาว่า เขาติ เราใช้ความเข้าใจ พี่เคยเจอช่างแต่งหน้าพูดใส่ “พี่ป้อมโชคดีนะ จับดาราได้คนเดียว พี่ป้อมก็สบายเลย” พี่ทำงานกับดารา แต่พี่อยากบอกว่าถ้าพี่แต่งหน้าไม่สวย เขาคงไม่ใช้พี่แต่งหน้าอีกหรอก เราเห็นแง่มุมของคนในแง่ต่างๆ ทุกวันนี้เกิดอะไรขึ้นเราใช้ความเข้าใจ มันไม่ท้อนะ มันเหนื่อยมากกว่า”

คุณป้อมทิ้งท้ายสำหรับผู้ที่มีความฝันอยากก้าวเป็นช่างแต่งหน้าว่าต้องเดินหน้า ทันต่อเหตุการณ์ทุกอย่างตามแบบที่คุณเป็ด อภิชาตสอนไว้ “สิ่งที่ทำให้พี่ยังอยู่ได้คือความเป็นตัวเอง เราเคยอยู่ในจุดที่มองรุ่นพี่เป็นอันดับหนึ่ง แต่ตอนนี้เรามาถึงอีกจุดที่มาไกลกว่าที่เราคิดไว้เยอะ แก่นของอาชีพนี้จริงๆ คือ การแต่งหน้าให้สวยและถูกใจพอแล้ว และอาชีพจะพาเราเดินทางต่อไปเอง”

“ต้องขอบคุณพ่อมากๆ และขอบคุณความลำบากที่ทำให้มีวันนี้ ความลำบากเป็นวิชา สอนให้เรามีมุมมองและมีความแกร่งขึ้น”

ชีวิตของคุณป้อมวินิจคงเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าถึงอย่างไรการได้ทำในสิ่งที่ตนเองรักและชอบจะทำให้เราพร้อมเสมอที่จะต่อสู้และฝ่าฟันปัญหาต่างๆ เพื่อพาเราไปถึงเป้าหมายที่บางครั้งเกินกว่าฝันเสียอีก

อัพเดทเรื่องราวมากมายที่ผู้หญิงห้ามพลาดได้ที่ อินสตาแกรม :  sanookwomen
(คลิกที่ภาพด้านล่างเพื่อดูรูปในขนาดใหญ่)

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ ชีวิต ตัวตน “ป้อม วินิจ” ช่างแต่งหน้าขั้นเทพ ขุ่นแม่ของเหล่าซุปตาร์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
kookkak

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบน
เว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่
นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้