ว่าที่กษัตริย์เนื้อหอม แห่งภูฏาน..มกุฎราชกุมารจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก

ว่าที่กษัตริย์เนื้อหอม แห่งภูฏาน..มกุฎราชกุมารจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก

ว่าที่กษัตริย์เนื้อหอม แห่งภูฏาน..มกุฎราชกุมารจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ในบรรดาเจ้าชายจากต่างแดนที่เสด็จฯ สู่ประเทศไทยในช่วงเวลามหามงคลของชาวไทยทั้งประเทศนั้น มกุฎราชกุมาร จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน หรือ เจ้าชายจิกมี ทรงเป็นเจ้าชายที่มีพระจริยาวัตรในหลาย ๆ ด้าน เป็นที่ประทับใจคนไทย มากที่สุดพระองค์หนึ่ง..... สาวไทย จำนวนไม่น้อยชื่นชมพระบารมีว่า ทรงเสน่ห์ หลายคนเก็บอาการไม่อยู่...ถึงขั้น กรี๊ดสนั่น เลยก็มี !!! พระราชประวัติ ทรงเป็นพระราชโอรสองค์โตของ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก ประมุขแห่งภูฏาน กับพระมเหสีองค์ที่สาม สมเด็จพระราชินีอาชิ เชริง ยางดอน วังชุก ทรงมีพระขนิษฐาและพระอนุชาร่วมพระมารดาอย่างละพระองค์ พระภคินีต่างพระมารดา 1 พระองค์ พระขนิษฐาต่างพระมารดา 3 พระองค์ และพระอนุชาต่างพระมารดาอีก 3 พระองค์ พระราชสมภพเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2523 (พระชนมายุ 26 ชันษา) ทรงสำเร็จการศึกษา ระดับอนุปริญญาจาก Oxford Foreign Service Programme แห่งมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ และทรงสำเร็จทางด้านการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยเดียวกันด้วย นอกจากนี้ยังทรงสำเร็จการศึกษาหลักสูตรป้องกันประเทศจาก National De fence College ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย รวมถึงสำเร็จหลักสูตร Innovations in Governance จาก Kennedy School of Governance แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2548 องค์พระราชบิดาคือ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก ต่างหากที่ทรงมีพระมเหสี 4 พระองค์ และล้วนแต่เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน!! ส่วน เจ้าชายจิกมี นั้น ยังทรงโสดสนิท และไม่มีวี่แววจะอภิเษกสมรสในเร็วๆนี้!! เพราะทรงหายใจเข้าออกเป็นงาน...งาน และงาน โดยอุทิศพระองค์เพื่อการพัฒนาราชอาณาจักรภูฏานทุกวินาที!! ทรงมีสเปกสาวในดวงใจอยู่เหมือนกัน โปรดผู้หญิงที่เฉลียวฉลาด และมีความคิดอ่านเป็นของตัวเอง ถ้าจะให้ตรงใจที่สุด ก็น่าจะเป็นสาวเอเชียมากกว่าฝรั่งผมทอง... ตามปกติแล้ว เจ้าชายภูฏานพระองค์นี้ จะทรงตื่นเช้ามาก และทรงงานจนดึกดื่นกว่าจะทรงเข้าบรรทม หากจะพักผ่อนก็โปรดการอ่านหนังสือ, ถ่ายภาพ, วาดภาพ หรือไม่ก็ทรงกีฬากลางแจ้ง อย่างเช่น จักรยาน, ตกปลา และพาราเซลลิ่ง นอกจากนี้ยังทรงสนพระทัยเรื่องการพัฒนาชนบทเป็นพิเศษ โดยเคยเสด็จเยือนประเทศไทยเป็นการส่วนพระองค์หลายครั้ง และได้มีโอกาสทอดพระเนตรโครงการหลวงที่ จ.เชียงใหม่ พร้อมกับเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบร ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ด้วยความที่ทรงใส่ใจในทุกข์สุข และรับฟังความเดือดร้อนของประชาชน อย่างจริงจัง จึงทรงเป็นที่รักของชาวภูฏานทุกคน ตั้งแต่ลูกเล็กเด็กแดง จนถึงผู้เฒ่าผู้แก่ โดยจะตามเสด็จพระราชบิดาออกเยี่ยมเยือนประชาชนทั่วทุกมุมของประเทศ นอกจากนี้ยังทรงติดดินมาก และดำเนินชีวิตอย่างสมถะเช่นเดียวกับพระราชบิดา ซึ่งทรงมุ่งมั่นนำพาประเทศไปสู่ การพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยอนุรักษ์ ประเทศไว้ให้เป็นดินแดนเล็กๆ ที่มีอัตราการเจริญเติบโตของความสุขเป็นเครื่องวัดความเจริญ มากกว่าจะใช้ค่าจีดีพีเป็นดัชนีชี้วัด และเพื่อเป็นแบบอย่างอันดีแก่ประชาชนในการ อนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีเก่าแก่ของประเทศ ตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระราชาธิบดีภูฏาน ซึ่งได้รับการยกย่องจากนิตยสารไทม์ให้เป็น 1 ใน 100 บุคคลแห่งปี 2006 ที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในโลก เจ้าชายจิกมี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ จึงทรงฉลอง พระองค์ชุดประจำชาติทุกครั้งที่ปรากฏพระองค์ในที่สาธารณะ พร้อมทั้งทรงสนับสนุนการใช้ภาษาประจำชาติในการสื่อสาร และทรงเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาพื้นเมืองของภูฏานเป็นประจำทุกปี ไม่ว่าจะเป็นการแข่งชักเย่อ, ขี่ม้าส่งเมือง และพิลโลว์ ไฟท์ สร้างความประทับใจแก่ประชาชนเป็นอย่างยิ่ง การเตรียมความพร้อมให้ประชาชนชาวภูฏาน เข้าใจถึงการเปลี่ยน แปลงการปกครองประเทศ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2551 ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญเร่งด่วนของ เจ้าชายจิกมี ในขณะนี้ พระองค์เคยรับสั่งถึง เรื่องนี้ว่า เป็นหน้าที่ของพวกเราและประชาชนทุกคน ที่จะต้องมา นั่งพูดคุยกันถึงรายละเอียดทุกแง่มุมของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อค้นหาแนวทางที่เหมาะสม และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติของเรามากที่สุด การเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศของภูฏาน เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2541 เมื่อสมเด็จพระราชาธิบดีภูฏานพระราชทานอำนาจ ในการบริหารประเทศรายวันให้เป็นหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี และในเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว ทรงสร้างความตกตะลึงครั้งใหญ่ ด้วยการประกาศว่า จะสละราชสมบัติในปี 2551 เพื่อทรงเปิดทางให้มกุฎราชกุมารจิกมี เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ พระองค์แรกของประเทศ พร้อมกับจัดการเลือกตั้งทั่วประเทศ นำพาภูฏานไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ!! คติประจำพระองค์ คือ คิดถึงคนอื่นก่อนคิดถึงตนเอง และต้องกาะเทศประสบความสำเร็จหรือรุ่งเรืองมากที่สุด Service before self และ My ambitions and goals are lodged within those of my country. ภูฏาน อาจเป็นเพียงประเทศเล็กๆ แต่อนาคตของดินแดนมังกรอสุนีแห่งนี้ น่าจะเจริญรุ่งเรืองไม่น้อยหน้าใคร เพราะได้ว่าที่พระประมุของค์ใหม่ ซึ่งเปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์ และมีศิลปะแห่งการครองใจคน!! มารู้จัก.."ราชอาณาจักรภูฏาน"..กันค่ะ..!! ข้อมูลสำคัญ 1. เป็นประเทศ Land Lock ไม่มีชายแดนติดกับทะเล 2. มีศักยภาพที่ดีในด้านการท่องเที่ยว 3. สนใจให้ไทยเข้าไปประมูลงานการสร้างถนน สาธารณูปโภค และสินค้าไทยได้รับความนิยมมากในภูฏาน 4. ชาวภูฏานมีทัศนคติที่ดีกับไทย นิยมเดินทางมาไทยเพื่อจับจ่าย รักษาตัวและศึกษาในไทย 5. มีพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจเช่นเดียวกับไทย ข้อมูลทั่วไป เมืองหลวง : กรุงทิมพู มีพื้นที่ : 46,500 ตารางกิโลเมตร ภาษาราชการ : Dzongkha เป็นภาษาราชการ ภาษาอังกฤษใช้เป็นสื่อกลางในสถาบันการศึกษาและในการติดต่อธุรกิจภาษาธิเบตและภาษาเนปาลมีใช้บางส่วนในทางภาคใต้ของประเทศ ประชากร : 2,094,176 คน (ปี 2545) ศาสนา : พุทธมหายาน นิกาย Kagyupa (มีลามะเช่นเดียวกับธิเบต) ประมุข : พระราชาธิบดี จิกเม ซิงเย วังจุก ++ รวมภาพ มกุฎราชกุมารจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก

อัลบั้มภาพ 17 ภาพ

อัลบั้มภาพ 17 ภาพ ของ ว่าที่กษัตริย์เนื้อหอม แห่งภูฏาน..มกุฎราชกุมารจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook