พ่อแม่ทำงานเป็นกะ ลูกอาจโตช้า
![พ่อแม่ทำงานเป็นกะ ลูกอาจโตช้า](http://s.isanook.com/wo/0/ud/1/5046/b_52568_001.jpg?ip/crop/w728h431/q80/jpg)
การศึกษาล่าสุด ตีพิมพ์ลงในวารสารการพัฒนาเด็ก (journal of child development) นำความวิตกมายังแม่ที่เป็น แพทย์ พยาบาล หรือผู้ที่ทำงานกลางคืน หรือเปลี่ยนกะอยู่เรื่อยๆ เพราะพบว่า มีเวลาฝึกพัฒนาการลูกแย่กว่าผู้ที่ทำงานปกติชัดเจน
ซึ่งจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย โดย Han หัวหน้าคณะศึกษากล่าวว่า "เราทราบว่า การทำงานในเวลาผิดธรรมชาติ ทำให้ร่างกายเรามีการปรับ โดยจะมีอาการง่วงนอนในเวลากลางวัน และเมื่อแม่ง่วงนอน ก็ไม่อาจจะสอนอะไรเด็กได้มากนัก"การศึกษา กระทำโดยแบบสอบถามและสังเกต เด็กจากครอบครัว 700 คน ที่แม่ทำงานเต็มเวลา และเด็กอายุภายใน 3 ขวบแรก แบ่งเป็นครึ่งหนึ่งที่แม่ทำงานในเวลากลางวันปกติ อีกครึ่ง แม่ทำงานเป็นกะ หรือทำงานกลางคืน
พบว่า เด็กที่แม่ทำงานกลางคืน หรือทำงานเป็นกะ มีพัฒนาการ ทางด้านภาษา ความเข้าใจ ความจำ การแก้ปัญหา แย่กว่าเด็กที่แม่ทำงานในเวลาปกติชัดเจน และยิ่งกว่านั้นก็คือ ผลกระทบที่แย่นี้ พอๆกันกับการที่แม่เด็กมีการศึกษาต่ำ หรือแม่มีฐานะยากจน
ผู้หญิงทำงาน บางครั้งมีเวลาน้อยที่บ้าน และมีงานที่จะต้องทำอีกมากมายในลิสต์รายการ และบางครั้ง เวลาไม่พอที่จะทำได้ทั้งหมด ดังนั้น จึงต้องจัดการกับงานที่สำคัญที่สุดก่อน คือเด็ก ๆ ก่อนที่จะทำงานบ้าน เราต้องรู้ว่าเราไม่สามารถทำงานทุกอย่างได้หมด อาจต้องปล่อยงานที่สำคัญน้อยที่สุดไปบ้างเช่น ตัดหญ้า
จากการวิจัยพบว่า แม่ที่ทำงานในเวลาผิดธรรมดา มักจะไม่ค่อยให้ลูกไปสถานเลี้ยงเด็ก แต่ในความเป็นจริง สถานเลี้ยงเด็กบางที่ เสริมสร้างพัฒนาการให้เด็กมากกว่าแม่ที่ไม่มีเวลาคุยด้วยเสียอีก ดังนั้น ถ้าหากเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนเวลา หรือออกจากงาน การส่งเด็กไปสถานเลี้ยงก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ไม่เลว
แต่ทั้งนี้นั้นคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องพิถีพิถันในการเลือกสถานรับเลี้ยงเด็กที่มีมาตรฐาน และใส่ใจเด็กจริง ๆ ด้วยนะคะ เพราะว่าวัยเด็กนั้นถือเป็นวัยที่สำคัญฯมาก ๆ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่พัฒนาการต่าง ๆ ในร่างกายเขาจะเจริญเติบโต และจดจำได้มากที่สุดค่ะ
ที่มา : thaihealth
![แม่และเด็ก, ลูกน้อย, การเลี้ยงลูก](http://s.isanook.com/wo/0/ud/1/5046/b_52568_002.jpg)