เปิดใจ หมอท๊อฟฟี่ คุณหมอสาวประเภทสอง สวยเก่ง เป็น ผอ. ร.พ.

เปิดใจ หมอท๊อฟฟี่ คุณหมอสาวประเภทสอง สวยเก่ง เป็น ผอ. ร.พ.

เปิดใจ หมอท๊อฟฟี่ คุณหมอสาวประเภทสอง สวยเก่ง เป็น ผอ. ร.พ.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“หมอท๊อฟฟี่” ลั่น! เป็นสตรีข้ามเพศ ก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนพร้อมทำหน้าที่หมอเต็มที่

จากกรณีที่โลกออนไลน์มีการแชร์ภาพคุณหมอสาวสวยเป็นสตรีข้ามเพศ และต่อมาได้รับการเปิดเผยว่าเธอคือ นายแพทย์ศุภฤกษ์ ศรีคำ ซึ่งคุณหมอท่านได้กลายเป็นผู้หญิงเต็มตัว และสวยมากด้วย ที่สำคัญเป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลกุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี งานนี้ รายการ “ปากโป้ง” ทางช่อง 8 กดเลข 27 (วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม 2559 เวลา 11.15น.) ที่มี “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” และ “หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ” ไม่รอช้า คว้าตัวคุณหมอมาพูดคุยกันในรายการ จะเป็นอย่างไรไปฟังกัน



ปัจจุบันคุณหมอทำงานอยู่ที่ไหนครับ?
“อยู่ที่โรงพยาบาลกุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี เป็นคนอุบลฯค่ะ เป็นคนอำเภอเมือง ทำงานเป็นหมอมาปีนี้เข้าปีที่ 6 แล้วค่ะ”

ขอโทษนคะตอนนี้อายุเท่าไหร่คะ?
“31ปีค่ะ”

เห็นบอกเป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาล?
“ใช่ค่ะ”

คุณหมอจบแล้วไปประจำที่นั่นเลยหรือเปล่า?
“มีไปออกรพ.ที่อำเภออื่นอีกสองที่ค่ะ ก่อนที่จะมาอยู่ที่กุดข้าวปุ้น”

เป็นหมอทางด้านไหนครับ?
“แพทย์ทั่วไปค่ะ อายุรกรรม”

ขอโทษนะครับ คนไข้เยอะไหม?
“ก็เยอะนะ”

คนไข้มองคุณหมอเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย?
“แล้วแต่ค่ะ บางคนก็สงสัย บางคนก็ถามๆ กัน หมอก็บอกไปเลยค่ะว่าหมอเป็นผู้ชาย แต่หมออยากเป็นผู้หญิง คือพูดแบบตลกๆ แต่คนไข้ที่เขามองเราเป็นผู้หญิงเลยก็มี”

คุณหมอรู้ว่าข้างในเป็นผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่?
“คือในใจเรา ตั้งแต่จำความได้รู้สึกว่าอยากเป็นผู้หญิงค่ะ ทางครอบครัวเขาก็ค่อยๆ ซึมซับกันเองไปทีละนิด ทางครอบครัวก็ยอมรับ”

ตอนรับปริญญายังดูเป็นบอยๆ อยู่ เลิกเป็นบอยเมื่อไหร่?
“ก็ประมาณ 2-3 ปีก่อนหน้านี้”

ก็แสดงว่าตอนที่เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลนั้น ยังเป็นผู้ชายอยู่?
“ตอนที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ ตอนนั้นกำลังไว้ผม ใส่กางเกง ดูเป็นทอมๆ”

มาเริ่มเปลี่ยนตัวเองเมือ่ไหร่ ตอนไหน และทำไมถึงคิดอยากจะเปลี่ยน?
“จริงๆ เราอยากสวยนานแล้วนะคะ ไม่ได้อยากเป็นทอมอยากเป็นผู้หญิงสวย ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ อะค่ะ จริงๆ ใบหน้า พูดตรงๆ เลยมีแค่พวกโบท็อกซ์ ร้อยไหม ฟิลเล่อร์ ไม่ได้มีการใช้มีด ใช้ค้อนทุบอะไร ไม่มี จมูกไม่ได้เสริม
เลย แต่อาจจะมีฟิลเล่อร์บ้าง คางมีฟิลเล่อร์นิดหน่อย”

แต่ใบหน้าของคุณหมอ เมื่อก่อนกับปัจจุบบันมันแตกต่างมากนะ?
“น่าจะน้ำหนักค่ะ เป็นหมอที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องความสวยความงาม เพิ่มเติมการเรียนหลักสูตรโบท็อกซ์ ฟิลเล่อร์ ร้อยไหม แต่ไม่ได้ทำเองนะคะ ถ้าทำเองได้ทำเองไปแล้ว แต่สามารถทำเองได้ มีความสามารถอีกเรื่องหนึ่ง”

นอกเหนือจากใบหน้าแล้ว ขอโทษนะครับหน้าอกเสริมไหม เริ่มเมื่อไหร่?
“เสริมหน้าอกค่ะ ประมาณ 1 ปี ส่วนแปลงเพศ 3 ปีแล้วค่ะ แปลงเพศก่อนเสริมหน้าอก ที่แปลงเพศก่อนเสริมหน้าอกเพราะว่เป็นคนที่หน้าอกอยู่แล้ว จริงๆ ไม่เสริมก็มีอยู่แล้ว มีเรื่องของฮอร์โมน เพราะเรามีความรู้เรื่องฮอร์โมนอยู่แล้ว เรารับประทานยังไงให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ และก็ทานมาตลอด”



เริ่มแต่งหญิง ใส่กระโปรงไปทำงานเมื่อไหร่?
“ก็หลังแปลงเพศก็เริ่มมาเรื่อยๆ เลยนะคะ ประมาณสองปีเนี่ยแหล่ะ”

คนที่เป็นเพื่อนร่วมงาน ลูกน้องที่อยู่ใต้คอนโทรลเขารู้สึกกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้?
“จริงๆ เขาไม่รู้นะครับ ว่าแปลงเพศ เพรามันก็อยู่ข้างในเนอะ เราก็ไม่ได้บอกด้วย จริงๆ ที่มีข่าวออกไปหลายๆ คนเพิ่งรู้ด้วยซ้ำว่าแปลงเพศแล้ว แต่จริงๆ แปลงตั้งนานแล้ว แต่เราไม่ได้บอกใคร”

จากที่เป็นทอมๆ ใส่เน็คไทลุกขึ้นมาใส่กระโปรงยาวแต่งหน้าทาปากเหมือนผู้หญิคนหนึ่งเลย?
“เขาก็คิดว่าทอมอยากเป็นผู้หญิงมั้งคะ หมายความว่าอยากเข้าสู่ความเป็นผู้หญิง ลักษณะจะเป็นเหมือนกับว่าค่อยๆ ทำ ค่อยๆ เติม จนคนไม่รู้สึก”

พอได้มีการเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างชัดเจน คือความเป็นแพทย์คนก็จะมองว่าเป็นอาชีพที่น่าเชื่อถือ แล้วเป็นถึงผู้อำนวยการ กระแสของคนไข้ ของคนที่ได้รับรู้ มีกระแสอย่างไรไหมคะ?
“จริงๆ เนอะ ถ้าเป็นแพทย์อยู่แล้ว เพศชาย เพศหญิง ด้วยความที่เป็นแพทย์รักษาคนไข้ ด้วยความตั้งใจจริงๆ ดูแลคนไข้ เอาใจใส่เป็นอย่างดี เพศไหนคนไข้ก็เชื่อถือ นับถืออยู่แล้วค่ะ คือไม่จำเป็นต้องเป็นเพศไหน คิดว่านะ และเราก็ทำแบบนั้นจริงๆ คือเวลาทำงานเราทำงานเต็มที่ ดูแลคนไข้ แบบเต็มที่อยู่แล้ว เราทำงานทุกวัน ปกติ ไม่ห่วงสวยเลยค่ะเวลาอยู่เวร”

ชื่อเล่นคุณหมอคือท๊อฟฟี่?
“ค่ะ คุณพ่อคุณแม่ตั้งให้ตั้งแต่เกิดค่ะ”

ทุกวันนี้คุณหมอมีแฟนไหมครับ?
“ทุกวันนี้โสดค่ะ เคยมีแฟนค่ะ มีคนมาจีบไหม ก็ไม่รู้ค่ะ ดูไม่ออกค่ะ มีคนมาคุย ไม่มีความสามารถในการดูเรื่องนี้เพราะไม่ได้สนใจ”

หลังจากที่มีข่าวคุณหมอออกมา ก็เกิดกระแสดราม่า ในเรื่องของการที่เราจะแปลงเพศ เนี่ยมันจะต้องมีการเซ็นยินยอมจากผู้ปกครอง และก็ตรวจสอบสภาวะจิตว่าเราสามารถที่จะแปลงได้ไหม และที่คุณหมอมาเป็นถึงนายแพทย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแบบนี้ กระแสก็จะมองว่า จะทำให้เราตรวจคนไข้ได้จริง ๆ หรือเปล่า?
“สาเหตุที่ถามว่าทำไมถึงจะตรวจคนไข้ไม่ได้ นี่คือเป็นเพราเราไปผ่าตัดเองหรือคะ หรือว่าอย่างไร?

คือเหมือนคนจะมองว่าพอได้รับการแปลงเพศจากชายเป็นหญิง สภาวะจิตข้างในปกติไหม แล้วยิ่งเราเป็นคุณหมอที่ตรวจคนไข้เนี่ยมันมีผลไหม?
“โอเคค่ะ จริงๆ มันเป็นสิ่งที่คุณหมอมีความรู้เรื่อนี้อยู่แล้ว และก็ศึกษามเพิ่มเติมอย่างมากก่อนที่จะมีการตัดสินใจ แน่ที่สุดคือการจะผ่าตัดใหญ่แต่ละครั้งถ้ายังไม่บรรลุนิติภาวะก็ต้องให้ผู้ปกครองยินยอม แต่ตอนนั้นคือบรรลุแล้ว สองตั้งมีการทดสอบทางจิตโดยจิตแพทย์”

ด้วยเหตุนั้นก่อนตรวจด้วยจิตแพทย์ เขาก็จะแทงเรื่องว่าเรามีปัญหาทางจิต อันนี้มันจะมีผลอะไรไหม ถ้ามีคนเขามองว่าหมอป่วยทางจิต จะไปรักษาคนไข้ได้อย่างไร?
“อ่า มันน่าจะเป็แบบนั้นแหล่ะค่ะ ตอบได้ตรงนี้เลย่าคนที่แปลงเพศหรือทานเจนเดอร์ทั้งหมด ถามว่าจะเหมารวมว่าเปนคนป่วยทางจิตไหม ตัวอย่างในประเทศไทยเรามีเยอะมากเลยนะคะ ประเทศไทยเราเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของทานเจนเดอร์ มีความสวย ระดับโลก เราคงไม่ต้องยกตัวเอย่างเนอะ คือบุคคลเหล่านั้นไปเหมารวมว่ามีปัญหาทางจิตด้วยไหม คำว่าปัญหาทางจิตของคุณนิยามว่าแบบไหนหรอ? ต้องถามก่อนว่าแบบไหน?

ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ได้มีปัญหาในการดำเนินชีวิตเลย?
“แล้วการที่ตัดส่วนใดส่วนหนึ่งออกจากร่างกาย ผ่าตัดออก ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเสียศูนย์ หรือจะสูญเสียความสามารารถในการทำบางสิ่งบางอย่าง รวมถึงการทำงาน การตัดสินใจ มันไม่เกี่ยวค่ะ”

คุณหมอยังรักษาคนไข้ได้ มีสติสัมปะชัญญะครบถ้วน?
“ครบถ้วนทุกประการค่ะ ดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ ที่บอกว่าดีกว่าเดิมเพราะเราได้เป็นตัวของตัวอง ได้เป็นในสิ่งที่เราอยากจะเป็น เหมือนเราต้องการเอาสิ่งที่เราอยากเอาออก เอาออกไป แล้วเราก็แบบจิตใจเราก็โอเค เหมือนฟินขึ้น”

ล่าสุดทางแพทย์สภาเขาบอกมาแล้วว่าจริงๆ แล้วสามารถทำได้ ไม่ผิดด้วย?
“ใช่ค่ะ

คุณหมอเป็นคนหนึ่งที่มีความมุ่งมั่นในการรักษาและก็ทำประโยชน์เพื่อสังคมเล็ก ๆ ของคุณหมอ คุณหมอมีความรู้สึกท้อแท้ใจไหมคะ?
“ก็คนเนอะ ปุถุชนทั่วไปก็ต้องมีความรู้สึกบ้าง ใครที่เขาแบบว่าทางที่ไม่ดี อะไรที่เสียใจมากที่สุดก็คือ เขาก็เหมือนเหยียดหยามเยอะ เหมือนสตรีข้ามเพศ เพศที่ไม่ใช่ผู้หญิงกับผู้ชายแท้ ดูถูกว่าเราจะไปทำอะไรได้ เป็นสิ่งที่เราได้ยินแล้วก็รู้สึกเสียใจ แต่ถามว่ามันจะมีผลต่อการทำงานหรือความรู้สึกอะไรมากไหม เรื่องในทางลบที่คนอื่นพูดถึงเราไม่เอามาคิดดีกว่า ไม่มีประโยขน์ ไม่รับ ไม่เสพข่าวที่ไม่มีประโยชน์”

เรื่องของคุณหมอมันโด่งดังมาได้อย่างไร เริ่มจากอะไร รูปถ่าย?
“อันนี้ไม่ทราบจริงๆ ค่ะ อาจจะเป็นรูปๆ หนึ่ง คือแต่ก่อนที่ยังไม่ได้แกรนด์โอเพ่นนิ่ง ยังไม่ได้เป็นข่าวขนาดนี้ เขาก็คิดว่าเราเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ก็โอเค รู้แหล่ะว่ามีบางคนรู้ว่าเป็นหมอ และเป็นหมอผู้หญิงและมาแต่งตัวโป๊ เซ็กซี่ จากรูปนะ ถามว่าเป็นหมอและแต่งตัวแบบนั้นแล้วผิดไหม มีอาชีพอื่นเขาแต่งยิ่งกว่านี้อีก ทำไมไม่เห็นจะว่า และอันนี้มันก็ไม่ได้แบบ เปลือยขนาดนั้น”

สมมุติในกรณีเดียวกันถ้าเป็นพริตตี้ใส่ คนก็จะมองว่าน่ารัก แต่พอเป็นอาชีพหมอ คนก็คาดหวังว่าจะต้องแต่งตัวปิดคอ ปิดแขน คือมันมหดยุคไปแล้วหรือปล่า?
“ใช่ค่ะ หมดยุคก็ใช่ จะบอกว่าสมัยนี้มีสิทธิเท่ากันหมดไม่ว่าจะเพศไหน อาชีพอะไร น่าจะมีแบบสิทธิเท่าเทียมกันโดยที่ไม่ไปทำให้ใครเดือดร้อน เพราะสิ่งที่ทำก็ไม่ได้เดือนร้อนใคร”

ตอนนี้คุณหมอกลายเป็นคนดัง ก็จะมีสื่อเขียน คนที่เป็นคนไข้คุณหมอหรือคนรอบข้างได้เห็นอะไรแบบนี้ มีการให้กำลังใจและเข้าใจคุณหมอไหม?
“มีคนเข้าใจมากกว่าคนที่มาว่า เขาก็บอกว่าให้กำลังใจ แนวสู้ๆ นะ สิ่งที่เราทำมันดีอยู่แล้วไม่ต้องไปฟังในสิ่งที่เขาว่า ซึ่งมันบั่นทอนจิตใจเรามากกว่า เราทำดีอยู่แล้ว เราจงทำดีต่อไป และรักษาความดี ทำความดีขึ้นเรื่อยๆ”

คุณพ่อคุณแม่ว่าอย่างไรบ้าง คุณพ่อคุณแม่พูดเสริม?
“ท่านก็ตกใจนิดนึงว่าทำไมลูกกลายเป็นข่าว”
คุณพ่อคุณแม่ : ตกใจมากเลยค่ะ ตอนเด็กๆ ก็เห็นอยู่แล้ว เขาอยากใส่กระโปรงสวยๆ ก็อยากจะใส่ มีลูก 3 คน คนโตผู้ชาย คนกลางผู้ชาย คนที่สามคือคุณหมอท๊อฟฟี่”

เห็นว่าตัวคุณหมอมีเป้าหมายในการดูแลคนไข้ เป้าหมายของคุณหมอคืออะไรคะ?
“ก็จริงๆ คนไข้ที่เราดูแลอยู่ ก็ดูแลให้ดีที่สุดตลอดทุกๆ ระยะส่วนใหญ่คนไข้ตามพื้นที่ๆ กันดารหน่อยจะเป็นคนไข้ที่เรื้อรังมาต่อเนื่อง เขาค่อนข้างน่าเห็นใจ ก็มีการนัดดูแลกันต่อเนื่องมากกว่า มีการไปเยี่ยมบ้าน ไปอะไรด้วย บางทีก็ไปช่วยดูอาการค่ะ”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook