คุณแม่...นักข่าว ดาว-อภิสรา นุตยกุล

Quote : ลูกเป็นส่วนหนึ่งของเรา และเป็นความรับผิดชอบตลอดชีวิต คุณดาว-อภิสรา นุตยกุล พิธีกรคนเก่งจากรายการ ทันโลกกีฬา และ สามสิบยังแจ๋ว ทางช่อง 3 ก็เป็นผู้หญิงอีกคนที่กำลังพิสูจน์ตัวเองในบทบาทของความเป็นแม่ หลังจากผ่านชีวิตแต่งงานมาได้สองปี คุณดาวกับสามี คุณจ้อ-กิตติพันธ์ นุตยกุล พิธีกรหนุ่มจาก โต๊ะข่าวบันเทิง ก็ตกลงใจวางแผนที่จะมีลูกน้อยเพื่อเป็นขวัญใจของบ้าน จากนั้นไม่นานคุณดาวก็ได้เป็นคุณแม่สมใจ โดยหนุ่มน้อยคนนี้มีชื่อคล้องกับคุณพ่อจ้อว่า น้องจริง นุตยกุล คุณดาวเธอเป็นสาวตัวเล็กแอ็dทีฟ ชอบเล่นกีฬา ทั้งตีกอล์ฟ วิ่ง ว่ายน้ำ เมื่อตั้งท้องอาจจะต้องห่างหายจากกีฬาหนักๆ ไปบ้าง แต่ในเรื่องการทำงานไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก ด้วยกำลังใจเต็มเปี่ยมทั้งจากตนเองและครอบครัว เธอจึงยังเต็มร้อยกับงานได้เช่นเดิม แถมปรับเอาชีวิตส่วนตัวและการงานผสมผสานได้อย่างลงตัว ดาวตื่นตีสาม เพื่อที่จะอ่านข่าวรายการทันโลกกีฬาตอนตีห้า แต่ชีวิตเป็นอย่างนี้มาสองปีแล้ว ร่างกายปรับตัวได้แล้ว พอท้องก็ไม่มีผลอะไรมาก เพียงแต่ต้องระวังและดูแลตัวเองมากขึ้น จากที่เคยเป็นคนโลดโผน ชอบเล่นกีฬา แล้วเป็นคนชอบทำอะไรเร็ว วิ่งไปวิ่งมา ก็ต้องทำอะไรช้าลงบ้าง พอเสร็จงานช่วงเที่ยงๆ ดาวก็จะกลับบ้านไปพักผ่อน แล้วเข้านอนเร็ว สองทุ่มนอนแล้ว เพื่อจะได้นอนให้พอเพราะเราต้องตื่นเช้า แล้วก็นับว่าเป็นเรื่องที่โชคดี เมื่อโปรดิวเซอร์รายการสามสิบยังแจ๋วได้ปรับเนื้อหาในรายการให้มีเรื่องเกี่ยวกับ คุณแม่ตั้งครรภ์ เข้ามา ซึ่งก็ตรงกับประสบการณ์ตรงของเธอพอดี พอมีการปรับรายการให้วันพุธเป็นวันสำหรับคุณแม่ คนก็ชอบ มีกลุ่มเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น มีทั้งคุณแม่มือใหม่ คนที่กำลังท้อง หรือคนที่อยากมีลูกก็มาดูรายการเพิ่มขึ้น ซึ่งดาวเองก็ต้องหาความรู้เรื่องการดูแลตัวเองอยู่แล้วด้วย มีข้อมูลอะไรก็นำมาแลกเปลี่ยนายการ ทำให้การทำงานของเราไม่เครียด ไม่กดดัน หรือรายการกีฬาที่ทำอยู่ ดาวเป็นคนดูกีฬาอยู่แล้ว เราชอบกีฬา เรื่องงานเลยเป็นเรื่องที่ทำเราทำแล้วไม่เครียด การที่คุณดาวดูมีความสุขกับบทบาทของการเป็นคุณแม่นั้น เธอบอกว่านอกจากความมุ่งมั่นและความมั่นใจของตัวเองแล้ว คนรักก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ พี่จ้อเป็นคนที่ดูแลดีอยู่แล้ว ตั้งแต่ก่อนท้อง เป็นคนเอาอกเอาใจภรรยามาก เป็นคนใจดี แล้วก็ใจเย็น จะถามอยู่เสมอว่าเป็นยังไง เมื่อยมั้ย แล้วเขาคอยนวดให้ ไปหาหมอเป็นเพื่อน ยิ่งพอคลอดน้องแล้วเขาก็ช่วยดูแลมากขึ้น การคลอดลูกอาจจะเป็นเรื่องที่หลายๆ คนหวาดกลัว แต่สำหรับคุณแม่คนนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น บางคนกังวลเรื่องคลอด แต่ดาวไม่รู้สึกอย่างนั้น อยากให้เป็นไปตามธรรมชาติมากกว่า วันคลอดดาวยังไปถ่ายรายการสามสิบยังแจ๋วอยู่เลย ตกกลางคืนก็มีอาการเจ็บท้อง แล้วก็เจ็บถี่ขึ้นเรื่อยๆ คิดว่าใช่แน่ๆ ก็เก็บข้าวเก็บของ แต่งหน้า ทำผม เตรียมกล้องวิดีโอ กล้องถ่ายรูป เพราะพี่จ้อจะเข้าไปในห้องคลอดด้วย แล้วก็โทรไปบอกคุณหมอ ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนไปเที่ยวมากกว่า พอไปถึงโรงพยาบาล ก็ไปถามเจ้าหน้าที่ว่าห้องคลอดอยู่ชั้นอะไร จะมาคลอดแล้ว เขาก็ถามว่า จะมาคลอดเหรอคะ ทำหน้างงๆ (หัวเราะ) ตั้งใจว่าอยากคลอดเอง แต่พอคุณหมอมาถึงก็ประเมินว่าเด็กตัวใหญ่มาก คลอดเองน่าจะลำบาก ผ่าคลอดดีกว่า เด็กจะได้ไม่บอบช้ำ ความรู้สึกในตอนนั้นตื่นเต้นมากไม่กลัวห้องผ่าตัดเลย อยากจะเห็นแต่หน้าลูก พอถึงเวลาที่คุณหมออุ้มเด็กออกมาจากในท้องเรา พี่จ้อซึ่งกำลังถือกล้องถ่ายรูปอยู่ร้องไห้เลย ดาวถามคุณหมอว่าลูกปลอดภัยแข็งแรงมั้ย แค่หมอบอกว่าปลอดภัย แข็งแรง ก็โอเคแล้ว ถือเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำมาก หลังจากคลอดน้องแล้ว หนึ่งในเรื่องสำคัญที่คุณดาววางแผนไว้คือ การให้นมแม่ให้ได้หก เดือน และการทุ่มเทเวลาให้กับลูก แม้ว่ายังต้องทำงาน แต่เธอก็ที่จะเลี้ยงลูกเอง ตอนนี้ดาวตั้งใจให้นมลูกครบหกเดือน เวลามาทำงานก็จะปั๊มนมแม่ไว้ในช่องฟรีซ คือไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนขอให้ลูกกินนมแม่ดีที่สุด ไม่ว่าจะกินจากเต้าหรือปั๊มไว้ก็ได้ แต่ช่วงแรกดาวจะมีปัญหาเรื่องให้นมลูก คือมีปัญหาหัวนมแตก แต่ก็ต้องอดทน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่เราจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกและสองอาทิตย์หลังคลอด ร้องไห้ตามลูกทุกวันค่ะ ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าลูกร้องทำไม โชคดีมีคุณพ่อคุณแม่ พี่จ้อ และเพื่อนๆ คอยให้กำลังใจ ทำให้ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ จนถึงตอนนี้ดาวก็ค่อยๆ ดีขึ้น พอกลับไปทำงานต้องปรับเวลาใหม่หมด เพื่อให้ได้เลี้ยงลูกเอง ถ่ายรายการตอนเช้าเสร็จ ช่วงบ่ายก็รีบกลับมาดูแลลูก งดชอปปิง งดปาร์ตี้ เหนื่อยนะคะ แต่ดาวอยากดูแลลูกเอง ทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าลูกยิ้ม ได้กอดและให้นมลูก ก็ช่วยให้หายเหนื่อย และเป็นเวลาที่มีความสุขอย่างแท้จริง สำหรับอนาคตของลูกย่อมเป็นเรื่องสำคัญของพ่อแม่ คุณดาวบอกเล่าถึงเคล็ดลับวิธีการเลี้ยงลูกว่าลูกเป็นส่วนหนึ่งของเรา และเป็นความรับผิดชอบตลอดชีวิต ดาวจะให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูก แต่จะไม่บังคับลูก จะเลี้ยงลูกแบบประชาธิปไตย เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเรามาแบบนั้น คอยดูอยู่ห่างๆ ชี้ทางให้รู้ว่าสิ่งนี้ดี สิ่งนี้ไม่ดี คือบอกลูก แต่ท้ายที่สุดให้ลูกเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะเลือกทางไหน พ่อแม่ไม่ได้อยู่กับเขาตลอดไป เราต้องปลูกฝังให้เขาเป็นคนดีจากจิตสำนึกของตัวเอง ไม่ใช่ดีจากการโดนบังคับ