<font color=996633>วัฒนธรรมความเชื่อ / แม่-ลูก ผูกพันด้วยเวรกรรม</font>

<font color=996633>วัฒนธรรมความเชื่อ / แม่-ลูก ผูกพันด้วยเวรกรรม</font>

<font color=996633>วัฒนธรรมความเชื่อ / แม่-ลูก ผูกพันด้วยเวรกรรม</font>
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เพราะเป็นคนอื่น เราก็จะไม่ยอมให้มาทำร้ายอยู่ข้างเดียว แต่เมื่อเป็นลูกในไส้ก็ต้องจำเป็นต้องทนเลี้ยงดู...เมื่อโตขึ้น ลูกเจ้าหนี้เวรพวกนี้ก็ไม่เลี้ยงดู ไม่เหลียวแล ไม่ใยดีต่อพ่อแม่...ซ้ำร้ายบางรายยังมารีดไถ หรือเอาลูกมาให้พ่อแม่เลี้ยงอีก คนโบราณจึงมีวิธีขอสิ้นเวรยุติการจองเวร ระหว่างพ่อแม่ กับลูกที่เกิดมาจองเวร....ดังเรื่องจริงที่นำมาเล่านี้ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ในจังหวัดภาคกลางมีชาวนาผัวเมียคู่หนึ่ง มีที่นาพอหาเลี้ยงชีวิต ทั้งคู่ขยันขันแข็งและใจบุญ เมื่อขายข้าวได้ก็จะแบ่งเงินกันไปทำบุญที่วัด ในตำบลบ้าน จนเป็นที่เมตตาของสมภาร...วันหนึ่ง ก็นำอาหารมาถวายเพลพระแล้ว ขอให้สมภารทำนายฝันให้หน่อย...หญิงผู้เป็นเมียฝันว่า ตนเดินเข้าไปในป่ามืดเห็นลูกเสือตัวเล็กยืนอยู่ราวกับรอตนอยู่ จึงเข้าไปอุ้มจะนำไปเลี้ยง ระหว่างทางที่พามาบ้าน ลูกเสือนี้ก็กัดนางที่แขนและหน้าอกเจ็บปวดเลือดอาบ นางตกใจตื่นรู้สึกไม่สบายใจ จึงมาทำบุญ...ท่านสมภารจึงว่า ฝันนี้ร้ายนัก เจ้ากรรมนายเวรจะมาเอาคืน...จึงให้นางไปกรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศลที่เคยทำมาให้เจ้ากรรมนายเวร แล้วนำน้ำไปรดต้นโพธิ์ในวัด ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ มีอาการแพ้ท้องอย่างมาก หงุดหงิด อารมณ์เสียใส่สามี ขว้างป่าข้าวของใส่หัวสามีราวกับโกรธแค้นมาก ทั้งที่เมื่อก่อนท้องก็รักกันดี ไม่มีนิสัยเช่นนี้ ...เมื่อคลอดก็เจ็บทองมากข้ามวันข้ามคืน คลอดยาก ทรมาน ปางตาย ลูกออกมาเป็นชาย หน้าตาไม่เหมือนพ่อแม่ เป็นเด็กอารมณ์หงุดหงิด โกรธง่าย และมักพาลเอากับพ่อแม่เสมอ เอาแต่ใจไม่ช่วยทำงาน ไม่ชอบเรียนหนังสือ เที่ยวเล่น เกเร นำแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้ พอเป็นวัยรุ่นก็คบนักเลง ติดเหล้า ยาเสพติด การพนัน ผลาญทรัพย์สินพ่อแม่... ขอเงินไม่ได้ก็เอาของในบ้านไปขาย ขโมยเงินพ่อแม่เป็นประจำ ก่อเรื่องจนถูกจับติดคุก ออกมาก็ทำชั่วอีก พ่อแม่ต้องทำงานหนักทั้งที่แก่ชรา เพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูก และให้ลูกผลาญสมบัติ หนักเข้าพ่อก็ป่วยและตายจากไปเหลือแต่แม่ ลูกชายชั่วก็เคี่ยวเข็ญให้แม่ขายที่นา ขายบ้านเอาเงินมาให้ตนใช้หนี้พนัน และเที่ยวเล่นเกเร อบายมุขทุกอย่างเอาหมด... จากที่นำข้าวมาถวายพระ บัดนี้แม่ต้องมาขอข้าวจากพระไปประทังชีวิต...จนลูกชายชั่วอายุย่างเข้า 25 ปี วัยเบญจเพส วันหนึ่งแม่ก็มาปรับทุกข์กับท่านสมภารวัดว่า เป็นห่วงลูกชายว่าจะมีเคราะห์เพราะเข้าวัยเบญจเพสแล้ว และเกรงว่าลูกจะทำชั่วอะไรอีก ท่านสมภารจึงแนะว่าลูกชายคนนี้ชะรอยจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติของโยมตามมาทวงหนี้เวรคืน เขาไม่มีความรู้สึกรักพ่อแม่เลยมาตั้งแต่เล็ก... โยมจงอย่าไปยึดมั่นถือมั่นว่า เขาเป็นลูกให้โยมตัดจิตผูกพัน แล้วจุดธูปกราบขออโหสิกรรมต่อหน้าลูกชาย พูดกับลูกดีๆ ว่าพ่อคุณจงอโหสิกรรมให้แม่เถิดขอจงหมดเวรสิ้นพยาบาทกันแต่เพียงนี้เถิด...เมื่อกลับถึงบ้านแม่ก็หุงหาอาหารเย็นให้ลูกชายกิน...พอลูกกินอิ่ม ยังอารมณ์ดีอยู่ นางก็จุดธูปก้มกราบลูกชายแล้วพูดอย่างตั้งใจมั่นตามที่ท่านสมภารบอก...ลูกงงนิ่งไปพักหนึ่ง ก็ลุกขึ้นผลุนผลันจะลงจากบ้าน ก้าวเหยียบบันไดพลาดตกบันไดคอหักตายคาที่อยู่ที่ตีนบันไดบ้านนั่นเอง คนโบราณมีความเชื่อว่า แม่ที่ดีถ้ากราบขออโหสิกรรมต่อลูกชั่ว จะทำให้ลูกชั่วนั้นอายุสั้น ถ้าชั่วมากก็ตายเร็วและยังมีความเชื่ออีกว่า...ถ้าคนดีมีบุญ ก้มกราบหมา (อย่างตั้งใจ) หมานั้นจะตายในไม่ช้า...เรื่องนี้คนเฒ่าคนแก่เล่าไว้ว่าเคยมีคนทำเพราะหมาดุมากกัดไม่เลือก แล้วก็เป็นจริง ไม่ช้าหมานั้นก็ถูกรถชนตาย เรื่องจริงอีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่เจ้ากรรมนายเวรมาเกิดจองเวรเป็นลูกแต่ไปอาศัยท้องคนอื่นเกิด เพราะพ่อแม่ที่มาจองเวรเขานั้น เป็นคนมีบุญมาก สร้างแต่กุศล...เรื่องนี้บุคคลในเรื่องยังมีชีวิต แต่คงอยู่ได้อีกไม่นาน เพราะกำลังป่วยมาก...เรื่องมีอยู่ว่า มีสามี-ภรรยา คู่หนึ่งมีความรู้มากทั้งคู่เป็นอาชีพที่ช่วยชีวิตผู้คน มีความรู้สูงจนขั้นอาจารย์ของอาจารย์ในสายวิชาชีพนั้น (บอกอาชีพไม่ได้ ถ้าบอกคนในวิชาชีพก็จะรู้ทันที) แต่งงานกันมานานก็ไม่มีลูก ฐานะดีมีมรดกที่ดินมาก สมัยนั้นยังไม่มีการผสมเทียม...วันหนึ่งท่านก็พบเด็กชายเล็กๆ คนหนึ่ง แม่มาคลอดที่โรงพยาบาลแล้วทิ้งลูกไว้ หนีไปเลย... สามี-ภรรยา ท่านนี้สงสารเด็ก นึกเมตตา นำไปเลี้ยงที่บ้าน ให้คนรับใช้ที่บ้านเลี้ยงดู เพราะทั้งสามี-ภรรยาต้องออกไปทำงาน ทั้งงานและเป็นอาจารย์สอนในวิชาชีพนั้นทั้งคู่ด้วย... สามี-ภรรยารับเด็กชายนี้เป็นลูกบุญธรรม ส่งเสียให้เรียนโรงเรียนฝรั่งที่มีชื่อในสมัยนั้น เมื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศไม่ได้ ท่านก็ส่งเรียนต่างประเทศตามที่ใจเขาชอบ จบกลับมาก็ปลูกบ้านให้และจัดการแต่งงานให้มีครอบครัวอยู่สุขสบาย ด้วยทรัพย์สมบัติของพ่อแม่บุญธรรม ตัวลูกชายรู้มาแต่แรกว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ในใจจึงไม่รัก ทั้งที่พ่อแม่บุญธรรมก็รักและเลี้ยงเขาเป็นลูกคนเดียว ไม่ได้รับเด็กอื่นมาเลี้ยงอีก...พ่อแม่ตั้งใจยกทรัพย์มรดกให้แต่ขอแบ่งที่ดิน และทรัพย์สินบางส่วนอุทิศให้กาชาด เป็นการทำบุญ ต่อมาพ่อตายเหลือแต่แม่ ปลดเกษียณมาอยู่บ้าน ตัวลูกก็ไม่เคยมาดูแล แม้เมื่อแม่ป่วยเป็นอัมพาตครึ่งซีกเดินไม่ได้ต้องนั่งรถเข็น... แม่ได้ทำพินัยกรรมยกมรดกให้ลูกชาย แต่ให้ที่ดินและกิจการบางอย่างแก่สภากาชาด เมื่อลูกชายรู้ก็มาหาแม่ที่บ้านแล้วบีบบังคับเค้นให้แม่เซ็นยกสมบัติมรดกให้ตนทั้งหมด แต่แม่ไม่ยอมจะขอทำบุญกุศลบ้าง ลุกชายไม่พอใจจึงเอาไม้กวาดมาตีแม่ซึ่งเป็นอัมพาตนั่งบนรถเข็ญ ตีไปก็ขู่เข็ญไป คนรับใช้ในบ้านที่เคยอยู่กันมาก็แก่ชรา ช่วยแม่ไม่ไหว และกลัวลูกจะไล่ออกจากบ้าน จึงแอบโทรศัพท์ไปบอกลูกศิษย์ แม่รีบมารับตัวไปจากบ้าน จะได้พ้นมือลูกชาย จากนั้นแม่ก็ป่วย (คงเสียใจ) นอนอยู่โรงพยาบาล...ท่านคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน คนทั้งหลายที่รู้เรื่องนี้ ส่วนใหญ่เชื่อว่า ลูกชายคนนี้คงเป็นเจ้ากรรมนายเวรของท่านสามี-ภรรยาคู่นี้...ตามมาจองเวร แม้มิได้เกิดจากอุทร แต่ก็พบอุปถัมภ์เป็นลูกบุญธรรม มีสิทธิราวกับลูกในอุทร ตามกฎหมายา ในทางตรงกันข้าม พ่อแม่หลายรายที่ได้พึ่งลูก (เด็ก) ที่เก็บมาเลี้ยง แต่กตัญญูดีกว่าลูกแท้ๆ (เพราะไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวร) ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ ของ <font color=996633>วัฒนธรรมความเชื่อ / แม่-ลูก ผูกพันด้วยเวรกรรม</font>

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook