19.1 ล้านบาทต่อ 1 โซเชียลมีเดียโพสต์ เธอคือ “เซเลน่า โกเมซ”

19.1 ล้านบาทต่อ 1 โซเชียลมีเดียโพสต์ เธอคือ “เซเลน่า โกเมซ”

19.1 ล้านบาทต่อ 1 โซเชียลมีเดียโพสต์ เธอคือ “เซเลน่า โกเมซ”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สวัสดีค่ะซิส วันนี้ขอพูดถึงเรื่องโซเชียลมีเดียเนอะ อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าปัจจุบันได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตของผู้คนบนโลกนี้อย่างมหาศาล ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน ยิ่งกับเซเลบริตี้ด้วยแล้ว ก็ยิ่งมีบทบาทเป็นย่างมาก บริษัทสำรวจอย่าง D’Marie Analytics ได้เปิดเผยผลสำรวจรายได้ที่นักร้อง นักแสดง และเซเลบริตี้ระดับโลกได้รับจากการโพสต์ภาพแฝงการโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งหลังจากนี้หากผู้อ่านถึงกับต้องเอามือทาบอกอ้าปากค้างแน่ๆ

ผู้เขียนเองในฐานะคนธรรมดาคนหนึ่ง การโพสต์อินสตาแกรม และได้ยอดไลค์ 11 ไลค์ก็นับเป็นเรื่องดีๆ ของวันละ ฮ่าๆๆ แต่บุคคลที่เราจะพูดถึงนี่ ยอดผู้ติดตามหลักสิบล้าน ยอดไลค์ก็เป็นล้านเช่นกัน และนี่คือ 5 อันดับผู้ที่มีรายได้สูงที่สุดจากการโพสต์ภาพผ่านโซเชียลมีเดีย

1. Selena Gomez
2. Kendall Jenner
3. Kylie Jenner
4. Rihanna
5. Beyoncé Knowles

ซึ่งแน่นอน ว่าการจะได้รับเงินจำนวนนี้มาได้ ต้องมียอดไลค์, ผู้ติดตาม, ความถี่ในการโพสต์ และคอมเม้นต์ รวมถึงส่วนประกอบอื่นๆ ด้วย

เริ่มกันที่ Gigi Hadid และ Kendall Jenner ในฐานะนางแบบสุดฮอตชื่อดัง ผู้ซึ่งกวาดงานไฮแฟชั่นมาเกือบทุกรันเวย์ได้รับ 125,000-300,000 เหรียญ หรือราว 4.3-10.4 ล้านบาทไทยต่อ 1 โซเชียลมีเดียโพสต์


ในขณะที่ตัวท็อปของเราอย่าง “เซเลน่า โกเมซ” สามารถโกยรายได้ถึง 550,000 เหรียญ หรือราว 19.1 ล้านบาทไทย ย้ำนะจ๊ะ 19.1 ล้านบาทไทยต่อโพสต์ จะไม่ได้ได้ไงล่ะ ก็ยอดฟอลโลวเวอร์ในอินสตาแกรมของเธอมีตั้ง 93 ล้านคน ซึ่งเป็นยอดที่สูงที่สุดในโลก และหากรวมกันทั้งอินสตาแกรม, เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์ ก็ปาไป 180 ล้านละจ้า

แม่เจ้า! ยอดผู้ติดตาม 180 ล้านคนในโซเชียลมีเดีย เธอมีอิทธิพลต่อผู้คนถึง 180 ล้านคนทั่วโลก หรือหลายประเทศรวมกัน ต้องทำบุญด้วยอะไร ถึงจะทำได้แบบนี้คะซิสบอกหน่อย

ส่วนของ “ไคลี่ เจนเนอร์”, “ริฮันน่า” และ “บียองเซ่” ทางบริษัทสำรวจไม่ได้เปิดเผยเรตแต่อย่างใด แต่ก็คงไม่ต่างจากจีจี้และเคนดัลล์มากนักหรอก

จากที่ผู้เขียนได้สังเกตมา ดารานักแสดงฝั่งฮอลลีวูดจะไม่ค่อยรับงานโฆษณาเฉกเช่นดาราบ้านเรา หรือถ้าจะรับมา ก็จะไม่เรียกว่าเป็นการขายของชนิดฮาร์ดเซลส์ขนาดนั้น เรียกว่าเป็นการขายแบบอ้อมๆ โดยไม่ติดป้านแบรนด์ซะมากกว่า แบบนี้ไงล่ะ ถึงจะเรียกว่าเป็นการรักษาภาพลักษณ์และราคาของตัวเองได้ดี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook