Checklist วัคซีนสำหรับแม่ท้อง

Checklist วัคซีนสำหรับแม่ท้อง

Checklist วัคซีนสำหรับแม่ท้อง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มาลองเช็คดูสิว่า คุณแม่ท้องฉีดวัคซีนเหล่านี้ครบแล้วหรือยัง

อีกเรื่องที่ว่าที่คุณแม่มือใหม่ลืมไม่ได้เลยหากวางแผนจะมีเจ้าตัวน้อย นั่นก็คือ “การฉีดวัคซีน” เพราะวัคซีนจะช่วยป้องกันโรคร้ายแรงต่างๆ ที่มีผลต่อสุขภาพแม่และลูกได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องจำเป็นมากๆ ที่แม่ท้องทุกคนต้องได้รับวัคซีนที่สำคัญและครบถ้วน มาลองดูกันว่า ถ้าวางแผนจะมีลูกน้อยกลอยใจสักคน ว่าที่คุณแม่จะต้องฉีดวัคซีนกี่ตัว ฉีดตัวไหน และฉีดเมื่อไรกันบ้าง

วัคซีน “ต้อง” ฉีด!

ก่อนตั้งครรภ์ 2 เดือน
วัคซีนอีสุกอีใส
• จำนวนเข็ม 2 เข็ม
• การฉีด ฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 1 เดือน

Note:
หากเคยได้รับวัคซีนอีสุกอีใสครบแล้ว หรือเคยเป็นโรคอีสุกอีใสหรืองูสวัดมาก่อน แสดงว่ามีภูมิต้านทานต่อโรคแล้ว อาจไม่จำเป็นต้องฉีด หรือสามารถเจาะเลือดเพื่อตรวจหาภูมิต้านทาน และควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง

Must Read!
การติดเชื้ออีสุกอีใสในขณะตั้งครรภ์ โดยเฉพาะก่อนอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ มีโอกาสเกิดความพิการของทารก เช่น สมองเล็ก แขนขาไม่งอก ผิวหนังหนาผิดปกติ หูหนวก เป็นต้น

ก่อนตั้งครรภ์ 1 เดือน

วัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม
• จำนวนเข็ม 1 เข็ม
• การฉีด เมื่อใดก็ได้ แต่ควรฉีดก่อนตั้งครรภ์อย่างน้อย 1 เดือน

Note: วัคซีนนี้เป็นวัคซีนที่รวม 3 โรคไว้ในเข็มเดียวกัน เป็นวัคซีนที่ต้องฉีดอย่างยิ่ง แต่ไม่ควรฉีดขณะตั้งครรภ์เนื่องจากมีอันตราย

Must Read!
อันตรายจากการติดเชื้อหัด หัดเยอรมัน และคางทูม
โรคหัด หากเป็นตอนตั้งครรภ์ จะเพิ่มอัตราการแท้งและการคลอดก่อนกำหนด
โรคหัดเยอรมัน จะเพิ่มอัตราการแท้งและการคลอดก่อนกำหนดเช่นเดียวกัน รวมไปถึง ทารกตายในครรภ์ และเกิดความพิการแต่กำเนิด เช่น หูหนวก ตาบอด หัวใจและระบบประสาทผิดปกติ หากติดเชื้อก่อนตั้งครรภ์ 20 สัปดาห์ และในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสแรก โอกาสที่ทารกจะพิการจะยิ่งสูงมากขึ้น
โรคคางทูม หากติดเชื้อตอนตั้งครรภ์อาจทำให้ทารกตายในครรภ์ หรือมีความพิการทางหัวใจได้

วัคซีนวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกหรือเอชพีวี
• จำนวนเข็ม 3 เข็ม
• การฉีด ฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 1-2 เดือนและเข็มที่ 3 ห่างจากเข็มแรก 6 เดือน

Note: หากฉีดอยู่แล้วและยังไม่ครบจำนวนเข็ม แต่ตั้งครรภ์เสียก่อน ให้หยุดฉีดก่อน จากนั้นจึงค่อยฉีดต่อหลังคลอด

ระหว่างตั้งครรภ์
วัคซีนบาดทะยัก
• จำนวนเข็ม 3 เข็ม
• การฉีด หากไม่เคยฉีดมาก่อนให้ฉีด 3 เข็ม เข็มที่ 1 และ 2 ห่างกัน 1 เดือน และเข็มที่ 3 ห่างจากเข็มแรก 6 เดือน หากเคยฉีดมาแล้ว 1 เข็ม ให้ฉีดอีก 2 เข็ม ห่างกัน 6 เดือนหากเคยฉีดมาแล้ว 2 เข็ม ให้ฉีดอีก 1 เข็มทันทีที่ฝากครรภ์ หากฉีดครบ 3 เข็มแล้ว แต่เกิน 10 ปี ให้ฉีดกระตุ้นอีก 1 เข็ม

Note: แม้การคลอดในปัจจุบันจะมีความก้าวหน้าและเครื่องมือที่ทันสมัย แต่ก็ยังมีโอกาสติดเชื้อได้ ดังนั้นแม่ท้องจึงยังจำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักอยู่ ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้ลูกติดเชื้อได้อีกด้วย

Must Read!
ทารกที่ติดเชื้อบาดทะยักจะมีอาการเกร็ง หลังแข็ง หลังแอ่น ชัดกระตุก ดูดนมไม่ได้ และเสียชีวิตในที่สุด


วัคซีนคอตีบและไอกรน
• จำนวนเข็ม 1 เข็ม
• การฉีด ฉีดร่วมกับวัคซีนบาดทะยักในเข็มที่ 2

Note:วัคซีนนี้เป็นวัคซีนที่รวม 3 โรคไว้ในเข็มเดียวกัน แนะนำให้ฉีดที่อายุครรภ์ระหว่าง 27-36 สัปดาห์ และควรฉีด 1 เข็มต่อการตั้งครรภ์ทุกท้อง

Must Read!
โรคคอตีบ พบว่ามีการระบาดใหม่อีกครั้ง ในปี พ.ศ. 2555 ซึ่งโรคนี้ทำให้แม่และลูกในท้องเสียชีวิตได้ หรือเกิดอาการอื่นๆ เช่น หายใจไม่ออก ทางเดินหายใจอุดตัน กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
โรคไอกรน เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ผ่านการไอและจาม หากติดเชื้อจะมีอาการไอถี่ หรือระบบหายใจล้มเหลว และทำให้เสียชีวิตได้ นอกจากนี้ลูกสามารถติดเชื้อไอกรนผ่านทางแม่ได้ด้วย ซึ่งหากลูกเป็นโรคไอกรนเมื่ออายุ 3 เดือนแรกหลังคลอด จะมีโอกาสเจ็บป่วยรุนแรงจนเสียชีวิตได้ แต่การฉีดวัคซีนนั้นจะช่วยป้องกันโรคไอกรนในลูกที่คลอดออกมาได้ตั้งแต่ 2-6 เดือนเลยทีเดียว

วัคซีนไข้หวัดใหญ่
• จำนวนเข็ม 1 เข็ม
• การฉีด ควรฉีดเมื่ออายุครรภ์ระหว่าง 27-36 สัปดาห์

Note: การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่นอกจากจะช่วยป้องกันแม่แล้ว ยังส่งภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยหลังคลอดได้อีก 6 เดือนเลยทีเดียววัคซีนนี้สามารถฉีดในคนท้องได้ทุกฤดู ไม่จำเพาะช่วงหน้าหนาวที่มีการระบาดเท่านั้น

Must Read!
โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่ทำอันตรายให้คนท้องได้มากกว่าคนธรรมดา ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงมากกว่า เช่น ปอดบวม เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ หัวใจวาย เป็นต้น จนทำให้แม่และลูกเสียชีวิตได้

วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี
• จำนวนเข็ม 3 เข็ม
• การฉีด เข็มที่ 1 และ 2 ห่างกัน 1-2 เดือน และเข็มที่ 3 ห่างจากเข็มแรก 6 เดือน

Note:
คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ควรตรวจเลือด เพื่อทราบว่าเป็นพาหะของเชื้อโรคนี้หรือไม่ และอาจปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาว่าควรได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีหรือไม่ ซึ่งผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ควรได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ได้แก่ คนยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสตับอักเสบบี หรือมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี

การฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีนอกจากจะช่วยป้องกันแม่แล้ว ยังส่งภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยหลังคลอดด้วย อาจมีผลข้างเคียงหลังฉีดบ้าง แต่ไม่ร้ายแรง เช่น ปวด บวม แดงบริเวณที่ฉีด เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว มีไข้ต่ำๆ หรือปวดศีรษะได้ แก้ไข้ด้วยการกินยาแก้ปวดหรือประคบเย็น

Must Read!
ไวรัสตับอักเสบบีเป็นไวรัสที่ติดจากการสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น เลือด น้ำลาย น้ำมูก อสุจิ เป็นต้น และสามารถติดจากแม่สู่ลูกได้ การติดเชื้อจะทำให้ตับอักเสบ ตัวเหลือง ตาเหลือง อ่อนเพลีย ตับวาย และมีแนวโน้มเป็นมะเร็งตับหรือตับแข็งได้ในอนาคต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook