ใส่ใจเรื่องโรคตา กับโรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยมหิดล
การดูแลรักษาดวงตาของสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณเป็นเรื่องที่สำคัญและหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะน้องหมาที่มีดวงตาแอ๊บแบ๊วทั้งหลายนั้น อุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นกับดวงตาก็มีเปอร์เซ็นต์สูงกว่าน้องหมาตาตี่ทั่วไป ทั้งนี้เราจะมีวิธีการดูแลรักษาดวงตามาฝากคุณผู้อ่านกันค่ะ โดยคราวนี้เราได้รับเกียรติจาก สพ.ญ.อารีรัตน์ คงเจริญ สัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคตา ประจำหน่วยโรคตา โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งจะมาให้ความรู้ในเรื่องของโรคตา และวิธีการดูแลรักษา พร้อมทั้งพาเยี่ยมชมหน่วยโรคตาที่มีความทันสมัยในเรื่องของเครื่องมือการรักษา คลินิกโรคตา โรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยมหิดล เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 2547 ปัจจุบันเปิดให้บริการในวันอาทิตย์-วันศุกร์ โดยมีคุณหมออารีรัตน์คอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดทุกวันทำการค่ะ ซึ่งที่นี่เขามีอุปกรณ์ในการตรวจรักษาไฮเทคมากเลยทีเดียว หากท่านใดสงสัยว่าสุนัขของตนจะเป็นอันตรายเกี่ยวกับดวงตาก็สามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอได้เลย โดยไม่ต้องโทรเข้ามานัดค่ะ เห็นไหมคะว่าคุณหมอทั้งสวยและใจดีสุดๆไปเลย เมื่อทำความรู้จักกับหน่วยโรคตากันมาพอสมควรแล้ว เราก็มาว่ากันด้วยเรื่องของโรคภัยไข้เจ็บกันดีกว่า ซึ่งคุณหมอบอกกับเราว่า โรคตานั้นเป็นโรคที่พบบ่อยมากในสุนัขทุกวัย แต่สำหรับชิสุห์และพูเดิ้ลจะพบมากสุดเนื่องจากเป็นน้องหมาที่มีลักษณะตาที่ค่อนข้างกลมโต ซึ่งคุณหมอได้แบ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคตาได้ 2 ประเภท ดังนี้ 1. เกิดจากพันธุกรรม คือสายพันธุ์ของสุนัขจะเป็นปัจจัยโน้มนำที่สำคัญ ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยต่างๆได้ ยกตัวอย่างเช่น พูเดิ้ล อาจจะมีแนวโน้มที่สำคัญที่ทำให้เกิดโรคต้อกระจกได้มากกว่าสุนัขพันธุ์อื่นๆ และลาบราดอร์อาจจะเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมมากกว่าสุนัขพันธุ์อื่นๆ เป็นต้น 2. เกิดจากปัจจัยภายนอก คือเกิดจากการอยู่ในที่ที่มีฝุ่นเยอะ เกิดอุบัติเหตุ หรือต้องเจอแสงนานๆ ทำให้เกิดการสะสมและเป็นโรคตาได้ในที่สุด
เจ้าของเองสามารถสังเกตอาการผิดปกติของสุนัขได้ จากอาการเจ็บป่วยของโรคที่แสดงให้เห็นดังนี้ การมีน้ำตาไหลมาก ตาแดง ขยี้ตา โดนแสงจ้าไม่ได้ แต่ถ้าเป็นโรคที่ไม่ได้แสดงอาการ อย่างเช่น มีปัญหาในการมองเห็น เจ้าของที่ใกล้ชิดกับสุนัขและคลุกคลีกับเขาก็ต้องอาศัยการสังเกตเห็นได้จากพฤติกรรมการเล่นและการเดินของสัตว์ เช่น แต่ก่อนเคยรับบอลได้ แต่เดี๋ยวนี้รับไม่ได้ กะระยะไม่ถูกหรือวิ่งชนข้าวของไปทั่ว เป็นต้น การรักษานั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของโรค โรคบางอย่างสามารถรักษาให้หายได้ แต่โรคบางอย่างต้องรักษาต่อเนื่อง เช่น ในสุนัขพันธุ์ชิสุห์ ที่มักเป็นโรคตาแห้ง คือน้ำตาน้อย ก็ต้องรักษาด้วยการหยอดตาต่อเนื่อง อาจจะนานๆครั้ง หรือไม่ก็ตลอดชีวิตของเขา สำหรับการดูแลรักษา อย่างแรกเลยผู้เลี้ยงนั้นควรจะต้องศึกษาเกี่ยวกับสายพันธุ์ที่เลี้ยงว่ามีแนวโน้มที่จะเกิดโรคอะไรได้บ้าง และเมื่อเห็นความผิดปกติของลูกตาให้รีบพามาหาหมอทันที เพราะถ้าทิ้งไว้นาน อาจทำให้ติดเชื้อ แก้วตาละลาย ถึงขั้นตาบอดได้ อีกอย่างถ้าพามาตั้งแต่แรกเริ่มก็จะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ไม่สูงมากนัก
คุณหมอบอกกับเราว่า ในปัจจุบันนี้ผู้เลี้ยงสัตว์มีความใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยงของตนมากขึ้น ทำให้ผู้เลี้ยงตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพสัตว์มากขึ้น ดังนั้นเมื่อเจ้าของสังเกตเห็นความผิดปกติของสัตว์เลี้ยงก็จะพามาหาหมอทันที จึงทำให้สามารถรักษาสัตว์ได้ทันท่วงที ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก หลังจากที่ได้นั่งพูดคุยกันในหน่วยโรคตากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณหมออารีรัตน์ก็พาเราเยี่ยมชมภายในหน่วยโรคตา ซึ่งประประกอบด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยเยอะแยะเต็มไปหมด และสิ่งที่เราสังเกตได้อย่างชัดเจน ก็คือว่าที่นี่เขาสะอาดสะอ้านมาก ทีมงานเพ็ทแมเนียเลยเก็บภาพมาฝากกันค่ะ และถ้าใครสนใจที่จะพาเจ้าตัวน้อยไปใช้บริการเข้ารับการตรวจก็สามารถเข้าไปปรึกษาคุณหมออารีรัตน์ได้ที่โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยลัยมหิดล ศาลายา ทุกวัน อาทิตย์-ศุกร์ เวลาทำการค่ะ ขอขอบคุณ สพ.ญ.อารีรัตน์ คงเจริญ สัตวแพทย์ ประจำหน่วยโรคตา โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในการให้ข้อมูลและเยี่ยมชม
อัลบั้มภาพ 4 ภาพ