“เพราะลูกคือชีวิต” นิยามรักของคุณแม่คนสวย นาตาชา แม่น้องไตตั้น
IDOL SECRET
“เพราะลูกคือชีวิต” นิยามรักของคุณแม่คนสวย คุณลูกจอมซน นาตาชาและธีชา (ไตตั้น) สัจจกุล
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2551 เป็นวันที่สื่อมวลชนพากันแสดงความยินดีกับการเข้าสู่ ประตูวิวาห์ของคู่กิ่งทองใบหยกคู่หนึ่งของเมืองไทย นั่นคือ คุณตุ้ย ธีรภัทร์ สัจจกุล และ คุณแอนนา นาตาชา เปลี่ยนวิถี นางแบบสาว และในปีต่อมาคุณแอนนาก็ได้ให้กำเนิดลูกชายคือ น้องไตตั้น หรือ เด็กชายธีชา สัจจกุล จึงทำให้เธอต้องออกจากวงการบันเทิงมารับบทคุณแม่เต็มตัว
ปัจจุบันน้องไตตั้นอายุห้าขวบกว่า แม้เด็กชายจะทั้งซนและแก่น จนทำให้ต้องปวดหัวอยู่เสมอ แต่นั่นก็คือความสุขที่สุด ของคนเป็นแม่ ซึ่งวันนี้เธอพร้อมแล้วที่จะมาเล่าสู่กันฟัง
ช่วยเล่าถึงประสบการณ์ตอนเป็นคุณแม่มือใหม่ให้เราฟังหน่อยค่ะ
เนื่องจากตุ้ยทำงานไม่เป็นเวลา แอนนาจึงต้องรับหน้าที่นี้ไปเต็มๆ ตอนนั้นไม่มีใครเป็นที่ปรึกษาเลย แม้แต่คุณแม่ของแอนนาท่านก็ไม่ได้บอกอะไร บอกแต่ว่าให้เลี้ยงลูกเองดีที่สุด ท่านบอกแค่นี้จริงๆ ตอนแรกแอนนาก็ไม่ได้คิดว่ายาก แต่ปรากฏว่าไตตั้นเลี้ยงยากมาก ตอนคลอดใหม่ๆ แอนนาอุ้มให้เขากินนม พอเขาหลับแอนนาจะวาง เขาก็ตื่น เลยกลายเป็นว่าแอนนาต้องอุ้มเขาตลอดทั้งวันทั้งคืน เรียกว่าเลี้ยงลูกจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ตาโบ๋เลย(หัวเราะ)
ยอมรับว่าเหนื่อยมาก เพราะเราไม่ไว้ใจให้ใครมาช่วย เลยต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่มีใครช่วยแล้วศึกษาการเลี้ยงลูกจากที่ไหนคะ แอนนาอ่านจากหนังสือและเปิดอินเทอร์เน็ตค่ะ โดยอ่านทุกๆ สเต็ปเรื่อยมาตั้งแต่แรกเกิด ก็เห็นพัฒนาการของลูกเรื่อยมา เราก็เรียนรู้ไปเรื่อยๆ สงสัยตรงไหนก็เปิดตำราเปิดหนังสืออ่านเอา ซึ่งช่วยได้เยอะทีเดียว แอนนาเลี้ยงลูกจนเราตัวติดกันตลอด (หัวเราะ) ตัวติดกันตลอดอย่างนี้
แล้วตอนลูกเข้าโรงเรียนเป็นอย่างไรบ้างคะ
ทุกคนที่เห็นแอนนาอยู่กับลูกจะห่วงเหมือนกันหมดเลยว่า ตอนเข้าโรงเรียนจะเป็นอย่างไร เขาจะร้องหาเราไหม แต่ผิดคาดค่ะ เพราะไตตั้นไม่ร้องไห้เลย ในขณะที่เด็กคนอื่นร้องไห้ แอนนาพาเข้าโรงเรียนตั้งแต่ตอนสามขวบกว่าๆ ไตตั้นชอบคุยชอบเล่นกับเพื่อน ไม่กลัวใคร และเข้ากับคนอื่นได้ง่าย แต่แอนนาก็จะอยู่ใกล้ๆ เขาตลอดนะคะ โดยจะไปแอบดูเขาผ่านมอนิเตอร์ที่โรงเรียน แอนนาจะบอกเขาว่า หม่ามี้อยู่ห้องนี้ตรงนี้นะ เขาก็จะรู้สึกว่าเราอยู่กับเขาตลอดเวลา
ไตตั้นเรียนเก่งไหมคะ
ตอนนี้เขายังเด็กอยู่มากเลยบอกไม่ได้ ว่าเรียนเก่งหรือเปล่า แต่เท่าที่แอนนาสังเกต จากการที่ให้เขาเรียนเปียโน เขาเรียนรู้ไวและจำแม่นมาก เขาเริ่มเรียนเปียโนตอนอีก 1 เดือนจะ 5 ขวบ เขาจำโน้ตได้เร็วมาก จำเก่งมากๆ เราเลยรู้ว่าสมองของเด็กรับได้ไวมาก
ไตตั้น เดินเข้ามาขณะที่คุณแอนนากำลังพูดถึงเขา เสริมว่า “ใช่ ไตตั้นเล่นเก่ง ไม่ต้องมองโน้ตเลย” คุณแอนนารีบบอกว่า “ไตตั้นเก่งแต่ดื้อ ถ้าตั้งใจ ไตตั้นก็ทำได้” แอนนาว่าเขาดื้อค่ะ เล่ห์เหลี่ยมเยอะด้วย เวลาบอกให้ทำอะไรก็ไม่ค่อยยอมทำคงเพราะเป็นเด็กผู้ชายด้วยเลยแผนเยอะแอนนาจึงต้องเหนื่อยมาก
มีวิธีปราบไตตั้นอย่างไรคะ
แอนนาทำทุกอย่างค่ะ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยดุใคร ก็ต้องมาดุเขานี่ละ อย่างการเรียนเปียโน แอนนารู้ว่าเขาเล่นได้ดี แต่เขาไม่ค่อยฝึก กว่าจะซ้อมเปียโนเสร็จแต่ละวันก็ต้องสู้กันจนเหนื่อย หรือเวลาเรียน เขาจะไม่ค่อยฟังครู คอยแต่จะลุกหนี เราก็ต้อง คอยดึงเขาไว้ ทั้งขู่ ทั้งหอมแก้ม ทั้งดุ ใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง เวลาเข้าไปนั่งเรียนด้วย ก็ต้องจำว่าวันนี้คุณครูสอนอะไรบ้าง กลับมาบ้านก็ต้องมานั่งทวนกันทุกวัน ทำให้แต่ละวันที่ผ่านไปรู้สึกเหนื่อยมากเพราะต้องหลอกล่อ บางที กว่าจะอ่านหนังสือได้แต่ละประโยคต้องต่อรองหอมแก้มกันเป็นสิบๆ ครั้ง
เขาเป็นอย่างนี้ตลอด ลีลาเยอะ บางทีก็แกล้งทำเป็นไม่ตั้งใจ ทำให้เราต้องดุ จนบางทีรู้สึกไม่ไหวแล้วต้องบอกเขาว่า “ถ้าไม่ทำ หม่ามี้ไปแล้วนะ” เขาถึงยอม บางทีก็แกล้งทำเป็นเข้าห้องนอนแล้วปิดประตูล็อกห้อง เขาก็จะเคาะเรียกหม่ามี้ๆ เพื่อง้อเรา
เวลาดุลูก สงสารเขาไหมคะ
สงสารค่ะ แต่เหนื่อยมากกว่า เพราะเขาไม่กลัวแอนนาเลย ดุแทบตายเขาก็ไม่กลัว แถมยังแกล้งแอนนาด้วย เช่น เวลาจะต่อรองกับเรา เขาจะลองร้องไห้ ดูว่าเราจะทำอย่างไรคือเขาจะทำทุกอย่างจนถึงที่สุดของเขา ถ้าเห็นว่าเราไม่ยอมจริงๆ เขาถึงจะหยุด เราก็เลยรู้ว่า อ้อ ที่เขาทำทุกอย่างมาตั้งแต่ต้นนั่นคือแอ๊คติ้ง คือการแสดงทั้งนั้นเลย แอนนาก็เสียใจนะเวลาดุเขา แต่การเลี้ยงเขาตอนยังแบเบาะกับตอนนี้ต่างกันมาก พอเขาโต แอนนาก็ต้องหาวิธีปราบเด็กดื้อให้เป็นเด็กดีก็เท่านั้นเองค่ะ
นอกจากให้เล่นดนตรีแล้ว ไตตั้น ทำกิจกรรมอะไรอีกบ้างคะ
เล่นกีฬาค่ะ เพราะแอนนาชอบเล่นกีฬามาก เลยคิดว่าเด็กน่าจะชอบอะไรเหมือนพ่อแม่ ตอนนี้แอนนาสอนเขาตีเทนนิสมาหลายเดือนแล้ว โดยต่อรองว่า ถ้าตีเทนนิสเสร็จแล้วจะให้เล่นไอแพ็ด แต่ให้ดูเฉพาะตอนที่แอนนากำลังตีเทนนิสกับเพื่อนเท่านั้น เขาเลยยอมทำ
ต้องมีข้อแม้แทบทุกเรื่องเลยหรือคะ
ค่ะ ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่ยอม จะดูแต่ทีวี แล้วเดี๋ยวนี้ทีวีมีหลายช่อง ไม่เหมือนสมัยเราเด็กๆ ที่ทีวีมีไม่กี่ช่อง ดูแป๊บเดียวก็เบื่อแล้ว สู้ไปโดดหนังยางกับเพื่อนไม่ได้ สนุกกว่า นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมแอนนาถึงพาเขาไปเรียนเปียโนและตีเทนนิส แต่กว่าจะตีหมดแต่ละตะกร้า แอนนาก็เหนื่อยมากค่ะ เพราะเขาจะลีลา ทั้งๆ ที่ความจริงเขาทำได้ เราจึงต้องสู้กันตลอด
คุณตุ้ยได้มีเวลามาช่วยดูแลลูกบ้างไหมคะ
ตุ้ยทำงานไม่เป็นเวลา ลูกจึงอยู่ติดกับแอนนาตลอด
เป็นห่วงลูกเรื่องอะไรมากที่สุดคะ
สำหรับวัยนี้ แอนนาห่วงเรื่องความปลอดภัยและสุขภาพค่ะ ซึ่งก็ดูแลเขาอย่างใกล้ชิด สิ่งที่ห่วงแต่ห้ามไม่ได้คือ เขาชอบวิ่งซนหกล้มอยู่เรื่อย เราพูดไปเถอะ เขาก็ไม่ฟัง บางทีก็หกล้มให้เห็นกันต่อหน้าต่อตามีแผลมาให้เห็นตลอด ก็ต้องทำใจค่ะ
เวลาที่คุณแอนนารู้สึกเหนื่อย ได้กำลังใจมาจากไหนคะ
พอเห็นเขา เราก็หายเหนื่อยค่ะ ลูกเป็นกำลังใจของแอนนา เพราะเดี๋ยวเขาก็เข้ามากอด มาหอมแก้มทั้งวัน ลูกสำคัญต่อชีวิตของแอนนามาก เขาสำคัญที่สุด เพราะเราเป็นคนให้ชีวิตเขา เขาจึงเป็นทั้งหมดของชีวิตเรา มีคนเคยบอกเหมือนกันว่า ให้คนอื่นเลี้ยงบ้างสิ แต่แอนนาทำไม่ได้ เพราะอยากเลี้ยงลูกเอง และโดยนิสัยแล้วแอนนาเป็นคนขี้เกรงใจคนด้วย อย่างตอนลูกยังเล็กเวลาเขาถ่าย เราก็ล้างก้นให้เขาเอง เพราะคิดว่าคงไม่มีใครอยากทำ สู้เราทำเองดีกว่า
ช่วยเล่าถึงความติดลูกของคุณแอนนาให้ฟังหน่อยค่ะ
เราไม่เคยห่างกันเลย ขนาดเพื่อนนัดเจอ แอนนาก็ไม่อยากไป อยากอยู่กับลูกมากกว่า เพราะคิดว่าลูกต้องการเรา มีครั้งหนึ่งที่แอนนาไปตัดผม ตอนนั้นฝากลูกไว้ให้ที่บ้านดู จำได้ว่าพอตัดผมเสร็จ แอนนารู้สึกว่าตัวเองลนลานมาก พะวงไปหมดว่าขนาดลูกอยู่กับเรายังหกล้ม แอนนาเลยรีบจนเกือบขับรถชนไม้กั้นที่รับบัตรจอดรถ รู้สึกตัวได้เลยว่าเวลาอยู่ห่างลูก เราจะไม่นิ่ง อีกครั้งหนึ่งที่เพื่อนชวนไปกินข้าวตอนนั้นลูกยังไม่ถึงสองขวบ ขนาดเพื่อนชวนไปใกล้ๆ แอนนาก็นั่งไม่ติด ต้องขอเพื่อนกลับบ้านก่อน เพราะใจเราอยู่กับลูกตลอด แอนนาก็รู้นะคะว่าห่วงพะวงเรื่องลูกมากไป แต่ถ้าจะต้องปล่อยให้เขาอยู่กับคนอื่นหรือให้ห่างเขา แอนนาทำไม่ได้จริงๆ
แล้วหากเขาโตไปแล้วต้องมีครอบครัวของตัวเองล่ะคะ คุณแอนนา จะทำอย่างไร
อันนั้นได้ค่ะ ตอนนั้นเราคงไม่เป็นห่วงแล้ว แต่ตอนนี้เขายังเด็กอยู่ ยังดูแลตัวเองไม่ได้ เขายังต้องการเรา ยังร้องหาหม่ามี้อยู่ เราก็ต้องอยู่ข้างๆ แต่เมื่อไหร่ที่เขาโตแล้วอยากไปสนุกนอกบ้าน อย่างนั้นก็คงต้องแล้วแต่เขา เคยร้องไห้เพราะลูกบ้างไหมคะ อู๊ย ร้องเป็นประจำค่ะ (หัวเราะ) เพราะเราต้องดราม่าสู้กัน เขาร้องไห้มา เราก็ต้องร้องไห้กลับไป ส่วนใหญ่แอนนาจะร้องไห้ตอนที่พูดกันไม่รู้เรื่องแล้ว คือเราเหนื่อยมากแล้ว เรื่องร้องไห้เลยง่าย พอเราเล่นบทนี้ เขาก็จะเข้ามาโอ๋ มาออดอ้อน เรื่องอ้อนคนนี้เขามือวางอันดับหนึ่งเลยค่ะ (หัวเราะ)
ไตตั้นดูเป็นเด็กอ่อนโยนนะคะ
ใช่ค่ะ เขาอ่อนโยน แล้วก็ยิ้มเก่งด้วยตั้งแต่ตอนเล็กๆ แอนนาอุ้มไปข้างนอกเขาเห็นใครเขาก็ยิ้มให้ แอนนาเลยคิดว่าลูกก็เหมือนเรา เพราะเราก็ยิ้มง่าย ไตตั้น ยิ้มง่าย จนเพื่อนแซวว่าลูกเราบ๊องหรือเปล่านี่เพราะยิ้มตลอดเวลา
แล้วเลี้ยงยากเรื่องอะไรบ้างคะ
เรื่องกินนี่ยากมาก ตั้งแต่เล็กๆ แอนนาต้องบังคับทุกอย่าง สู้กันมาตลอด เพราะทุกมื้อเราต้องหลอกล่อ ตอนเล็กๆ ยังไม่รู้รสอาหารก็ยังยอมกินบ้าง แต่พอโตขึ้นรู้รสแล้ว จะกินแต่เมนูซ้ำๆ อย่างตอนนี้กินไข่ต้มทุกวัน ก็จะบังคับเขาให้กินข้าวด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูผักบดที่กินมาตั้งแต่ตอนอายุ 6 เดือน แต่ก็ให้กินคุกกี้และเฟรนช์ฟรายส์บ้างค่ะ
ใช้เวลาดูแลลูกมากขนาดนี้ คุณตุ้ยไม่น้อยใจบ้างหรือคะ
คงมีบ้างค่ะ แต่แอนนาไม่สนใจหรอก (หัวเราะ) สำหรับคนนั้นแอนนาก็กำลังฝึกอยู่ ตอนนี้เริ่มโตขึ้นบ้างแล้ว เขาชอบเรียกร้องความสนใจเหมือนกัน (หัวเราะ) ส่วนเรื่องให้กำลังใจ ก็ให้กันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้แอนนามุ่งดูแลไตตั้นอย่างเดียวเพื่อให้เขาเติบโตขึ้นเป็นเด็กดีค่ะ
คุณแอนนามีหลักในการดูแลครอบครัวให้มีความสุขอย่างไร และวางแผนอนาคตลูกอย่างไรคะ
แอนนาทำทุกอย่างด้วยหัวใจค่ะ ส่วนอนาคตของไตตั้น แอนนาไม่ได้วางแผนอะไรมาก อยู่ที่เขามากกว่าว่าเขาจะเก่งหรือถนัดทางไหน แอนนาแค่อยากให้เขาโตขึ้นเป็นคนที่มีความสุขเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
เรื่อง ธันยาภัทร์ รัตนกุล
ภาพ วรวุฒิ วิชาธร
สไตลิสต์ ณัฏฐิตา เกษตระชนม์
ผู้ช่วยสไตลิสต์ Natnaree
แต่งหน้า พงษ์ศักดิ์ คงสุข
ทำผม ภูดล คงจันทร์
ขอขอบคุณ : โรงแรมเดอะแลนด์มาร์ค กรุงเทพ โทร. 0-2254-0404 เสื้อผ้า : H&M