หยุดผิวแพ้ง่าย! แค่รู้ 4 สาเหตุปัญหา 5 วิธีป้องกันและดูแล
ใครบ้างที่มีผิวแพ้ง่าย ใช้อะไรก็ไม่ชนะสักทีที่เขาบอกว่าดีๆ พอลองแล้วแพ้ราบไม่เห็นจะดีจริงแบบที่เขาว่ากันบ้างไหม? ใครที่กำลังเจอปัญหานี้อยู่รู้ตัวไว้เลยว่าคุณเป็นคนผิวแพ้ง่ายที่ต้องดูแลผิวมากเป็นพิเศษกว่าคนอื่นๆ แล้วถ้าอยากจะเป็นคนชนะง่ายแบบคนอื่นบ้างเราควรเสริมภูมิคุมกันให้ผิวอย่างไร นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและการปรับรูปหน้าแห่งเดอะคลีนิกค์ ได้เผยถึงสาเหตุและวิธีดูแลผิวแพ้ง่ายกับทาง Sanook Women หากคุณทำตามอย่างเคร่งครัดเชื่อได้เลยว่าผิวคุณจะกลับมาสดใสแข็งแรงแน่นอน
4 สาเหตุปัญหาผิวแพ้ง่าย
1.เกิดจากชั้นผิวหนัง (Stratum corneum) อ่อนแอ เพราะความต้านทานของผิวลดลงทำให้ผิวแพ้ง่ายต่อสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้
2.เกิดจากการสูญเสียน้ำหรือความชุ่มชื้นของผิวมากกว่าปกติ ทำให้เซลล์ผิวเกิดความเสียหายส่งผลให้กลไกที่จะกั้นไม่ให้สารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้นั้นซึมผ่านผิว โดยง่ายดายจึงทำให้เกิดปัญหาเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ ที่มีสารก่อให้เกิดการแพ้ก็จะมีอาการคันผิวหน้าอย่างรวดเร็ว
3.เกิดจากการสูญเสียไขมันปกป้องผิวที่ทำหน้าที่คล้ายฉนวนเพื่อปกป้องผิว เนื่องจากไขมันดังกล่าวที่ช่วยไม่ให้สารที่ละลายน้ำผ่านไปได้โดยง่ายทำงานผิดปกติ ทำให้ สารก่อให้เกิดอาการแพ้ที่ละลายน้ำได้ดี ซึมผ่านผิวหนังได้ง่ายขึ้น จึงเกิดอาการแพ้ออกมา
4.เกิดกับคนที่มีผิวแห้งเป็นส่วนใหญ่ เพราะชั้นผิวจะมีการปกป้องที่น้อยผิวประเภทอื่นแต่ผิวประเภทอื่นๆ ก็สามารถเกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน
5 วิธีป้องกันและดูแลผิวแพ้ง่าย
1. ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แต่งหน้าหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่มีส่วนประกอบของน้ำหอมและแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงครีมที่มีส่วนผสม ไฮดรอกซี แอซิด , ลาโนลิน, โพรพิลีน ไกลคอล ยารักษาสิว กลุ่มเรตินอยด์ สารปรอทและสเตียรอยด์ นอกจากนี้ยังมีเคล็ดไม่ลับของการฟื้นฟูผิวหน้า ให้กลับมาดีดังเดิมก็คือควรเลือกครีมที่มีโครงสร้างคล้ายคลึง กับชั้นไขมันที่ปกป้องผิวหนังตามธรรมชาติ (Physiological lipid) เพื่อช่วยปกป้องผิวและฟื้นฟูผิวจากการถูกทำร้าย ไม่ว่าจากสารเคมี มลภาวะ หรือการขัดผิว และคืนความชุ่มชื้นให้ผิว อีกทั้งควรเลือกครีมที่มีส่วนผสมของ Ceramide ที่ช่วยเติมเต็มชั้นไขผิวหนังที่พร่องไปอีกด้วย
2. มีการทดสอบก่อนการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือ เครื่องสำอางค์ ทุกชนิด ด้วยโดยการทาผลิตภัณฑ์บริเวณท้องแขนแล้วสังเกตอาการ ว่ามี อาการแดง คัน ยิบๆ หรือไม่ ถ้ามีควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์นั้นหรือหากเกิดอาการแพ้ขึ้นควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อการรักษา ที่ถูกวิธี
3. ควรเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนคืนความชุ่มชื้น ไม่ทำให้หน้าแห้งตึง หลังจากการใช้ และงดล้างหน้าบ่อยเกินวันละสองครั้งโดยไม่จำเป็น เพราะจะทำให้ใบหน้าสูญเสียความชุ่มชื้น และอาจเกิดอาการแพ้ง่าย
4. ผิวแพ้ง่าย ยังสามารถทำการรักษา ด้วยวิธีการทางการแพทย์อีกวิธีหนึ่ง คือ นวัตกรรมแสงบำบัด (Light Therapy) หรือโปรแกรม OmniluxTM ที่ทำงานด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีแสง Light Emitting Diodes หรือซอฟต์เลเซอร์ในการรักษา โดยตัวเครื่องจะ ปล่อยพลังงานแสง อย่างเฉพาะเจาะจง ไปยังเซลล์ในชั้นผิวลึกถึงผิวชั้นใน แสงสำคัญที่เป็นใช้ ในการรักษามีอยู่ 2 ชนิด คือ สีน้ำเงิน และสีแดง ซึ่งโดดเด่น ด้วยเทคโนโลยีแสงเข้มข้นที่มีประสิทธิภาพในการลดการอักเสบแดง ผดผื่นแพ้ อีกทั้งยังสามารถ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P. acnes สาเหตุของสิวอักเสบ รวมไปถึง ควบคุมความมัน และลดรอยแดง-รอยดำจากสิวได้ดีที่สุดอีกด้วย อีกทั้งยังมีความอ่อนโยนกับผิวหนัง จึงเหมาะสมกับคนผิวแพ้ง่าย และระคายเคือง
5. ในปัจจุบัน วิทยาการทางการก้าวล้ำไปมากโดยเฉพาะเลเซอร์ ที่สามารถช่วยดูแลปัญหาผิว แพ้ง่ายและปรับสมดุล อีกทั้งยังช่วยลดเรื่องอาการแดงจ้ำ ผดผื่นแพ้ รวมไปถึงปัญหาผิวหน้าไม่สดใสอีกด้วย อย่าง Copper Bromide Laser ที่ได้รับรองมาตรฐาน จากองค์การอาหารและยาจาก ประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) ออสเตรเลียและไทยว่ามีความจำเพาะเจาะจงสูง และมีประสิทธิภาพที่
มากกว่า IPL ถึง 10 เท่า เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยมี Copper-Bromide เป็นแหล่งกำเนิดพลังงานเลเซอร์หลัก 2 ชนิด เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด สามารถรักษาได้กับทุกสีผิวอย่างปลอดภัย ไม่มีผลต่อผิวหนังปกติ ไม่เจ็บหรือแสบผิว และไม่ต้องพักฟื้นผิว นอกจากช่วยรักษาได้ทั้ง รอยแดงและรอยดำ อีกทั้งยังช่วยเรื่องการ Rejuvenate ผิวช่วยให้ใบหน้า ขาวใสพร้อมไปกับการลดอาการผื่นแพ้บนใบหน้า
ทั้งหมดนี้คือเคล็ดลับที่จะช่วยให้ผิวของเรา ห่างไกลปัญหาผิวอักเสบ แพ้ หรือผดผื่นแดงอย่างได้ผล ทั้งนี้ แนะนำให้ทำควบคู่กันไป ไม่เพียงแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง และควรปฏิบัติอย่างเป็นประจำต่อเนื่อง เพียงเท่านี้ผิวที่บอบบางของคุณก็จะมีสุขภาพดี และปลอดภัยจากอาการแพ้ของผิวหนัง
ภาพประกอบจาก istockphoto