เจาะชีวิต "กรีน อัษฎาพร" นางเอกติดดิน
"กรีน อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล" ได้เวที ทรู อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย ซีซั่น 5 เป็นใบเบิกทางก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง ก่อนเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดของ ช่อง 7 สี วันนี้กรีนคือนางเอกเต็มตัวฝีมือคุณภาพที่น่าจับตามอง ...กรีนเปิดใจคุยเบื้องลึกของชีวิต...ที่นี่
My Family
ตอนนี้ป๊าของกรีนทำศูนย์การเรียนรู้ทางทะเลหรืออะควอเรียมอยู่ที่สงขลา ส่วนคุณแม่และน้องๆ อีกสองคนอยู่กรุงเทพฯ กรีนทำงานและเรียนปริญญาโท ส่วนเก้ย(น้องคนรอง) เรียนมหาวิทยาลัย น้องคนเล็กเรียนมัธยมใกล้ จบแล้ว ป๊าต้องดูแลอะควอเรียมอย่างใกล้ชิดเพราะบริหารงานเองทุกอย่างคนเดียวเลย จึงไม่ค่อยได้กลับบ้านกรุงเทพฯ เราใช้วิธีโทรศัพท์หากันคุยกัน
จุดแข็งของครอบครัวกรีนคือเป็นครอบครัวที่อบอุ่น กรีนไม่ได้หวังอะไรเลย แค่อยาก ช่วยเหลือครอบครัว เวลากรีนทำงานได้เงินมาก็ให้แม่โดยไม่คิดขอคืน ทุกวันนี้ถามว่ากรีนทำได้อย่างที่ตั้งใจแล้วหรือยัง ถ้าเต็ม 10 เพิ่งทำได้แค่ 3-4 เองค่ะ ยังไม่ถึงครึ่ง ยังไม่ค่อยดีมาก กรีนต้องขวนขวาย ต้องพยายามมากกว่านี้
สิ่งที่แม่สอนเสมอคือต้องไม่ลืมตัวเอง ไม่ลืมว่าเราเคยเป็นใคร และให้เป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด อย่าหลงไปกับพวกแสงสี ซึ่งเราก็เห็นตัวอย่างมาเยอะ กรีนเป็นคนที่เห็นตัวอย่างอะไรไม่ดีแล้วจะไม่ทำแน่นอน เหมือนเราเองก็มีเกราะป้องกันตัว
ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวครอบครัวเราที่ดูเหมือนกับว่าไม่ค่อยรักกัน พูดตรงๆ ว่ากรีนเสียใจค่ะที่คนมองแบบนั้น แต่เราคงทำอะไรไม่ได้ ไม่สามารถไปบอกทุกคนได้ว่าจริงๆ แล้วครอบครัวเราเป็นยังไง...ก็ไม่เป็นไรค่ะ
Turning Point
จริงๆ ที่กรีนเข้ามาเป็นนักแสดงมันเป็นความบังเอิญ คือพอเราเข้าเอเอฟได้ มันเป็นใบเบิกทางให้เราก็ เข้ามาทำงานในช่อง 7 และได้ทำงานละคร แรกๆ ถามว่ารู้สึกอะไรมั้ย ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะมาไกลขนาดนี้ แค่มองว่าเรามาทำงาน ไม่ได้วางแผนชีวิตอะไรไกล
พอผ่านมา 2-3 ปีเราเห็นผลจากการทำงานในหลายอย่าง ทั้งชื่อเสียงและผลตอบแทนที่ดี แม่ก็ภูมิใจ เราก็คิดว่า ถ้าเราทำได้ในอีกระดับหนึ่งล่ะ ก็น่าจะมีคนชื่นชมผลงาน เรามากขึ้น กรีนจึงคิดว่าเราน่าจะพัฒนาไปได้อีกเรื่อยๆ และมันคาบเกี่ยวกับตอนกรีนเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งเราเรียนอินทีเรียดีไซน์ เพราะคิดว่าจบแล้วก็ทำงานกับป๊าซึ่งรับเหมาก่อสร้าง แต่พอป๊าไม่ได้ทำรับเหมา แต่หันไปทำอะควอเรียมแทน ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด กรีนจึงคิดว่างั้นเราเอาดีทางด้านการแสดงเลย
กรีนเรียนรู้จากประสบการณ์การทำงาน จากนักแสดงรุ่นพี่ นั่นทำให้กรีนมาทางนี้แบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป มันเป็นจุดเปลี่ยนหลายๆ อย่างที่อยู่รอบตัวเรา ดังนั้นการที่เราทำงานตรงนี้มันดี เป็นโอกาสที่ดีที่เราควรรักษาไว้และทำให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ มุ่งไปทางนี้เลย โดยไม่จับปลาสองมือ
When I am an actress
สิ่งที่กรีนต้องเรียนรู้และพัฒนามีอีกเยอะเลยค่ะ เช่น การแสดงบางอารมณ์เราคิดว่าเข้าใจ แต่พอเล่น กลับเล่นไม่ถึง ไปดูมอนิเตอร์แล้วไม่โอเค บางทีมันต้อง มีลด มีเพิ่ม อีกอย่างกรีนยังไม่สามารถสลัดความเป็น ตัวเราออกไปได้ทั้งหมด ตัวละครที่เราเล่น กรีนยังเอาความ เป็นตัวเราใส่ลงไปด้วย การที่เราจะดีไซน์ตัวละครตัวหนึ่ง ใหม่ทั้งท่าทาง น้ำเสียงพูด เสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ มันยากมาก กรีนยังมีความบกพร่องในเรื่องเหล่านี้อยู่ และมันยังเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถค่ะ
A DAY in my life
วันที่มีถ่ายละคร ถ้าโลเคชั่นในกรุงเทพฯ ก็ตื่นตีห้าถึงกองถ่าย ประมาณหกโมงเช้า แต่ถ้ารถติดมากก็ถึงเจ็ดโมง แต่งหน้าทำผมเสร็จก็กินข้าว แล้วเริ่มถ่ายละคร
พอบ่ายๆ ถ่ายเสร็จกรีนจะออกไปทำธุระส่วนตัว เช่น ไปคลินิกเพื่อดูแลตัวเอง ไปขัดผิวบ้าง ไปสระผม ทำเล็บ ไปซื้อของเข้าบ้าน แล้วไปรับน้องก่อนกลับบ้านประมาณสี่ทุ่ม
ถ้าวันรุ่งขึ้นไม่มีงาน กรีนจะนั่งดูทีวี ชอบดูช่อง HBO เพราะกรีนกับน้องชอบดูหนังมาก เปิดดูแล้วติดลมนั่งดูกันยาว กว่าหนังจะจบ กว่าจะได้อาบน้ำก็ตีสอง ข้อเสียของการดูหนังคือพอเราดูแล้วมันต้องดูให้จบค่ะ
แต่ถ้าวันรุ่งขึ้นมีงาน ถึงบ้านกรีนจะจัดของที่ต้องใช้ในวันรุ่งขึ้น รีบอาบน้ำ อ่านบทแล้วก็รีบเข้านอนค่ะ
ถ้าเป็นวันหยุดกรีนก็จะนอนเต็มที่ แบบว่านอนกินบ้านกินเมืองมาก (หัวเราะ) สมมติว่าเลิกกองแล้วถึงบ้านเที่ยงคืน อาบน้ำเสร็จกว่าจะนอนก็ตีหนึ่ง กว่าจะตื่นก็บ่ายโมงเลยค่ะ กรีนคิดไปเองว่านอนเยอะๆ เพื่อชดเชยวันที่เราแทบไม่ได้นอน จริงๆ แล้วมันเป็นการเข้าใจผิด เราควรจะนอน 6-8 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้วค่ะ
Why do I succeed?
ที่กรีนประสบความสำเร็จระดับหนึ่งในวันนี้ ส่วนหนึ่งคงเป็นความสามารถล่ะค่ะ คือกรีนไม่ได้มองว่าตัวเองเก่งนะคะ แต่ได้โอกาสที่ผู้ใหญ่หยิบยื่นให้ ทำให้ได้รับบทบาทหลากหลาย ทำให้เราได้แสดงฝีมือออกมาซึ่งได้รับทั้งคำชมและคำติ แต่เราพยายามทุ่มเทและตั้งใจทำให้มันออกมาดีที่สุด ผู้ใหญ่คงเห็นความตั้งใจของกรีน จริงๆ และมันเป็นจังหวะที่ดีในชีวิตที่เรามีโอกาสเล่นบทนางเอกประกบคู่กับพระเอกเก่งๆ แล้วยังมีโอกาสเจอผู้จัดละครหลายค่ายที่เขามองว่าเราเป็นเด็กน่ารักจึงป้อนงานให้ต่อเนื่อง
อีกอย่างกรีนเป็นคนติดดิน เป็นคนธรรมดาที่เข้ากับทีมงานได้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นช่างไฟ ช่างภาพ เราไม่ได้รู้สึกว่าอยู่กันคนละระดับชั้น กรีนเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ถือตัว และมีมารยาทกับคนที่อยู่รอบตัวเรา อันนี้กรีนว่าเป็นสิ่งสำคัญค่ะ
ส่วนเรื่องโชคชะตา กรีนว่าก็เป็นส่วนหนึ่งนะ กรีนเชื่อแต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ คือบางอย่างมันเป็นเรื่องของดวงแบบไม่น่าเชื่อ แต่มันเป็นไปได้ อย่างบางคนเหมือนจะได้งานดี น่าจะมีชื่อเสียง แต่กลับโดนตัดหน้า หรือจังหวะ ชีวิตที่มันไม่ขึ้นสักทีก็อาจจะเป็นที่ดวงคนนั้น แต่อย่างหนึ่ง ที่กรีนระลึกอยู่เสมอคือ ปัจจุบันที่เราทำมันจะส่งผลถึงอนาคตค่ะ