ไขความลับ ฉบับ “จิ๊มิ” (ที่หลายคนไม่กล้าถาม)
ชวนสาวๆ มา ไขความลับ กับเรื่องในร่มผ้า
…ที่หลายคนไม่กล้าถาม…
หลายคนมีความกังวลในที่ลับ อย่าง “จิ๊มิ” หรือน้องสาวของเรานี่ล่ะค่ะ เพราะอาจมีสี กลิ่น หรือรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไป แต่จะให้ถามใครคงไม่กล้า คุณหมอชัญวลีคนเก่งทราบถึงความกังวลใจนี้ จึงหาวิธี เช็คความผิดปกติ ของน้องสาวด้วยตัวเองมาฝากกัน
Q ขอถามคุณหมอชัญวลีค่ะ ได้อ่านข้อความเจอว่า การมีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ จะทำให้ “จิ๊มิดำ” ไม่ทราบเป็นความจริงรึเปล่า นอกจากนี้ เราสามารถเช็คความผิดปกติของน้องสาว และต้องดูแลอย่างไรให้ถูกวิธีคะ ขอบคุณค่ะ
A ความเชื่อที่ว่า การมีเพศสัมพันธ์บ่อย ๆ ทำให้น้องสาวดำนั้น เป็น MYTH หรือความเชื่อที่ไม่เป็นจริงค่ะ ทำให้บางคนที่น้องสาวมีสีค่อนข้างคล้ำแต่กำเนิด หรือมาคล้ำทีหลัง เดือดร้อนมาก เพราะกลัวแฟนว่า เป็นคนมักมาก สำส่อน ไม่บริสุทธิ์มาก่อน ซึ่งไม่เป็นจริงแม้แต่น้อย
อันที่จริงสีของน้องสาวนั้นขึ้นอยู่กับเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นไปตามพันธุกรรม ที่พ่อแม่ให้มา มักจะสอดคล้องกับสีของริมฝีปาก และผิว โดยคนผิวเหลืองหรือผิวขาว น้องสาวมักจะมีสีออกชมพู ส่วนคนผิวสี น้องสาวก็มักจะมีสีคล้ำตามไปด้วย
การมีเพศสัมพันธ์ทำให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงบริเวณน้องสาวดีขึ้น คนที่มีเพศสัมพันธ์บ่อยแบบธรรมดาไม่ใช่การติดโรค น้องสาวจึงมีสีสดใส มีเลือดฝาด หรือสีแดงระเรื่อ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “จิ๋มแดง” มากกว่า “จิ๋มดำ”
ความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์ปกติเฉลี่ยอยู่ที่สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งส่วนคำว่า “การมีเพศสัมพันธ์บ่อย” นั้น ไม่มีค่าจำกัดความ แต่ไม่ว่าจะบ่อยแค่ไหนหากทำกิจกรรมแล้วแข็งแรงสบายดี ไม่รบกวนชีวิตประจำวัน การทำงาน ความสัมพันธ์กับครอบครัวและผองเพื่อน ไม่เจ็บไม่ปวด ไม่เกิดอันตราย ก็ถือว่ามีเพศสัมพันธ์บ่อยแบบไม่ผิดปกติ
แน่นอนค่ะ หากมีเพศสัมพันธ์บ่อยและติดโรค เช่น เชื้อรา และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่นหนองในแท้ หนองในเทียม หูดหงอนไก่ แผลริมอ่อน เริม เอชไอวี ซิฟิลิส เอชไอวี ฯลฯ อย่างนี้จิ๋มดำแน่ค่ะ
วิธีตรวจเช็กความผิดปกติของน้องสาว ขอแนะนำวิธีง่าย ๆ 2 ประการคือ ดูและดม ค่ะ
1. ดู เราควรดูอะไร
- ดูอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกทั่วไป อันที่จริงร่างกายสองข้างของคนเราไม่เท่ากัน ดังนั้น การที่มีแคมใหญ่สองข้างและแคมเล็กสองข้างไม่เท่ากัน จึงถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากมีผื่น มีแผล มีก้อน มีตุ่ม มีไต มีติ่ง แคมเล็กแคมใหญ่เปลี่ยนสีเป็นสีขาว ถือว่าผิดปกติและต้องพบแพทย์ค่ะ
- ดูตกขาว ตกขาวควรเป็นมูกใส มีจำนวนมากในสามช่วง คือก่อนประจำเดือนมา หลังประจำเดือนมา และช่วงไข่ตก โดยช่วงไข่ตกจะมีตกขาวเยอะที่สุดเป็นมูกใสเหนียวยืดได้ประมาณ 10 เซนติเมตร เกิดจากอิทธิพลของฮอร์โมนเพศหญิงอย่างไรก็ตาม ตกขาวทั้งสามช่วงควรมาไม่นาน คือไม่เกินสามวัน หากตกขาวมาทั้งเดือน มีปริมาณมาก มีกลิ่น หรือมีสีเช่นสีเขียว สีเหลือง สีช้ำเลือดช้ำหนอง อย่ามัวแต่ใส่แผ่นอนามัยซับไว้ ควรพบแพทย์โดยด่วนค่ะ
- ดูประจำเดือน ประจำเดือนที่ปกติ ควรมาไม่เกิน 7 วัน เฉลี่ยมานาน 3 วัน ไม่ควรมากะปริบกะปรอย หากมีก้อนเลือดขนาดใหญ่เกินเส้นผ่าศูนย์กลางสองเซนติเมตรหลุดออกมาด้วย ปวดท้องรุนแรง มีไข้หรือมีกลิ่นเหม็น ถือว่าไม่ปกติ ควรพบแพทย์
- ดูปัสสาวะ เนื่องจากการอักเสบติดเชื้อของน้องสาว มักจะมีการอักเสบติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะร่วมด้วย ดังนั้นหากปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อยเกิน 1 ครั้งในสองชั่วโมงในตอนกลางวัน ปัสสาวะเกินสองครั้งขึ้นไปในตอนกลางคืน ปัสสาวะมีกลิ่น ขุ่น เป็นฟอง เป็นหนอง ปัสสาวะปนเลือดเจ็บปวดรูปัสสาวะ ควรรีบไปพบแพทย์ค่ะ
2.ดม เหมือนพูดเล่น แต่จริงค่ะ เราควรดมน้องสาวทุกวันค่ะ น้องสาวไม่ควรมีกลิ่นเหม็น ไม่ว่าจะเป็นช่วงปกติธรรมดา ช่วงก่อนหรือหลังประจำเดือนมา ช่วงหลังคลอด ฯลฯ หากน้องสาวมีกลิ่น มักเป็นการติดเชื้อโรค ซึ่งกลิ่นจะบอกได้คร่าว ๆ ถึงความรุนแรงในการติดเชื้อดังนี้
- กลิ่นเหม็นเปรี้ยว มักเป็นการติดเชื้อรา ไม่อันตรายนัก
- กลิ่นเหม็นหืน เหม็นอับเหม็นบูดเหมือนกลิ่นเท้า มักเกี่ยวข้องกับความสะอาด สุขอนามัย
- กลิ่นเหม็นเค็มเหมือนน้ำปลา เหมือนปลาเค็ม มักเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อโรคตัวร้าย หรือพยาธิช่องคลอด
- กลิ่นเหม็นเหมือนอุจจาระ มักติดเชื้อที่ปนเปื้อนมาจากอุจจาระ เช่นเชื้อบิด
- กลิ่นเหม็นเน่า หรือกลิ่นเหม็นเหมือนซากศพ เป็นกลิ่นที่บอกถึงความรุนแรง เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ต้องการออกซิเจน ส่วนหนึ่งเป็นกลิ่นของมะเร็งซึ่งมีการติดเชื้อ
ขอแถมท้ายวิธีดูแลน้องสาวให้มีสุขภาพดี ดังนี้ค่ะ
1. ดูแลสุขภาพกายใจดูแลน้ำหนักไม่ให้อ้วนไม่ให้ผอมเกินไปกินอาหารครบหมู่ ผักผลไม้ อาหารอุดมวิตามินอี ซี แอนตี้ออกซิแดนท์พักผ่อนให้เพียงพอ มีวิธีรับมือกับความเครียด อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ไม่มีมลพิษออกกำลังกายสม่ำเสมอ 4 ครั้งต่อหนึ่งสัปดาห์ ออกกำลังกายเฉพาะที่(ขมิบ)จะทำให้เลือดไหลเวียนทั่วร่างกายได้ดี กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแข็งแรง บริเวณจุดสงวนจะเปล่งปลั่ง ดูแข็งแรง ลดการเกิดปัสสาวะเล็ด และช่วยให้เซ็กซ์ดีขึ้น
2. ดูแลไลฟ์สไตล์ไม่สวมกางเกงหรือกระโปรงคับๆ เป็นประจำ ไม่ใช้ผ้าอนามัยแบบสอดเป็นประจำ ไม่สวนล้างช่องคลอดเป็นประจำ ไม่กินอาหารหวาน อาหารดิบของหมักดองเป็นประจำ ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า ไม่ซื้อยาฆ่าเชื้อ(ปฏิชีวนะ)มากินเอง เพราะเสี่ยงติดเชื้อราที่ช่องคลอดและขาหนีบหรือช่องคลอดอักเสบจากแบคทีเรียเพิ่มจำนวน จึงทำให้ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น
3. ดูแลฮอร์โมน การขาดฮอร์โมนเพศหญิง ในผู้หญิงที่ตัดรังไข่ทั้งสองข้างก่อนวัยหมดประจำเดือน หรือในผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน ทำให้ช่องคลอดอักเสบ เจ็บแสบ ตกขาว ติดเชื้อง่าย หากมีปัญหาควรพบแพทย์
4. ดูแลเซ็กส์ควรมีเซ็กส์ที่ปลอดภัย หากไม่แน่ใจควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งไม่ควรมีเพศสัมพันธ์สำส่อน ควรคุมกำเนิดหากยังไม่พร้อม เลือกวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสม และระวังความสะอาดหากใช้เซ็กส์ทอย
5. ดูแลสุขอนามัยช่องคลอดของผู้หญิง อยู่ในสภาวะเป็นกรดจากกรดแลคติกสร้างขึ้นโดยแบคทีเรียตัวดีแลคโตแบซิลไล ซึ่งช่วยควบคุมพลเมืองแบคทีเรียตัวร้าย การทำความสะอาดน้อยเกินไป หมักหมม เปียกชื้น ทำให้ช่องคลอดเป็นด่างและเพิ่มแบคทีเรียตัวร้าย การทำความสะอาดหรือสวนล้างมากเกินไป ทำให้ระคายเคือง เกิดผื่นแพ้ ช่องคลอดแห้งแสบ ฆ่าแบคทีเรียตัวดี เพิ่มแบคทีเรียตัวร้าย ทั้งสองกรณีทำให้เกิดเกิดตกขาวกลิ่นเหม็น ทำให้ ช่องคลอด ปากมดลูก และมดลูกอักเสบ
สรุป
อวัยวะสำคัญแบบนี้ ยิ่งต้องใส่ใจตรวจสอบความผิดปกติด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอค่ะ
14 คือ สัดส่วนจำนวนผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกในปี พ.ศ. 2555 ที่คิดจากจำนวนผู้ป่วยมะเร็งเพศหญิงรายใหม่ทั้งหมดที่เข้ารับการรักษา ณ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ คิดเป็นจำนวน 340 คน
ข้อมูลเรื่อง “เช็คความผิดปกติ “น้องสาว” ด้วยตัวเอง” จากนิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 417
photo : istockphoto.com