ชีวิตคือความไม่แน่นอน โอ๋ เพชรลดา เทียมเพ็ชร
สมัยเรียนมัธยม โอ๋ เพชรลดา เทียมเพ็ชร เป็น "เด็กกิจกรรม" ตัวยงของโรงเรียนไม่ว่าดรัมเมเยอร์ ถือป้าย แสดงความสามารถพิเศษ ฯลฯ โอ๋ทำหมด ยิ่งถ้างานไหนได้ใส่ชุดไทยด้วยแล้ว โอ๋ยิ่งสู้ตายค่ะ ชอบใส่ชุดไทยมาก เพราะรู้สึกว่าชุดไทยสวย สง่าเลอค่าอย่างบอกไม่ถูก
พอขึ้นชั้น ม. 6 โอ๋ก็เริ่มไปสมัครประกวดนางสงกรานต์และนางนพมาศในจังหวัดสงขลาด้วย แรกๆ ก็คิดว่าประกวดสนุกๆ ได้ใส่ชุดไทยสวยๆ ก็พอใจแล้ว ไม่ได้รางวัลก็ไม่เป็นไร แต่พอขึ้นเวทีที่สองแล้วสามารถคว้าตำแหน่งนางสงกรานต์หาดใหญ่มาได้เท่านั้น โอ๋ก็เริ่มรู้สึกว่า “เราสามารถหารายได้จากการประกวดได้เหมือนกัน”
คราวนี้การประกวดสำหรับโอ๋จึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อีกต่อไป โอ๋เริ่มมีเป้าหมายสูงขึ้นๆ และเริ่มคิดไปประกวดที่จังหวัดอื่นดูบ้าง เวทีแรกที่เลือกไปคือจังหวัดระนองค่ะ จำได้ว่าเกือบไม่ได้ไปแล้ว เพราะตอนนั้นโอ๋ไม่สบาย แต่ด้วยความที่อยากไปมาก เลยพยายามรักษาตัวเองจนหายดี คุณแม่ถึงยอมให้โอ๋ไปแบบฉิวเฉียด ที่ระนองผู้เข้าประกวดต้องเข้าร่วมกิจกรรมให้ครบ ทั้งเดินสายพบผู้ใหญ่ ไหว้พระ ท่องเที่ยว ฯลฯ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการเล่นน้ำตก ทันทีที่เห็นน้ำใสๆ โอ๋ไม่รอช้า รีบกระโดดลงไปเล่นกับเพื่อนๆ ทั้งๆ ที่เพิ่งหายไข้ได้ไม่นาน
แม้จะเคราะห์ดีที่ไข้ไม่กลับ แต่ 2 - 3 วัน ต่อมาโอ๋กลับปวดท้องอย่างรุนแรง จนทีมงานต้องรีบพาส่งโรงพยาบาล หมดโอกาสเข้าประกวดทันที พอตรวจเสร็จคุณหมอก็แจ้งว่า “ไส้ติ่งอักเสบ” ต้องแอดมิทเพื่อเตรียมเข้าห้องผ่าตัดในวันรุ่งขึ้น ถึงอย่างนั้นโอ๋ก็ตัดสินใจบอกคุณหมอว่าขอกลับไปผ่าตัดที่สงขลาเพราะครอบครัวอยู่ที่นั่น คุณหมอก็อนุญาต แต่เรื่องกลับไม่จบง่ายๆ เพราะวันรุ่งขึ้นโอ๋เริ่มมีจุดแดงๆ ขึ้นตามตัวเต็มไปหมด และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะทุกรูขุมขนทีเดียว โอ๋ตกใจมาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง พอถามพยาบาลก็บอกว่าน่าจะเกิดจากการแพ้น้ำเกลือ ไม่มีอะไรมาก เดี๋ยวก็หายด้วยความที่ยังเด็กโอ๋จึงไม่ติดใจอะไรกับคำตอบนั้น พอเปลี่ยนชุดเสร็จก็ออกเดินทางกลับสงขลาทันที
ระหว่างทางรถตู้แวะที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่ลงจากรถได้แค่ไม่กี่ก้าว โอ๋อาเจียนออกมาเป็นเลือดสดๆ เป็นลิ่มๆ ! ขณะเดียวกันเลือดกำเดาก็ไหลพลั่กๆ ออกมาด้วย ผู้โดยสารคนอื่นๆ ช่วยกันกุลีกุจอหาน้ำแข็งมาประคบจมูกกับหน้าผากโอ๋กันจ้าละหวั่น แต่ไม่ว่าจะทำยังไง เลือดกำเดาก็ไม่หยุดไหล แถมโอ๋ยังมีอาการคลื่นไส้อาเจียนเป็นพักๆ อีกด้วย ทุกคนจึงรีบพาโอ๋ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
หลังตรวจอย่างละเอียดถึงได้รู้ว่าโอ๋เป็นไข้เลือดออก อาการหนักจนอาเจียนออกมาเป็นลิ่มเลือด ต้องรีบให้เลือดและเกล็ดเลือดด่วนที่สุด โชคไม่ดีที่เครื่องไม้เครื่องมือของที่นี่มีไม่เพียงพอ โอ๋จึงถูกส่งตัวไปอีกโรงพยาบาลแทน โอ๋มารู้สึกตัวอีกทีก็มีสายระโยงระยางเต็มแขนไปหมด รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด
แต่คืนหนึ่ง อยู่ๆ โอ๋ก็รู้สึกว่าหายใจไม่ออก เหมือนใกล้จะตายอยู่รอมร่อ จนแม่ต้องตามคุณหมอมาดู ผลปรากฏว่าโอ๋เกิดภาวะแทรกซ้อนน้ำท่วมปอด คุณหมอต้องเร่งฉีดยาให้น้ำระบายออกมาจากปอด…จนเวลาผ่านไป เมื่อเห็นว่ายายังไม่ออกฤทธิ์และโอ๋ก็ยังดิ้นพราดๆ อยู่บนเตียงด้วยความทรมานคุณหมอจึงตัดสินใจว่าจะต้องสอดเครื่องมือเข้าไปในคอเพื่อช่วยนำน้ำที่อยู่ในปอดออกมาให้ได้ โอ๋พยายามดิ้นหนีด้วยความกลัวสุดขีด แต่เมื่อร่างกายปรับตัวได้ โอ๋ก็รู้สึกว่าหายใจโล่งขึ้น พร้อมกับฉี่ออกมาเต็มไปหมด นั่นหมายความว่ายาออกฤทธิ์แล้ว จากนั้นโอ๋ยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลต่ออีกพักใหญ่ เมื่ออาการทุกอย่างเป็นปกติ คุณหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ เชื่อไหมว่าการป่วยครั้งนั้นทำให้โอ๋น้ำหนักลดลงไปถึง 5 กิโลกรัม
นอกจากจะเป็นประสบการณ์เฉียดตายสุดๆ แล้ว ยังทำให้โอ๋รู้ว่าคุณพ่อคุณแม่รักโอ๋มากแค่ไหน เพราะตั้งแต่เกิดมา โอ๋ไม่เคยทำให้ท่านร้องไห้เลยสักครั้ง แต่แล้วท่านก็ต้องมาเสียน้ำตาเมื่อเห็นสภาพของโอ๋ยามป่วยหนัก และต้องคอยดูแลโอ๋สารพัด จากนั้นโอ๋ก็เลยตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตที่เหมือนตายแล้วเกิดใหม่นี้เพื่อดูแลท่านทั้งสองคนให้มากขึ้น และความคิดนี้ยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก เมื่อโอ๋เสียหลานสาวไปอย่างกะทันหันเมื่อ 2 ปีก่อน
โอ๋สนิทกับหลานคนนี้มาก นอกจากส่งเสียค่าเล่าเรียนให้แล้ว เวลากลับสงขลาทีไร โอ๋ก็จะรับหลานมานอนค้างด้วยกันเสมอๆ ครั้งนั้นก็เช่นกัน เพียงแต่หลานป่วยนอนอยู่โรงพยาบาลที่สงขลา โอ๋เลยคิดว่าจะไปนอนเฝ้าเขาที่โรงพยาบาลแทน โอ๋จำได้ไม่ลืมว่าคืนก่อนที่จะบินไปสงขลา โอ๋ยังโทรศัพท์คุยกันอยู่เลยแม้น้ำเสียงของหลานจะดูเหนื่อยอ่อนกว่าปกติ แต่ก็ทำให้โอ๋สบายใจว่าอาการคงจะไม่หนักหนาอะไร
แต่พอรุ่งเช้าโอ๋ก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่สาวว่าหลานเสียอย่างกะทันหันด้วยภาวะน้ำท่วมปอด! วินาทีนั้นโอ๋แทบช็อก ไม่คิดว่าคนเราจะจากกันไปง่ายๆ ขนาดนี้ เพราะไม่กี่ชั่วโมงมานี้เรายังคุยกันอยู่แท้ๆ การจากไปของหลานก็ดี การเฉียดตายของโอ๋เองก็ดี ทำให้รู้ว่าชีวิตไม่แน่นอน เราจึงต้องใช้ทุกนาทีที่ยังมีลมหายใจอยู่ให้ดีที่สุด เพราะเราไม่มีโอกาสเรียกเวลากลับคืนมาได้
นอกจากนั้นสิ่งที่ไม่แน่นอนอีกอย่างก็คือ “ชื่อเสียง” เพราะหลังจากได้ตำแหน่งรองอันดับหนึ่งจากการประกวดดัชชี่บอยแอนด์เกิร์ล โอ๋ก็มีโอกาสได้เล่นละครก่อนเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน กระแสตอบรับของละครเรื่องนั้นค่อนข้างดี ส่งผลให้โอ๋เป็นดาวรุ่งดวงใหม่ และมีละครอีกเรื่องจ่อคิวรอทันที
แต่จู่ๆ ก็มีข่าวว่า “โอ๋ เพชรลดา มีเสี่ยเลี้ยง” ทำให้ดาวรุ่งอย่างโอ๋กลายเป็นดาวร่วงชั่วข้ามคืน ผู้จัดละครก็พากัน “แบน” โอ๋ ไม่ให้งานละครอีกเลย โชคดีว่า บรรดาผู้ใหญ่ของดัชชี่ยังเชื่อใจและให้โอกาสโอ๋ออกไปโชว์ตัว ทำกิจกรรมบ่อยๆ จึงยังพอมีรายได้อยู่บ้าง ส่วนทางบ้านก็คอยให้กำลังใจไม่ห่าง ทว่าทุกอย่างต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ โอ๋มีหน้าที่แค่อดทนรอความจริงเปิดเผยเท่านั้น
เวลาผ่านไปกระทั่งโอ๋เตรียมเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรปีนั้นทางมหาวิทยาลัยเลือกโอ๋เป็นตัวแทนบัณฑิตนำกล่าวคำปฏิญาณตนต่อหน้าพระพักตร์ นั่นเป็นเครื่องยืนยันที่ดีที่สุดว่าข่าวที่เกิดขึ้นกับโอ๋ไม่เป็นความจริง ส่งผลให้เรื่องร้ายๆ พลอยคลี่คลายไปด้วยบรรดาผู้จัดละครก็เลยให้โอกาสโอ๋ได้กลับมาเล่นละครอีกครั้ง…
เห็นไหมว่า ชีวิตคนเราไม่แน่นอนจริงๆ เดี๋ยวก็ขึ้น เดี๋ยวก็ลง ดังนั้นถ้าวันนี้ยังมีลมหายใจ ขอให้ใช้ทุกนาทีให้คุ้มค่าที่สุดทั้งเพื่อตัวเราเองและเพื่อคนที่เรารัก
Turning point
เรื่อง วรลักษณ์ ผ่องสุขสวัสดิ์
ภาพ สรยุทธ พุ่มภักดี ส
ไตลิสต์ สุธีร์ รติวัฒน์บุญญา
ขอบคุณ E’ros Tea Salon ซอยลาดพร้าว 94 (ศรีวรา) เอื้อเฟื้อสถานที่ในการถ่ายภาพ
Secret BOX
เวลาคิด ไม่ควรคาดหวังอะไรมากเกินไป แต่ถ้าลงมือทำแล้ว ต้องทำให้ดีที่สุด โอ๋ - เพชรลดา เทียมเพ็ชร