รู้จัก 10 สุดยอดผู้หญิงเก่งผู้ทรงอิทธิพลของโลก

รู้จัก 10 สุดยอดผู้หญิงเก่งผู้ทรงอิทธิพลของโลก

รู้จัก 10 สุดยอดผู้หญิงเก่งผู้ทรงอิทธิพลของโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยเป็นการชิงตำแหน่งกันระหว่าง "ฮิลลารี คลินตัน" จากพรรคเดโมแครต และ "โดนัลด์ ทรัมป์" จากพรรครีพับลิกัน กำลังจะรู้ผลแล้ว ว่าใครจะได้ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หากอยากลุ้นแบบสดๆ ติดตามได้ที่นี่ คลิก!

จะเห็นได้ว่า ทุกวันนี้ผู้หญิงมีความสามารถในการทำงาน หรือเกือบทุกเรื่องเท่าเทียมกับผู้ชาย ผู้หญิงเริ่มได้รับการยอมรับจากสังคม มีบทบาทมากขึ้น รวมถึงบทบาทการเป็นผู้นำด้วย มาดูกันดีกว่าว่า "ผู้นำหญิงและผู้หญิงเก่งระดับโลก" จะมีใครบ้าง ตาม Sanook! Women มาค่ะ

1 "ฮิลลารี คลินตัน" (Hillary Diane Rodham Clinton) เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา คนที่ 67 ในรัฐบาลประธานาธิบดีบารัก โอบามา อดีตสมาชิกวุฒิสภาจากรัฐนิวยอร์กในระหว่างปี ค.ศ. 2001 - 2009 ระหว่างปี ค.ศ. 1993 - 2001 ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ค.ศ. 2008 เธอเคยลงสมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีด้วย แต่พ่ายแพ้ให้บารัก โอบามา ต่อมาในปี ค.ศ. 2016 ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ค.ศ. 2016 เธอได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต และช่วงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับโดนัลด์ ทรัมป์ นักธุรกิจจากรัฐนิวยอร์ก นับเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้เป็นตัวแทนพรรคในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

2 "กริสตีนา เอลิซาเบต เฟร์นันเดซ เด กีร์ชเนร์" (Cristina Elisabet Fernández de Kirchner) คือประธานาธิบดีคนปัจจุบันของประเทศอาร์เจนตินา และภริยาอดีตประธานาธิบดีเนสตอร์ กีร์ชเนร์ เธอจบการศึกษานิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติ ลา ปลาตา และพบกับสามีของเธอที่นั่น เธอเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกที่มาจากการเลือกตั้ง และเป็นประธานาธิบดีหญิงคนที่สองที่ได้รับตำแหน่ง

3 "เอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ" (Ellen Johnson Sirleaf) เป็นประธานาธิบดีไลบีเรียคนที่ 24 และคนปัจจุบัน เธอเคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีคลังในสมัยประธานาธิบดีวิลเลียม โทลเบิร์ต ตั้งแต่ พ.ศ. 2522 ถึงรัฐประหารใน พ.ศ. 2523 หลังจากนั้นเธอเดินทางออกนอกไลบีเรียและดำรงตำแหน่งอาวุโสในสถาบันทางการเงินหลายแห่ง ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีใน พ.ศ. 2540 เธอได้คะแนนเป็นอันดับสองโดยทิ้งห่างผู้ชนะอยู่มาก ภายหลัง เธอได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีในการเลือกตั้งประธานาธิบดีใน พ.ศ. 2548 และดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2549 เซอร์ลีฟเป็นประมุขแห่งรัฐคนแรกและ (จนถึงปัจจุบัน) คนเดียวที่เป็นหญิงมาจากการเลือกตั้งในแอฟริกา

เซอร์ลีฟเป็นหนึ่งในผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำ พ.ศ. 2554 โดยให้เหตุผลว่า "เพื่อการต่อสู้โดยปราศจากความรุนแรงต่อความปลอดภัยของสตรีและสิทธิสตรีที่จะมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในงานสร้างสันติภาพ"

4 "ไช่ อิงเหวิน" (Cài Yīngwén) เป็นประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และเป็นสตรีคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว เธอเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าคนปัจจุบัน และเป็นตัวแทนของพรรคเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 ตำแหน่งซึ่งเธอพลาดไปในการเลือกตั้งปีเมื่อปี 2012 นอกจากนี้ เธอยังเคยเป็นหัวหน้าพรรคมาแล้วหนึ่งสมัยในช่วงปี 2008 ถึง 2012

5 "พัก กึน-ฮเย" (Park Geun-hye) เป็นประธานาธิบดีคนที่ 11 และเป็นคนปัจจุบันของสาธารณรัฐเกาหลี "พัก" เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศในภูมิภาคเอชียตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นประมุขหญิงของรัฐในภูมิภาคประเทศเอเชียตะวันออกลำดับที่สามต่อจากมาดามชุคบาตาร์ แห่งมองโกเลียและซ่ง ชิ่งหลิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

ในปี พ.ศ. 2556 ถึงปี พ.ศ. 2557 พักอยู่ในลำดับที่ 11 จากการจัดลำดับสตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก ของนิตยสารฟอบส์ และเป็นสตรีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเอเชียตะวันออก ในปี พ.ศ. 2557 พักอยู่ในลำดับที่ 46 จากการจัดลำดับบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกของฟอบส์ ซึ่งเป็นลำดับที่สูงสุดลำดับที่สามต่อจากอี คุน-ฮี และอี แจ-ยง

 

6 "เทเรซา แมรี เมย์" (Theresa Mary May) คือนักการเมืองชาวบริติช ผู้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร และหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมในสหราชอาณาจักรตั้งแต่ พ.ศ. 2559 รัฐมนตรีกระทรวงปิตุภูมิของสหราชอาณาจักรตั้งแต่ พ.ศ. 2553-2559 และสมาชิกรัฐสภาจากเขตเมเดนเฮดตั้งแต่ พ.ศ. 2540 ทั้งยังเป็นนักการเมืองสายอนุรักษนิยม-ประเทศเดียว ผู้สนับสนุนการรวมตัวของประเทศต่างๆ ในสหราชอาณาจักรต่อไป นอกจากนี้เมย์ยังเป็นนักการเมืองสายอนุรักษนิยมเสรีด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งนี้เธอได้รับการคาดหมายว่าจะเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรต่อจากนายเดวิด แคเมอรอนหลังการเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้

7 "ออง ซาน ซูจี" (Aung San Suu Kyi) เป็นนักการเมืองชาวพม่าและประธานพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ผู้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีประจำทำเนียบประธานาธิบดี

ในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2533 NLD ได้คะแนนเสียงทั้งประเทศ 59% และที่นั่ง 81% (392 จาก 485 ที่นั่ง) ในรัฐสภา ทว่า เธอถูกควบคุมตัวในบ้านก่อนการเลือกตั้ง เธอยังอยู่ภายใต้การควบคุมตัวในบ้านในประเทศพม่าเป็นเวลาเกือบ 15 จาก 21 ปีตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2532 จนการปล่อยตัวครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2553 ทำให้เธอเป็นนักโทษการเมืองที่ขึ้นชื่อที่สุดคนหนึ่งของโลก

ในปี 2557 นิตยสารฟอร์บส์จัดให้เธอเป็นหญิงทรงอำนาจที่สุดในโลกอันดับที่ 61

ในการเลือกตั้งทั่วไปปี พ.ศ. 2558 พรรค NLD ได้คะแนนเสียงทั้งประเทศ 86% (255 ที่นั่ง ในสภาผู้แทนราษฎรและ 135 ที่นั่ง ในสภาเชื้อชาติ) ทว่า เธอซึ่งเป็นประธานพรรค NLD ไม่สามารถดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเนื่องจากมีข้อห้ามในรัฐธรรมนูญ

8 "ดาลิอา กรีเบาส์ไกเต" (Dalia Grybauskaite) เป็นประธานาธิบดีลิทัวเนีย เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2552 และได้รับเลือกตั้งใหม่ในเดือนพฤษภาคม 2557 เธอเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกและเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่สอง

เธอเคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตลอดจนกรรมาธิการยุโรปเพื่อการวางแผนงานการคลังและงบประมาณตั้งแต่ปี 2547 ถึง 2552 เธอมักได้รับขนานนามว่า "สตรีเหล็ก" และ "แมกโนเลียเหล็กกล้า"

9 "อังเกลา โดโรเธีย แมร์เคิล" (Angela Dorothea Merkel) ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของเยอรมนี ซึ่งได้รับการเลือกตั้งสู่รัฐสภาเยอรมันจากรัฐเมคเลนบูร์ก-ฟอร์พอมเมิร์น เป็นประธานพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน(CDU) ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2543 และเป็นประธานกลุ่มพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน-สหภาพสังคมคริสเตียนในรัฐสภาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 จนถึง พ.ศ. 2548 

นางแมร์เคิลเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศเยอรมนี นางได้รับการเลือกจากนิตยสาร Forbes ให้เป็นสตรีที่ทรงอำนาจมากที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน และในปี พ.ศ. 2550 นางแมร์เคิลยังเป็นสตรีคนที่สองในการเป็นประธานกลุ่มประเทศจีแปดต่อจากนางมาร์กาเร็ต แทตเชอร์อีกด้วย

จิลมา วานา รูเซฟ (Dilma Vana Rousseff) เป็นประธานาธิบดีคนที่ 36 ของประเทศบราซิล โดยรับตำแหน่งตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2554 และเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศ ซึ่งดำรงตำแหน่งหลังจากลูอิส อีนาซีอู ลูลา ดา ซิลวา ประธานาธิบดีคนก่อนหน้า นางรูสเซฟได้รับการลงมติอย่างเป็นทางการให้พ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559 จากคดีละเมิดกฎหมายงบประมาณ โดยมีแชล เตเมร์ รองประธานาธิบดีบราซิลขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนถัดไป

10 "จูเลีย ไอลีน กิลลาร์ด" (Julia Eileen Gillard) เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของออสเตรเลีย และเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของออสเตรเลียและเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ยังไม่เคยผ่านการสมรสมาก่อน เธอได้รับเลือกเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรในฐานะผู้แทนของเขตเลือกตั้งลาเลอร์ ในปี ค.ศ. 1998 จากนั้นในปี ค.ศ. 2001 หลังจากที่พรรคแรงงานพ่ายแพ้การเลือกตั้ง เธอได้รับเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของคณะรัฐมนตรีเงาในตำแหน่งรัฐมนตรีเงา กระทรวงประชากรและการอพยพย้ายถิ่น ในเดือนกรกฎาคมปี ค.ศ. 2006 เธอได้เป็นรัฐมนตรีเงากระทรวงสาธารณสุข ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2006 หลังจากชนะการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2550 ภายใต้รัฐบาลของเควิน รัด เธอเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของออสเตรเลีย พร้อมตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และสวัสดิการสังคม ในวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 2010 เธอดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของออสเตรเลีย หลังจากชนะเลือกตั้งภายในพรรคแรงงาน แต่เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 2013 เธอก็แพ้การเลือกตั้งภายในพรรคให้กับอดีตหัวหน้าเควิน รัดด์ หลังจากผลสำรวจความคิดเห็นระบุว่าพรรคแรงงานจะแพ้การเลือกตั้งปี พ.ศ. 2556

และจะไม่พูดถึงคงไม่ได้ สำหรับ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 28, นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย จัดว่าเป็นนายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งอายุน้อยที่สุดในรอบกว่า 60 ปี "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยการยุบสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556 และรักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากการรักษาการในวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เนื่องจากการย้ายถวิล เปลี่ยนศรี จากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook