ฟ้าหลังฝน ย่อมงดงามเสมอ จอยซ์ – กรภัสสรณ์ รัตนเมธานนท์
ครั้งหนึ่ง โบ - จอยซ์ ไทรอัมพ์ส คิงดอม คือนักร้องสองสาวที่ปฏิวัติวงการเพลงไทย ด้วยแฟชั่นการแต่งกายที่แตกต่างและเพลงจังหวะสนุกที่วัยรุ่นยุค 90 ร้องตามกันได้ แต่แล้ววันหนึ่ง จอยซ์ ไทรอัมพ์ส คิงดอม กลับต้องพบจุดพลิกผันที่ทำให้เธอต้องไร้อิสรภาพนานถึง 8 ปี
ระยะเวลา 8 ปีที่ว่านี้ เธอได้เรียนรู้ชีวิตในมุมที่แตกต่าง เปิดใจทำความรู้จักคนมากมาย จนมีมุมมองต่อโลกเปลี่ยนไป สุดท้ายชีวิตฟ้าหลังฝนกลับมางดงามอีกครั้งด้วยกำลังใจอันยิ่งใหญ่จากครอบครัวคนรอบข้าง และแฟนเพลง ที่ทำให้วันนี้เธอพร้อมก้าวเดินต่อไปด้วยใจที่เข้มแข็ง
เด็กหญิงดื้อเงียบ
จอยซ์เกิดมาในบ้านที่อบอุ่น เป็นพี่สาวคนโต มีน้องชายสองคน ป๊ากับหม่าม้าเลี้ยงดูลูก ๆ แบบให้อิสระเสมอ และเนื่องจากที่บ้านมีเชื้อสายจีน จอยซ์จึงมีญาติพี่น้องเยอะรวมญาติแต่ละครั้งมากันเป็นร้อย ๆ คนทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ป๊ากับหม่าม้าจะพาไปหาอาม่าและอากงเสมอ จอยซ์จึงสนิทกับอาม่ามาก ท่านชอบจับเราแต่งตัวและหาชุดสวย ๆ มาให้ใส่เสมอ
ตอนเด็ก ๆ จอยซ์ไม่ตั้งใจเรียนเลย และไม่มีวิชาไหนที่ชอบเป็นพิเศษ ที่ไปโรงเรียนทุกวันเพราะอยากไปเล่นกับเพื่อนมากกว่าส่วนการบ้านก็ไม่ค่อยทำ หม่าม้าก็จะบ่นและดุจอยซ์จะฟังแต่ก็ไม่ทำอยู่ดี พอถึงเวลาต้องส่งการบ้าน ซึ่งโรงเรียนให้ผู้ปกครองเซ็นชื่อกำกับมาในสมุด จอยซ์แอบปลอมลายเซ็นหม่าม้าตลอด
จอยซ์เป็นเด็กดื้อเงียบและติดเพื่อนมากมาตั้งแต่เด็ก แต่มีเพื่อนสนิทเป็นกลุ่มเล็ก ๆ มีอะไรก็จะคุยปรึกษากันแค่ในกลุ่มนี้เพราะจอยซ์ไม่ยอมสนิทกับใครง่าย ๆ ถ้าคนไม่รู้จักก็จะไม่ยุ่ง ไม่สุงสิงด้วย เพราะคิดเสมอว่า “ถ้าคนไหนไม่ได้สนิทกันจริงก็อย่าได้เห็นตัวตนของฉันเลย”
ดังนั้นจอยซ์จะคุยเล่น หัวเราะ ยิ้มแย้มกับเพื่อนสนิท จึงมีเพื่อนน้อยคนนักที่จะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเราเพื่อนสนิทคนหนึ่งตั้งแต่เด็กคือ โบ –สุรัตนาวี สุวิพร เราสองคนเรียนโรงเรียนเดียวกันมาตลอดตั้งแต่อนุบาล แต่ไม่ได้เรียน
ห้องเดียวกัน จนช่วงมัธยมก็เริ่มสังเกตว่าเพื่อนคนนี้น่าจะเข้ากับเราได้ และเริ่มสนิทกันตอนที่เริ่มไปเที่ยวกลางคืนด้วยกัน แต่การเที่ยวในตอนนั้นมีพ่อของโบหรือป๊าของจอยซ์คอยไปรับไปส่ง ที่บ้านจึงไม่ได้ว่าอะไร เพราะอย่างน้อยก็อยู่ในสายตาผู้ใหญ่
ไทรอัมพ์ส คิงดอม
ช่วงเป็นวัยรุ่นมีคนเข้ามาทาบทามให้เข้าวงการเยอะเหมือนกัน เวลาที่ไปเดินเที่ยวสยามมักมีคนเข้ามาถามว่า อยากเข้าวงการไหม อยากแสดงหนังไหม แต่ช่วงนั้นมีข่าวบ่อย ๆ ว่า มีคนทำทีเป็นแมวมองชวนเข้าวงการ แล้วพาเด็กไปทำร้าย จอยซ์จึงกลัวมากและไม่เคยยอมติดต่อกลับใครไปเลยสักคนเดียว
จนกระทั่ง พี่สมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์หนึ่งในผู้ก่อตั้งค่ายเบเกอรี่มิวสิค ซึ่งเป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทโบชวนไปร้องเพลงที่ค่าย ตอนนั้นจอยซ์ขี้อายมาก ไม่มั่นใจในตัวเอง จึงไม่กล้าร้อง พอร้องก็ร้องแบบไม่เต็มเสียง สุดท้ายพี่สมเกียรติจึงให้เล่นมิวสิควิดีโอเพลงแทน พอได้มาทำงานและเที่ยวด้วยกัน จอยซ์จึงเริ่มคุ้นเคยกับพี่ ๆ ทีมงาน
ช่วงนั้นพี่สมเกียรติอยากทำเพลงแนวใหม่ จึงชวนโบกับจอยซ์มาออกอัลบั้มเราทั้งคู่ตอบตกลง จากนั้นสองอาทิตย์ก็เซ็นสัญญาและกลายเป็นสองสาวนักร้องวงไทรอัมพ์ส คิงดอม ออกอัลบั้มแรกตอนอายุ 18 ปี ตอนนั้นจอยซ์เลือกทิ้งการเรียนมหาวิทยาลัยเพื่อมาทำงานเต็มตัว
จอยซ์ไม่ใช่คนร้องเพลงเก่งหรือชอบแสดงออก แต่ตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีและสนุกไปกับงาน เพราะคิดว่าตัวเองคงได้ประสบการณ์ชีวิตจากการทำงานนี้โดยไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองต้องดัง แต่เมื่อเป็นนักร้องเต็มตัวที่ต้องทั้งร้องเพลง ต้องเต้น และต้องพบเจอคนมากมาย ก็รู้สึกกดดันอยู่เหมือนกัน เพราะจอยซ์เป็นคนคิดเยอะบางทีก็เครียดว่าคนจะมองเราอย่างไร เวลายืนอยู่บนเวทีก็กลัวไปหมด บางครั้งถึงคิวต้องเต้นกลับยืนตัวแข็งทื่อก็มี ส่วนเวลาที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อโบจะรับหน้าที่พูดคุยตลอด ส่วนจอยซ์ยืนนิ่ง ๆ ไม่อยากพูดอะไรเพราะกลัวพูดแล้วคนจะคิดว่าเราแรง ภาพที่ออกจึงเหมือนกับจอยซ์เป็นคนเงียบ ๆ
ช่วงที่มีชื่อเสียงแล้ว จอยซ์ต้องทำงานหนักมาก เพราะสมัยก่อนต้องไปโชว์ตัวและโปรโมตเทปด้วยตัวเอง จอยซ์กับโบต้องไปโชว์ตัวต่างจังหวัด บางทีไปโชว์ตัวที่ผับตอนกลางคืน แล้วก็มาออกรายการทีวีตอนเช้าแต่ละวันได้นอนแค่ 3 - 4 ชั่วโมงเท่านั้น ชีวิตวนเวียนอยู่แค่นี้
พองานเยอะ นอนน้อย บางทีก็ตื่นไม่ไหว เริ่มงอแงว่าไม่อยากออกไปทำงานแต่ก็หนีไปไหนไม่ได้เพราะพี่ ๆ ทีมงานบังคับให้นอนอยู่ที่ออฟฟิศเลย ล็อกเราไว้ตรงนั้นจะได้พาไปทำงานสะดวก ไม่ต้องกลัวว่าจะหนีไปไหน แต่ถึงแม้จะทำงานหนัก แต่ก็เที่ยวหนักเช่นกัน จอยซ์ใช้ชีวิตวัยรุ่นอย่างสุดเหวี่ยงและยอมรับว่าลองใช้ยาเสพติดมาตั้งแต่ก่อนเข้าวงการเต็มตัวแล้ว เพราะช่วงนั้นถือเป็นช่วงที่ยาเสพติดระบาดหนัก จอยซ์ยังเด็กและรักสนุก จึงลองไปแบบไม่คิดหน้าคิดหลังอะไรทั้งสิ้น คิดเพียงแค่ว่าเราสนุก เราก็ลองพอป๊ากับหม่าม้าเห็นว่าเราเที่ยวหนักก็เตือนตลอด เมื่อจอยซ์ออกมาทำงานและใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านแล้ว ท่านทั้งสองจึงไม่มีโอกาสได้ดูแลเราอย่างใกล้ชิดเหมือนเดิม
เริ่มคิดได้
ตั้งแต่ออกเทปอัลบั้มแรก ไทรอัมพ์สคิงดอม ก็โดนกระแสเรื่องการแต่งตัวไม่เรียบร้อย ไม่รู้จักกาลเทศะ ใคร ๆ ก็เรียกว่าเป็น “เจ้าแม่เกาะอก - สายเดี่ยว” แรก ๆจอยซ์ไม่ได้รู้สึกว่ามันหนักหนาขนาดนั้นเพราะสังคมที่เราอยู่และคนรอบตัวก็แต่งตัวกันแบบนี้ ทุกคนใส่สายเดี่ยว เกาะอกกางเกงขาสั้น จอยซ์ก็แต่งตัวอย่างนี้อยู่แล้วแต่พอมีกระแสมากขึ้น จากที่ไม่เคยคิดอะไรก็เริ่มคิดบ้าง และเริ่มคิดมากขึ้นในวันที่เราได้เห็นบางอย่างกับตาตัวเอง
ครั้งหนึ่งที่ไปเล่นคอนเสิร์ต จอยซ์เห็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 14 ปีใช้ผ้าเช็ดหน้าผูกหน้าอกแทนเสื้อเกาะอกมาดูเรา จอยซ์เห็นแล้วก็ตกใจ คิดในใจว่าน้องแรงกว่าเราอีก ถึงเราจะร้องเพลงผ้าเช็ดหน้า แต่ไม่เคยใช้ผ้าเช็ดหน้ามาผูก
หน้าอกอย่างนี้นะ
ตอนนั้นจอยซ์เริ่มคิดแล้วว่า นี่เรากำลังทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องอยู่หรือเปล่า หรือเราอาจมีอิทธิพลส่วนหนึ่งในการแต่งตัวของเขาจึงเริ่มมาคุยกับโบ และเริ่มระวังเรื่องการแต่งตัวมากขึ้นหลังจากที่ออกเทปมาได้ 3 อัลบั้ม ในระยะเวลา 3 ปี สัญญาที่เซ็นไว้กับค่ายเพลงก็หมดลงพอดี จอยซ์กับโบต่างก็คิดว่าเรามากันสุดทางแล้วละ ต่างคนก็ต่างโตขึ้น จึงแยกกันไปทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ตอนนั้นจอยซ์กลับไปเรียนมหาวิทยาลัย เพราะก่อนหน้านี้หยุดเรียนมาทำงานในวงการ
เมื่อกลับไปเรียนตอนอายุ 22 ปี จอยซ์จึงแก่กว่าเพื่อน ๆ ที่เรียนด้วยกัน แต่เรียนได้ไม่เท่าไหร่ก็ไปไม่รอด เพราะตอนนั้นเรียนอยู่แถวรังสิต ซึ่งไกลบ้านมาก จึงไปเรียนบ้างไม่ไปบ้าง ในที่สุดก็หยุดเรียนไปเลย ส่วนงานในวงการก็เริ่มซา มีรับละครบ้าง แต่ชีวิตส่วนใหญ่ของจอยซ์คือเที่ยวและเมาจอยซ์สนุกกับการใช้ชีวิตอย่างนั้นมาตลอด จนเป็นเหตุให้วันหนึ่งเกิดเรื่องใหญ่ที่เป็นจุดพลิกผันในชีวิต
ติดตามอ่านตอนที่ 2
Secret BOX
สิ่งเดียวที่เป็นของเราคือเดี๋ยวนี้
วันข้างหน้าไม่ใช่ของเรา
พระไพศาล วิสาโล