เคล็ดไม่ลับ ! เทคนิคสวยหน้าใสในแบบสาวเกาหลี

สาวเกาหลีนั้นขึ้นชื่อเรื่องใบหน้าที่งดงาม มีความขาวกระจ่างใส ดูเป็นธรรมชาติ ทำให้สาวๆ ชาวไทยอยากจะมีสุขภาพผิวหน้าที่ดีแบบนั้นบ้าง เวลาแต่งหน้าก็จะได้ไม่ต้องโบกหนาจัดเต็ม ในบางครั้งก็เกิดอยากจะโชว์ผิวสุขภาพดีเหมือนสาวเกาหลีดูสักหน่อย แต่ทั้งนี้ สาวๆ เกาหลีแนะนำมาว่า การแต่งหน้าในแบบเทรนด์เกาหลี คือ การแต่งหน้าในลุคใสๆ อวดผิว ไม่เน้นเครื่องสำอาง แต่จะเน้นในเรื่องของสกินแคร์กันจริงๆ จังๆ ซะมากกว่า ซึ่งสาวๆ เน้นย้ำมาว่าต้องดูแลผิวแบบไม่เปลืองตังด้วยนะ จะทำยังไงบ้าง วันนี้ Sanook! Women ได้รวบรวมมาบอกสาวไทยกันเพียบเลย ..

ขั้นที่ 1 ทำความสะอาด หรือ Cleansing กันให้หมดจด

ทุกครั้งหลังจากที่กลับเข้าบ้าน สิ่งแรกที่สาวๆ ควรทำ คือ การทำความสะอาดเครื่องสำอางออกจากใบหน้า ซึ่งสาวๆ เกาหลีจะนิยมใช้ทิชชู่เปียกในการทำความสะอาดเครื่องสำอางอย่างเบามือ หลังจากนั้นก็จะล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด ต่อด้วยการใช้เบบี้ออยผสมกับน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาดเป็นลำดับถัดมา ส่วนสาวไทย อาจจะลองใช้น้ำมันมะพร้าวบำรุงผิวหน้าก็ทำได้เช่นกัน เพราะน้ำมันมะพร้าวนั้นเป็นสารสกัดที่ได้จากธรรมชาติ ดีต่อผิวและปลอดภัยอย่างแน่นอน

ขั้นที่ 2 ล้างหน้ากันอีกรอบ ย้ำว่าห้ามถู

เมื่อสาวๆ ทำความสะอาดเครื่องสำอางที่อยู่บนใบหน้าออกจนหมดจดแล้ว แนะนำให้ใช้โฟม หรือเจลล้างหน้าเพื่อทำความสะอาดใบหน้าอีกครั้ง โดยย้ำว่าห้ามถูผิวหน้าเด็ดขาด ควรลูบไล้อย่างเบามือให้ทั่วผิวหน้าก็เป็นอันเสร็จในขั้นตอนนี้

ขั้นที่ 3 สครับใบหน้ากำจัดสิ่งสกปรกตกค้างดูบ้าง

สำหรับสาวๆ คนไหนที่มีผิวหน้ามันก็ควรสครับผิวหน้าก่อนนอนสัปดาห์ละประมาณ 3 ครั้ง หรืออาจทำทุกคืน แต่สาวๆ ที่มีผิวแห้งไม่แนะนำให้สครับผิวหน้าบ่อยๆ เพราะอาจเกิดการระคายผิวได้ โดยขณะที่ทำการสครับให้เน้นในบริเวณที่มองเห็นได้ชัด อาทิ บริเวณจมูกที่อาจเกิดสิวได้ และบริเวณโหนกแก้มที่อาจเห็นรูขุมขนชัดเจน

ขั้นที่ 4 ทำให้รุขุมขนกระชับด้วยโทนเนอร์

เพื่อเป็นการบำรุงผิวหน้าของสาวๆ ที่อาจมีรูขุมขนกว้าง แนะนำให้เลือกโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของสารที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวเป็นพิเศษ ทำเป็นประจำก่อนนอน เพราะนอกจากจะช่วยกระชับรูขุมขนและเป็นขั้นตอนการทำความสะอาดที่สำคัญแล้ว ยังเป็นตัวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าเป็นอย่างมากอีกด้วย

ขั้นที่ 5 เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวก่อนเข้านอน

ไม่ใช่แค่เพียงสาวเกาหลีเท่านั้น แต่บรรดาอปป้าเกาหลีก็ยังนิยมนำเอา Essence มาใช้บำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นกันอย่างไม่หยุดหย่อน จนได้รับอิทธิพลมาถึงสาวไทยที่ให้นิยมพก Essence Mist แบรนด์ต่างๆ ติดกระเป๋าไว้ด้วยเช่นกัน อย่าลืมที่จะฉีดบนหน้าก่อนนอนเพื่อรักษาให้สภาพผิวหน้ามีความชุ่มชื้นในสภาพอากาศที่แห้งเพราะเครื่องปรับอากาศตลอดทั้งคืน

ขั้นที่ 6 บำรุงผิวด้วยวิตามิน Ampoule เพื่อรักษาความอ่อนเยาว์

ไม่มีสาวๆ คนไหนอยากจะมีผิวหน้าที่ดูแก่เกินวัย ฉะนั้น เพื่อเป็นการคงผิวอันอ่อนเยาว์เอาไว้ แนะนำให้ใช้วิตามิน หรือเซรั่มที่เข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิว ก็จำทำให้ใบหน้าของสาวๆ ดูสวยใส สมวัย ที่สำคัญไม่แก่เร็วด้วยนะ

ขั้นที่ 7 มาสก์หน้าและนวดหน้า

เทคนิคสำคัญที่สาวเกาหลีใช้บำรุงผิวหน้า นั่นคือการมาสก์หน้าและนวดหน้าเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผิวหน้าแข็งแรง วิธีการง่ายๆ ให้เริ่มต้นด้วยการมาสก์ผิว จากนั้นเมื่อเสร็จแล้วก็ให้นวดหน้าเบาๆ ทำเป็นประจำจะทำหน้าผิวหน้าไม่หย่อนคล้อยก่อนวัย ส่วนการมาสก์หน้านั้นก็จะช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้น ขาวกระจ่างใส อีกทั้งยังเป็นการผ่อนคลายให้กับผิวอีกด้วย

ขั้นที่ 8 บำรุงผิวรอบดวงตาด้วยอายครีม

ว่ากันว่าผิวบริเวณรอบดวงตาเป็นส่วนที่มีความบอบบางมากที่สุด ฉะนั้นสาวๆ จึงไม่ควรละเลยที่จะดูแล การหาอายครีมที่มีสรรพคุณช่วยฟื้นบำรุงและแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาหมองคล้ำเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ยิ่งสาวๆ คนไหนที่เข้าสู่วัยเลข 3 แล้ว จะเริ่มดูแลก็ยังไม่สายเกินไป แต่หากเริ่มดูแลได้เร็วกว่านี้ก็จะดีมากทีเดียว

ขั้นที่ 9 บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้

การใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นการเติมเต็มการบำรุงผิวอย่างล้ำลึก แนะนำว่าสาวๆ ไม่ควรจะทาลงไปบนผิวหน้าเพียงอย่างเดียว แต่ให้ลูบไล้และนวดวนไปบริเวณผิวด้วยนิ้วกลางและนิ้วนาง ที่สำคัญเมื่อบำรุงผิวหน้าแล้ว ก็อย่าลืมบำรุงบริเวณลำคอด้วยล่ะ

ขั้นที่ 10 อย่าลืมบำรุงผิวช่วงกลางคืนด้วยไนท์ครีม

เผลอแปบเดียวก็เดินทางมาถึงการบำรุงในขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่สาวๆ จะเข้านอนกันแล้ว ในขั้นตอนนี้เป็นการบำรุงผิวหน้าด้วยการทาไนท์ครีม ซึ่งตัวครีมจะเข้าไปฟื้นบำรุงสภาพผิวที่ถูกทำร้ายมาตลอดทั้งวัน ทั้งจากแสงแดด สิ่งสกปรก และมลภาวะ รวมถึงการสัมผัสผิวหน้าที่ขาดการระมัดระวังอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สาวๆ จะลืมไม่ได้เชียวล่ะ

จบไปแล้วกับขั้นตอนการดูแลผิวในแบบฉบับสาวเกาหลี เป็นเคล็ดไม่ลับที่ Sanook Women นำมาบอกต่อกัน นอกจากจะทำได้ง่ายแล้วก็ยังไม่ต้องไปเสียเงินมากๆ ให้กับการบำรุงที่ดูอู้ฟู่จนเกินไป เผลอๆ ต้องหมดเงินไปกับการเข้าคอร์สดูแลผิวที่บางทีก็อาจเป็นการดูแลอย่างไม่ถูกจุด ลองนำไปใช้กันดู ถ้าผลที่ดีขึ้นยังไงก็อย่าลืมเอามาบอกต่อกันด้วยล่ะ...