ปอกเปลือก-ผ่าหัวใจ แตงโม ภัทรธิดา

ปอกเปลือก-ผ่าหัวใจ แตงโม ภัทรธิดา

ปอกเปลือก-ผ่าหัวใจ แตงโม ภัทรธิดา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

แตงโม ภัทรธิดา- พัชรวีระพงษ์ ดาราสาวสวยที่ขึ้นชื่อในเรื่องความตรงไปตรงมา แต่เธอบอกว่า เธอจริงใจกับทุกๆ คน และทุกเรื่องราวที่เธอประสบพบเจอต่างหากล่ะคะ

ถ้าไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิง คิดว่าอยากจะทำอะไรคะ

ถ้าไม่ได้อยู่ในวงการนี้ ป่านนี้คงไปเรียนเมืองนอกอย่างที่คิดไว้ตั้งแต่เด็กแล้วมั้งคะ จำได้ว่าจะไปเรียนตั้งแต่อายุ 16 ตอนนี้อายุ 24 เข้าไปแล้ว หลายปีมากแล้วที่ต้องผลัดโครงการของตัวเองมาเรื่อยๆ เพราะว่าด้วยความที่เราเข้าวงการ แล้วมันก็เป็นช่วงที่ค่อนข้างจะโอเค สำหรับการทำงานน่ะค่ะ ก็เลยต้องเลือกอันที่จำเป็นและสำคัญกว่า ณ ช่วงนี้นะ ก็คือ โอกาสดีๆ มันไม่ได้มีมาตลอด ช่วงไหนที่เรารู้สึกว่ามันเป็นช่วงของเรา เราก็ทำมันไปก่อน แล้วก็อย่างอื่นพอเลื่อนได้ก็เลื่อนไป

บุคลิกส่วนตัวเป็นคนยังไงคะ

โมว่า โมค่อนข้างจะเหมือนผู้ชาย เพราะว่า ด้วยความที่โตมากับคุณพ่อ ในธรรมชาติอาจจะมีความรักสวยรักงามแบบผู้หญิงบ้าง แต่ว่า การดำเนินชีวิต การพูดจา การเดินเหิน บุคลิกอะไรต่างๆ พวกนี้จะเป็นผู้ชายไปซะเยอะหน่อย ด้วยความที่เวลาเราอยู่กับใครนานๆ มันก็จะติดมาโดยอัตโนมัติ เราถูกเลี้ยงมาแบบนี้ เราก็มีคุณพ่อเป็นต้นแบบ เราอยู่กับเขา เรามอง สังเกตการณ์เขาทุกวัน มันเลยทำให้เราติดเขามาเป็นนิสัยตัวเองโดยอัตโนมัติอย่างนี้น่ะค่ะ

ในฐานะที่เราเป็นคนของสังคม คิดว่าจะทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับน้องๆ ยังไงบ้าง

ถ้าสมมติจะต้องให้เลือก น้องที่อยากจะได้บางเรื่องที่ดีไปเป็นตัวอย่าง โมว่า โมคงเป็นตัวอย่างสำหรับคนที่ค่อนข้างจะจริงใจ ไม่มีหน้ากาก คือค่อนข้างจะแสดงความเป็นตัวของตัวเองเยอะ ให้เยอะที่สุด สำหรับคนที่จะเข้าวงการ หรือคนอื่นๆ ก็ตามที่อยู่วงการอื่น แต่ว่าต้องเจอคนหมู่มาก ต้องใช้ชีวิตการทำงานร่วมกับคนหมู่มาก แล้วมาจากหลายๆ ครอบครัว มาจากหลายๆ ที่ เพราะฉะนั้น คนเรามันต้องรู้จักวางตัวในแบบที่เราจะปลอดภัยที่สุด เราจะวางตัวยังไง ให้ชีวิตระยะยาวของเราสามารถเป็นแบบนั้นได้ตลอดเวลา โมคงเป็นต้นแบบในแบบนั้นมากกว่า คือโมยอมที่จะแลก บางทีเราอาจจะดูดุ บางทีเราอาจจะดูแรง หรือตรง แต่ว่าถ้าถามว่าในระยะยาวแล้ว มันคุ้มกันมั้ยที่เราจะแสดงความเป็นตัวของตัวเอง ก็คุ้มมาก 6 ปีที่ผ่านมา โมถือว่ามันสบายใจน่ะค่ะ

ทำงานเยอะแบบนี้ มีเวลาแบ่งให้ครอบครัวบ้างหรือเปล่าคะ

เอ่อ อาจจะโชคดีตรงที่ครอบครัวโมเนี่ย จะไม่ได้เป็นครอบครัวใหญ่มาก ไม่ได้มีญาติเยอะ แล้วไม่ได้มีกฎว่า วันอาทิตย์ต้องทานข้าวกับที่บ้าน เพราะฉะนั้น โมกับพ่อเนี่ย สามารถเจอกันได้ทุกวัน อยากจะเจอกันตอนกี่โมง ก็แค่โทรบอกกัน แล้วก็มาเจอกัน ปกติแล้ว พ่อก็จะมาทำงานด้วย แต่ว่า ถ้าช่วงไหนที่ไปไหนมาไหนเอง คือไปเป็น ขับรถไปถูกก็ไม่ได้เจอค่ะ นอกนั้น วันว่างก็ทำกิจกรรมกันตามปกติ ทานข้าวอะไรแบบนั้นค่ะ

มีเคล็ดลับในการดูแลรักษาหุ่นยังไงบ้างคะ

โมอาจจะโชคดีตรงที่ว่า กรรมพันธุ์น่ะค่ะ คุณพ่อเป็นคนผอมมาก ตอนพ่อหนุ่มๆ แล้วก็โมได้ยีนพ่อมาเยอะค่ะ ก็เลยทานยังไงก็ไม่อ้วนซักที เลยไม่ได้ดูแลอะไรเท่าไหร่ เรียกว่า ไม่ได้ดูแลเลยด้วยซ้ำ

ชอบทานอะไรเป็นพิเศษคะ

ชีส นม เนย ชอบกินแต่ของอ้วนๆ ค่ะ

คติที่ใช้ในการดำเนินชีวิตล่ะคะ

โมไม่มีคติในการใช้ชีวิตค่ะ แต่โมมีความคิดง่ายๆ มีความคิดว่า นเราเกิดมามีอายุเฉลี่ยประมาณ 70-80 ปี ถ้าเกิดเราทำอะไรได้กว้างที่สุด ทำอะไรได้หลากหลายมากที่สุด ถือว่ากำไรชีวิต ดีกว่าอย่างบางคนทำงานออฟฟิศตั้งแต่สาวยันแก่ตาย ก็ทำอยู่แค่นั้น โมรู้สึกว่า เรามีความสามารถเยอะกว่านั้น เราต้องใช้มันให้หมดน่ะค่ะ พระเจ้าให้พรสวรรค์เรามาหลายด้าน พยายามใช้ให้คุ้ม แล้วก็จะรู้สึกว่า เออ ชีวิตมันคุ้มค่า เค้าเรียกว่าได้ใช้ชีวิตจริงๆ อะไรอย่างเนี้ย

ผลงานตอนนี้มีอะไรบ้างคะ

ละคร รักแท้แก้ได้ค่ะ ออนแอร์วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ หลังข่าวภาคค่ำ ช่อง 7 ค่ะ แล้วก็ Natriv ตัวใหม่อีก 2 ตัว ออนแอร์ไล่เลี่ยกันค่ะ นอกนั้นก็จะเป็นเดินแบบ ถ่ายแบบ งานอีเว้นท์ทั่วไปค่ะ เล็กๆ น้อยๆ

ดารา นักแสดงที่โมชื่นชอบเป็นพิเศษน่ะค่ะ

ชื่นชอบเป็นพิเศษ เอาคนใกล้ตัวเราแล้วกัน ในช่องเรา ชอบ พี่ยุ้ย จีรนันท์ โมมีความรู้สึกว่า เขาเป็นนางเอกทั้งนอกจอและในจอ คือเป็นคนนึงที่มีความเป็นนางเอกทั้งในละคร และในชีวิตจริง พี่ยุ้ยเป็นลูกกตัญญู เป็นบุคคลที่มีส่วนที่เด็กๆ จะเอาเป็นตัวอย่างทั้งชีวิตพี่ยุ้ย คือไม่ใช่แค่เลือกส่วนใดส่วนหนึ่ง เพราะว่าพี่ยุ้ยเป็นคนดี เป็นคนน่ารัก เป็นนางเอกจริงๆ ค่ะ

การที่ได้เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง โมคิดว่าได้ข้อคิดอะไรบ้างคะ

ค่อนข้างเยอะนะคะ เพราะว่าคนที่ไม่เข้มแข็ง คืออยู่วงการนี้ไม่ได้ ถ้าอ่อนแอ อ่อนไหวมากเกินไป อย่างแรกเลยคือ จะทนกับข่าวไม่ได้ อย่างที่สองคือ จะทนกับคนที่ร่วมงานด้วยไม่ได้ เพราะว่าวงการนี้ไม่ได้มีวุฒิการศึกษามาการันตีว่าคุณจบอะไรมา แล้วเข้ามาทำงาน คือมาจากไหนก็ได้ ร้อยพ่อพันแม่ ไม่ได้กำหนดน่ะค่ะ เพราะฉะนั้น มาที่นี่ มันเหมือนศูนย์รวมแบบศูนย์รวมทั้งความมืด ความสว่าง ทั้งความดี ความชั่ว อะไรก็ตาม คือวงการมายา ก็คือวงการมายา มันก็สอนให้เราต้องรู้จักมีจุดยืน มันสอนให้เราต้องรู้จักแยกแยะให้ออกว่า กลไกของข่าว กลไกของเกมส์แต่ละเกมส์ที่อยู่ในวงการ กลไกของการทำงาน หรืออะไรก็ตามเนี่ย มันก็คือเกมส์ เราจะไปตามน้ำมันไม่ได้ เราต้องมีจุดยืนของเรา แล้วก็มีเหตุผลให้กับทุกๆ เหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ดี ก็มีเหตุผลว่า เออ มันไม่ใช่สิ่งจีรังยั่งยืน แต่ถ้าเหตุการณ์ที่ไม่ดี เราก็ต้องมีเหตุผลให้กับมันว่า มันก็คืออุปสรรคๆ นึงเท่านั้นค่ะ

พูดถึงเรื่องความรักของโมตอนนี้ให้ฟังหน่อยค่ะ

ตอนนี้ไม่มีความรักค่ะ รักตัวเอง คือโมไม่ได้ใช้ชีวิตโดยยึดตัวเองเป็นหลักมา 5 ปีแล้ว 5 ปีคือ โมเอาตัวเองไปผูกกับคนอื่นไว้ครึ่งนึง เอาอะไรที่เป็นตัวของตัวเองเนี่ยไปทิ้งที่เขาไว้ครึ่งนึง เพราะฉะนั้น หลังจาก 5 ปีนี้ก็เริ่มเป็นอิสระแล้วเนี่ย เราก็เริ่มสนุกกับชีวิตตัวเอง เริ่มอยากจะกลับมาทำอะไรก็ตามที่เราผลัดมาเรื่อยๆ ที่ไม่ได้คิดจะทำมาเรื่อยๆ เพราะว่าความที่โมเป็นคนติดแฟนมาก กิจกรรมที่จะทำอะไรให้ตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น ฟิตเนส เป็นตัวอย่างง่ายๆ ที่ผู้หญิงทุกคนเขาทำ แต่โมไม่ทำ เพราะโมอยากเอาเวลาไปอยู่กับแฟนมากกว่า ก็ได้กลับมาให้เวลากับกิจกรรมที่จะทำเพื่อตัวเองเยอะขึ้นในหลายๆ ด้านนะคะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ก็รู้สึกมีความสุขดีที่ได้ชดเชยอะไรให้ตัวเอง เพราะว่า โมอายุก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ถ้าเกิดเราไม่ได้ทำตั้งแต่ตอนนี้เนี่ย มันกลัวว่า เดี๋ยวแก่แล้วจะสายไปค่ะ

มีโอกาสรีเทิร์นไหมคะ

โอกาสรีเทิร์น โมไม่ทราบค่ะ เพราะว่าอนาคตเราตอบไม่ได้จริงๆ เอ่อ เอาเป็นว่าถ้าเกิด ณ วันนึงที่เวลามันผ่านล่วงเลยไปนานแล้ว แล้วเรามีความคิดว่า เราเนี่ยแหละที่รับกันและกันได้มากที่สุดแล้ว และถ้าวันนั้นมันมีความรู้สึกที่ดีหลงเหลืออยู่ เราก็อาจจะกลับมาก็ได้ แต่ถ้าสมมติว่า ณ เวลานั้น เราเจอคนที่ใช่ต่อกันและกันมากกว่า คือตัวเขาก็เจอคนที่ใช่ ตัวเราก็เจอคนที่ใช่ ก็เป็นเพื่อนกันไปแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นมิตรภาพที่ดีที่สุดนะคะ

โมเชื่อเรื่องการดูดวงมากน้อยแค่ไหนคะ

โมเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่งค่ะ เพราะว่า ส่วนนึงโมนับถือศาสนาคริสต์ ศาสนาโมค่อนข้างจะมีเหตุผลต่อการใช้ชีวิตมากกว่าที่จะเชื่ออะไรที่เราพิสูจน์ไม่ได้ แต่ด้วยความที่โมโตมาแล้ว เรื่องบางเรื่องจากเหตุการณ์ที่คนอื่นเล่าให้เราฟังเนี่ย เขามีประสบการณ์ตรงจากการถูกคาดเดา แล้วมันเกิดขึ้นจริง คือโมเชื่อคนที่เขามาเล่าให้เราฟังมากกว่าที่จะเชื่อหมอดูนะ โมคิดว่าเพื่อนโมไม่โกหกเราค่ะ

สถานที่เที่ยวที่ไหนที่เคยไป แล้วรู้สึกประทับใจที่สุดคะ

เยอะมากเลยค่ะ หลายที่ แต่ที่ประทับใจมากที่สุดน่าจะเป็น ญี่ปุ่น เพราะว่าเป็นเมืองที่เราไม่ได้ตั้งใจจะไปซื้ออะไร แค่เดินชมเมืองเขา เราก็มีความสุขแล้ว เป็นเมืองที่ดูดเงินโมได้เยอะที่สุด เรามีเท่าไหร่ เราหมดเท่านั้นจริงๆ ยิ่งผู้หญิงนะ เป็นแบบนี้ทุกคน คือของจุกจิกเยอะมาก เครื่องสำอางเยอะมาก ของกินเยอะมาก อร่อยมาก เอะอะอะไรอร่อยไปหมด ขนมอร่อยทุกอย่าง อะไรอย่างเนี้ยค่ะ

ภาพยนตร์แนวไหนที่โมชอบดูเป็นพิเศษคะ

โมชอบดูหนังสยองขวัญมาก ชอบดูพวกฆาตกรรมอำพราง พวกคิดเยอะๆ ดูแล้วคิดไปด้วย แล้วพอเราคิดออก แล้วเรารู้สึกชนะมาก อะไรอย่างเนี้ย ชอบ เหมือนเป็นโรคจิตนิดนึงค่ะ

เป้าหมายในอนาคต คิดว่าจะทำอะไรบ้างคะ

มันก็ยังค่อนข้างไกล ตอนนี้ยังมีแผนกว้างๆ ไว้ แต่ว่ายังไม่ได้เจาะจงว่าจะทำอะไร คือสุดท้ายแล้ว ชีวิตนี้ถ้าเกิดไม่ได้เป็นนักแสดงเนี่ย งานที่โมทำยังต้องเป็นอาร์ติสอยู่ ยังต้องเกี่ยวกับศิลปะอยู่ เพราะว่าโมว่าโมเป็นคนเกิดมาแล้ว มันมีความเป็นอาร์ติสมากกว่าที่จะมานั่งคิดเลข โมว่าโมเป็นนักธุรกิจไม่ได้ เป็นคนที่มีระเบียบขนาดนั้นไม่ได้ ค่อนข้างจะทำอะไรขึ้นอยู่กับความรู้สึกมากกว่า แล้วก็สังเกตตัวเองแต่เด็กว่า เวลาเราทำงานฝีมือ ทำอะไรเกี่ยวกับงานศิลปะ หรือว่าการแต่งตัว เราจะทำได้ดีกว่างานอื่นๆ ก็เลยรู้สึกว่า เราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้แหละ ก็คงอาจจะมีร้านเสื้อ หรืออะไรก็ตามนะ ยังไม่ได้เฉพาะเจาะจง แต่อีกแผนนึงคือ ถ้าเป็นไปได้นะ ถ้าเราไม่ได้มีห่วงว่าจะต้องดูแลใครที่นี่ อยากจะไปใช้ชีวิตเมืองนอก แล้วไม่กลับมาอีกอะไรอย่างเนี้ยค่ะ

อยากฝากอะไรถึงแฟนๆ ที่ติดตามชมผลงานบ้างคะ

ผลงานโมไม่ฝากแล้วกันค่ะ เพราะว่าคนที่เขาติดตาม เขาคงติดตามเราได้แหละ แต่ว่าฝากขอบคุณแล้วกัน ขอบคุณทุกๆ คนที่ไว้ใจ เชื่อใจในที่โมเป็นแบบนี้ แล้วก็ขอบคุณที่รับฟังเวลาที่โมมีข่าวแย่ๆ ค่อนข้างเยอะ แต่ว่าทุกข่าวเนี่ย โมสามารถอธิบายได้ ไม่ว่าจะอธิบายกี่ที มันก็อธิบายเหมือนเดิม จะเป็นที่พิสูจน์ได้เลยว่า มันไม่ใช่เรื่องที่โมแต่งขึ้น คือเรื่องจริงเล่ากี่ที มันก็เล่าเหมือนเดิมได้ ก็ขอบคุณที่เขายังรัก และก็ยังเชื่อในความเป็นโมค่ะ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook