เอาตัวรอดจากแท็กซี่โรคจิตด้วยวิธีที่จิตกว่า!!
แท็กซี่ดีๆมีเยอะ แต่แท็กซี่โรคจิตก็เยอะเช่นกัน ด้วยความที่เป็นคนเดินทางด้วยแท็กซี่บ่อย ทำให้ฉันเจอแท็กซี่มากมายหลายรูปแบบ เจอจนเพื่อนแซวว่าถ้าเอาไปรวมเล่มเป็นพ็อกเก็ตบุ๊คคงจะได้เล่มหนาเตอะเป็นแน่แท้ เอาล่ะไหนๆก็เจอมาเยอะ ฉันขอหยิบยกบางเคสที่เจอพร้อมวิธีเอาตัวรอดแบบจิตๆมาฝากนะคะ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับใครหลายๆคนบ้าง
แท็กซี่เล่นของสยองยิ่งกว่าหนังผี ตั้งแต่ที่นั่งแท็กซี่มาเคสนี้สะพรึงสุดค่ะ ตอนนั้น 3 ทุ่มกว่าแล้ว ฉันเพิ่งแยกกับเพื่อน พอขึ้นแท็กซี่ตอนแรกนางก็ปกติค่ะ แต่พอฉันนั่งได้สักพัก นางเกิดอาการตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า แถมยังยกขามาขัดสมาสด้วยข้างหนึ่ง ส่วนขาอีกข้างยังทำหน้าที่เหยียบเบรก เหยียบคันเร่งตามปกติ ใจฉันเต้นระรัวยิ่งกว่าตอนเจอชายหนุ่มในอุดมคติเป็นล้านเท่า บอกไงดีคือใจเต้นยิ่งกว่าเจอกระสือยายสายอีกค่ะ! แต่ก็พยายามตั้งสติ ทีนี้นางหนักกว่าเดิม นางขับรถเร็วมากกกก แหกทุกไฟแดง แซงทุกการขับขี่ ราวกับจะประกาศศักดาว่าสมรรถนะรถตัวเองแน่กว่าใคร จากนั้นนางเริ่มมองกระจกหลังด้วยตาขวางๆ ตาเขาแดงก่ำ ฉันรู้เลยว่า ถ้าฉันแหกปากโวยวายนางอาจพาฉันออกนอกเส้นทางแน่ ฉันทำใจดีสู้เสือ นิ่ง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.หาเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงปกติ แล้วก็เนียนบอกพิกัด บอกทะเบียนทำนองให้เพื่อนออกมารับ ระหว่างนั้นก็คุยสลับกับเรื่องชายหนุ่ม ทำตัวเหมือนไม่กลัว แต่เอาจริงโค-ตะ-ระกลัวเลยค่ะ แล้วตอนนั้นยังไม่มีไลน์ แชร์โลเคชั่นไม่ได้ ใจนี่ลุ้นมากว่าจะรอดไหม พออยู่ในย่านชุมชน ฉันจึงบอกให้คนขับจอด เพราะเพื่อนจะมารับต่อ นางยังคงมองตาขวางผ่านกระจกแต่ก็ยอมจอดโดยดี ฉัน: จอดข้างหน้าเลยค่ะ เพื่อนมารอแล้ว (หน้านิ่ง แต่ยังคงถือโทรศัพท์ที่คุยกับเพื่อนอยู่) คนขับ: (หายตัวสั่น แต่ตาแดงและดูแววตากร้าวมาก กำลังหักรถจอด) จังหวะที่ยื่นเงินให้คนขับ เขาให้ฉันหย่อนเงินลงกระป๋อง พอเขาเปิดกระป๋องฉันแทบช็อก! เพราะสิ่งที่เห็นคือตุ๊กตาวูดู คือตุ๊กตาชายหญิงทำจากฟางถูกผูกติดกันด้วยเชือกสีขาว มัดไว้อย่างแน่นหนา! ฉันเคยได้ยินมาว่า ถ้าเจอคนเล่นของห้ามรับของจากเขามันอันตราย ฉันจึงบอกเขาว่า ฉันไม่เอาเงินทอน พร้อมกล่าวขอบคุณเขาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ จากนั้นจึงเดินลงรถ พอก้าวลงมาเท้าติดพื้นเท่านั้นแหละ จ้ำอ้าวเข้าเซเว่นที่ใกล้ที่สุดด่วนเลยค่ะ บรรยากาศจริงมันสะพรึงจนขนลุกขนชันไปหมดที่เล่ามานี่มันยังไม่ถึงครึ่งที่กลัวเลยค่ะ
แท็กซี่มองอย่างโลมเลีย จัดให้เคลียร์จะได้เลิกมอง เคสนี้จะชอบสื่อสารผ่านกระจกมองหลังค่ะ เขาจะมองผ่านกระจกมาที่เราอย่างมีนัยะ มองแล้วยิ้ม มองบ่อยๆจนเรารู้สึกตัว จากนั้นก็จะมีบทสนทนาถามถึงเรื่องแฟนทันที แล้วก็จะถามจี้ไปเรื่อยๆจนเราเริ่มอึดอัด พอฉันรู้สึกผิดปกติ ฉันจึงเริ่มปฏิบัติการปลุกผีในตัวขึ้นมาทันที เนื่องจากเป็นคนผมยาวประมาณเอว ฉันจะค่อยๆนั่งก้มหน้าให้ผมตกลงมาปรกหน้า หรือถ้าวันนั้นมัดผมจะหาจังหวะที่คนขับมองถนน แล้วจึงแอบแก้ยางออกให้ผมรกๆ ฟูๆ แล้วฉันก็นั่งหัวเราะคนเดียวเบาๆ หากเขายังไม่หันมาเจอ เขาจะชวนคุย ฉันจะเริ่มตอบเสียงเย็นๆ จากนั้นคนขับก็จะมองมาที่กระจกมองหลัง เขาจะเห็นฉันนั่งก้มหน้าแล้วก็หัวเราะเป็นระยะ บอกเลยวิธีนี้ฉันใช้ยบ่อยแล้วก็ได้ผลทุกครั้ง เขาจะเลิกชวนฉันคุยทันที และส่งฉันถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ!
แท็กซี่กลัดมันอยากระบายความคันกับสาวเรียบร้อย อ่านถูกแล้วค่ะ แท็กซี่กลัดมันอยากระบายความคันกับสาวเรียบร้อย มันน่าแปลกค่ะ เมื่อไหร่ที่ฉันแต่งตัวเปรี้ยวฉูดฉาดขึ้นแท็กซี่ พวกเขาจะนิ่งเฉย(แต่เปรี้ยวในที่นี้ไม่ได้ใส่เสื้อคว้านร่องอกหรือกระโปรงสั้นกุดขนาดนั้นนะคะ) อาจเพราะบุคลิกเป็นคนมั่นใจ ยิ่งคนขับเห็นทาเล็บแดง ปากแดง เขาคงคิดว่ากร้านโลกเลยไม่ยุ่ง แต่พอเปลี่ยนลุคส์เป็นสาวเรียบร้อย(คือขี้เกียจแต่งไม่ใช่อะไร) ไม่แต่งหน้า ทาลิปกรอสบางๆ ใส่เสื้อแขนยาว กระโปรงคลุมตาตุ่ม แล้วแบกหนังสือพะรุงพะรัง คงดูอ่อนต่อโลกในสายตาคนขับ แล้วเหตุการณ์หื่นๆก็เริ่มต้นขึ้น คนขับ : น้องเคยเที่ยวกลางคืนบ้างหรือเปล่า(ยิ้มแบบกวนๆผ่านกระจก) ฉัน : พี่จะเอาย่านไหนล่ะ (ตอบแบบเซ้ลฟ์จัด) คนขับ : อ้าว!เที่ยวเหรอ เห็นดูเหมือนไม่เที่ยว ฉัน : แล้วทำไมหนูถึงจะไม่เที่ยวล่ะ แท็กซี่ : พี่เคยไปรับคนเที่ยวจากผับ เมามาก เปิดกระโปรงให้พี่ดู แล้วก็ได้กันที่เบาะหน้าเนี่ย แลกกับค่าแท็กซี่ (แล้วนางก็บรรยายฉากอย่างว่าอย่างเมามันส์) ฉัน : เหรอ(น้ำเสียงนิ่งๆ) พี่ไม่กลัวเอดส์เหรอ ใส่ถุงหรือเปล่า? พี่ว่าเขาให้พี่ทำได้ เขาจะไม่ให้คนอื่นเหรอ น่ากลัวนะสมัยนี้(พยายามพูดให้นางระแวงเรื่องโรค) คนขับ : .................(นางเงียบไป) ฉัน : (มโนว่าโทรศัพท์มาด้วยการเปิดระบบสั่น แล้วกดรับ) ว่าไงคะที่รัก(แฟนในมโน) อะไรนะจะรอรับหน้าปากซอย ไม่ต้องค่ะเดี๋ยวหนูจะถึงแล้ว เอ๊ะ!เดี๋ยวนะ นี่พี่ไม่ได้อยู่สน.เหรอ ไหนว่าเข้าเวรไง โกหกอะไรป่ะ เดี๋ยวเราต้องคุยกันนะ(ทำเป็นเสียงเข้ม) แค่นี้นะ (หันไปบอกแท็กซี่) พี่ส่งหนูแค่ปากซอยพอนะ เดี๋ยวผัว(ในมโน)ของหนูเห็นว่านั่งแท็กซี่มา ผัวหนูเขาไม่ชอบให้นั่ง ขี้หึงมาก ครั้งที่แล้วแค่เห็นลงจากแท็กซี่แล้วหนูยิ้มลงไปเขาเล็งปืนมายิงขู่แท็กซี่เลย หนูขี้เกียจมีปัญหา คนขับ : ครับๆ จากนั้นนางก็เงียบตลอดทางเลยค่ะ
แท็กซี่จิตป่วย เราต้องป่วยยิ่งกว่า เคสนี้เป็นแท็กซี่ที่น่ากลัวพอสมควร เพราะเราไม่รู็เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่ เคสนี้เพิ่งเจอมาไม่กี่สัปดาห์นี่เองค่ะ นางบ่นโลกตลอดทาง แล้วยังมองมากระจกหลังเป็นระยะ จากนั้นมีข่าวอาชญากรรมที่นางเปิดวิทยุเอาไว้ดังขึ้น ข่าวรายงานถึงอุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิต 7 ศพ คนขับได้ฟังดังนั้นก็แสดงความป่วยของจิตออกมาทันที คนขับ : 55555555555 ตาย 7 ศพแน่ะ 555555555555555 (หัวเราะสะใจโลกมาก) ฉัน : (เห็นท่าไม่ดีจึงปลุกความเป็นโรคจิตในตัวขึ้นมาทันที) (ฉันนั่งยิ้มมุมปาก พร้อมกับส่งเสียงเป็นระยะ)ฮึฮึฮึ...ฮึฮึฮึ นางเริ่มมองกระจก ฉันแสยะยิ้มอย่างโรคจิตไปให้ แล้วฉันก็เดินเกมส์ต่อ โดยการหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเพื่อนสนิทที่คิดว่ารับมุขได้ทันที ฉัน : มึง...กูอยากทำพิธีถอนคำสาปแช่ง มึงช่วยทำพิธีหน่อย คือคนที่กูเพิ่งทำพิธีแช่งไปกูว่าผลมันแรงไป(เว้นให้ปลายสายพูด) ฮึฮึ ดีมาก เดี๋ยวไปพร้อมกันนะ แต่กูขอดูก่อนว่าต้องถอนใครบ้าง อืม...นี่กูเลือกแช่งแล้วนะ แค่นี้ก่อนนะจะลงแล้ว ขอบใจมาก (น้ำเสียงเรียบๆแฝงความกร้าวนิดๆ สรรพนามต้องมึงกูเพื่อเสริมความอำมหิต) (ฉันกดวางแล้วจ้องโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้มมุมปากเช่นเคยแล้วตามมาด้วยเสียง ฮึฮึ) (แท็กซี่เงียบ ไม่พูดอะไรอีกเลย แล้วเริ่มชะลอรถเข้าข้างทางซึ่งไม่ไกลจากที่ที่จะลงนัก) ฉัน : ตรงนี้ก็ได้ค่ะ (น้ำเสียงราบเรียบ) คนขับ : ครับๆๆ (รีบจอด รีบทอนอย่างรวดเร็ว) ...ถึงโดยสวัสดิภาพ...
ก่อนจากอยากฝากสักนิด ฉันว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะป้องกันตัว เวลาขึ้นแท็กซี่ควรถ่ายรูปเลขทะเบียนที่ติดไว้ด้านข้างประตูฝั่งผู้โดยสาร ถ่ายแล้วส่งไปหาเพื่อนในไลน์เลยค่ะ แล้วก็อย่าลืมแชร์โลเคชั่นเป็นระยะ ที่สำคัญมีสติให้มาก จะช่วยให้คุณปลอดภัยได้ในที่สุดค่ะ