เลือดออกจากจุดซ่อนเร้น แต่ไม่ใช่ประจำเดือน เช็คด่วน อันตรายไหม?

สาวๆ คนไหนที่ประจำเดือนมาแบบผิดปกติ เช่น มามากหรือมาแบบน้อยเกินไป แนะนำว่าไม่ควรปล่อยนิ่งนอนใจเด็ดขาด เพราะอาการผิดปกติเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณอันตรายต่อร่างกาย โดยเฉพาะอาการที่มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด หากใครมีอาการแบบนี้กันบ่อยๆ ต้องรีบมาทำความเข้าใจสาเหตุ อาการและวิธีรับมือรักษาอย่างถูกต้องจะดีกว่า

เลือดออกแบบไหนถือว่าผิดปกติ?

สัญญาณความผิดปกติจากจุดซ่อนเร้นของเรานั้น นอกจากการมีประจำเดือนซึ่งถือเป็นอาการปกติแล้ว โดยผู้หญิงเราจะมีประจำเดือนมาประมาณ 5-7 วัน และมาเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น แต่หากสาวๆ พบว่าคุณมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด อาจจะไม่ได้ไหลแบบต่อเนื่องพลั่กๆ ปริมาณมาก เพียงแค่ไหลซึมออกมาเรื่อยๆ นั่นก็ถือว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว เพราะเป็นไปได้ทีเดียวว่าคุณสาวๆ อาจจะมีเนื้องอกหรือมีติ่งเนื้อเกิดขึ้นช่วงบริเวณปากมดลูกก็เป็นได้ หากเป็นเช่นนั้นจริง แนะนำให้รีบไปพบสูตินารีแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียดจะดีที่สุด

โรคช็อกโกแลตซีสต์ กับอาการที่ควรใส่ใจ

สำหรับโรคที่สาวๆ หลายคนกลัวกันอย่างมากก็คือ ช็อกโกแลตซีสต์ โดยโรคนี้มีสาเหตุการเกิดมาจากการที่เลือดประจำเดือนได้ไหลย้อนขึ้นไปค้างอยู่ภายในมดลูก จนกลายเป็นก้อนสีน้ำตาลเข้มๆ หรือสีเหมือนช็อกโกแลต สำหรับอาการแสดงของโรคช็อกโกแลตซีสต์นั้นอาจจะไม่ได้มีเลือดไหลออกมาให้สาวๆ ได้พบเห็น แต่ที่คุณสามารถสังเกตได้อย่างชัดเจนในช่วงมีประจำเดือนก็คือ จะมีอาการปวดท้องอย่างมาก และยังทวีความปวดรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกเดือน ซึ่งนับเป็นอาการผิดปกติที่ใครๆ ก็สามารถเป็นกันได้

สิวขึ้นจุดซ่อนเร้นหรือโรคเริม สิ่งที่สาวๆ ควรแยกให้ออก

ผิวหนังในบริเวณจุดซ่อนเร้นสาวๆ ก็มีรูขุมขนอยู่เช่นเดียวกันกับผิวส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ยิ่งหากทำความสะอาดได้ไม่ดีเพียงพอก็อาจจะมีเชื้อแบคทีเรียสะสม นำมาซึ่งปัญหาผดผื่นและมีการอุดตันเกิดขึ้นจนกลายมาเป็นสิวอักเสบขึ้นได้เรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สาวๆ ควรแยกแยะให้ออกก็คือ ตุ่มอักเสบที่มีขึ้นมานั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงสิวธรรมดาทั่วไปหรือไม่ เพราะหากสาวๆ ดูแลผิวจุดซ่อนเร้นให้สะอาดเป็นอย่างดี สิวก็จะยุบตัวลงและหายเร็วเหมือนสิวที่ขึ้นตามจุดอื่นๆ ของร่างกาย

นอกจากการเกิดสิวที่จุดซ่อนเร้นแล้ว ยังกลายเป็นสัญญาณของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างโรคเริมก็เป็นได้ โดยหากเป็นโรคเริม ลักษณะอาการก็จะมีตุ่มน้ำพองๆ ใสๆ ผุดขึ้นเป็นกลุ่ม ตามมาด้วยอาการปวดแสบและคันอย่างมาก ในเวลาต่อมาตุ่มนั้นก็จะแตกออกจนกลายมาเป็นแผล มีเลือดไหลออก และเมื่อแผลหายแล้วก็มีโอกาสเวียนกลับมาเป็นซ้ำอีกได้ เมื่อมีปัจจัยกระตุ้น เช่น ขาดสารอาหาร แสงแดด เครียดหรือมีการเสียดสีระหว่างผิวกับเสื้อผ้า อย่างไรก็ตาม หากสาวๆ ไม่มั่นใจว่านั่นคือสิว หรืออาการของโรคเริมกันแน่ แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คอย่างละเอียด และทำการรักษาอย่างถูกต้องต่อไปจะดีที่สุด

จะเห็นได้ว่าการที่มีเลือดออกจากจุดซ่อนเร้นนั้น นอกจากเลือดประจำเดือนที่มาอย่างเป็นปกติแล้ว ปัญหาผิวหนังอย่างสิวหรือโรคเริมก็อาจทำให้เกิดแผลจนมีเลือดไหลซึมออกมาได้อย่างที่สาวๆ ไม่ทันรู้ตัวเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากเกิดความผิดปกติดังกล่าว แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจและรักษาอย่างเหมาะสมต่อไปจะดีกว่าค่ะ

ขอบคุณภาพประกอบจาก : istock