วันนี้ของคุณแม่แฝด 8 : สดใสกว่าที่ใครเคยคาดคิด
เรื่องโดย Localita
หากยังไม่ลืมเธอคนนี้ นาเดีย ซูเลมาน คุณแม่โลกตะลึงผู้สร้างปรากฏการณ์ให้กำเนิดลูกแฝด 8 คนเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เธอเคยผ่านช่วงเวลาที่สังคมรุมตั้งคำถามถึงบทบาทในการเป็นแม่ แม่ที่มีลูกวัยกำลังซนอยู่ก่อนหน้าแล้วถึง 6 คน และเมื่อเธอให้กำเนิดทารกแฝดอีกเกินครึ่งโหล ทำให้เธอต้องกลายเป็นคุณแม่ของทายาท 14 คนจากการผสมเทียมทั้งหมด
หลากหลายเสียงที่สะท้อนมาถึงตัวเธอ ทั้งอึ้ง เห็นใจ ไม่เข้าใจ และไม่พอใจ ระคนกันไป แต่ดูเหมือนทุกคนจะมีเพียงคำถามข้อเดียวที่พุ่งตรงไปยังนาเดีย นั่นก็คือ เธอจะเลี้ยงดูลูกๆ ทั้ง 14 คนของเธอได้อย่างไรด้วยตัวคนเดียวแบบนี้!
แต่จากภาพที่เห็นในวันนี้ของนาเดีย คงบอกได้เ็ป็นอย่างดีว่า เธอคงไม่ต้องการความเห็นใจหรือสงสารอีกต่อไปแล้ว เมื่อได้เห็นนาเดียกับลูกๆ ของเธอเอนจอยกับการพักผ่อนริมชายหาดแบบนี้ ด้วยใบหน้าอิ่มเอิบสดใสซะขนาดนี้ คงเป็นคำตอบให้กับทุกๆ คนว่าเธอน่าจะกำลังมีความสุขดี หลังจากตกกระไดพลอยโจนกลายเป็นแม่แฝด 8 ให้สื่อทั่วโลกรุมเกาะติดชีวิตจนทำให้นาเดียกลายเป็นคนดังชั่วข้ามคืนไปโดยปริยาย
จากหญิงสาวจนๆ ที่เคยต้องอาศัยเงินสวัสดิการจากแม่ของเธอเองในการรับภาระเลี้ยงดูลูกๆ เซ็ตแรกทั้ง 6 คนก็ถือเป็นมรสุมย่อมๆ ในครอบครัวอยู่แล้ว เมื่อนาเดียตั้งครรภ์แฝดอีก 8 คน เธอจึงถูกครอบครัวขู่ว่าจะหยุดให้ความช่วยเหลือ เลิกเจียดเงินสวัสดิการเพื่อเลี้ยงดูลูกๆ ของเธออีกต่อไป แต่ในวิกฤติก็ยังมีโอกาส นาเดียใช้แสงแฟลชและกล้องโทรทัศน์เป็นผู้จัดการชีวิตใหม่ของเธอกับลูกๆ ทั้ง 14 ด้วยการตอบตกลงเซ็นสัญญากับสถานีโทรทัศน์ทำรายการเรียลลิตี้โชว์เกาะติดชีวิตคุณแม่แฝด 8 ในบ้านของเธอที่แคลิฟอร์เนียเป็นเวลา 3 ปี ด้วยจำนวนเงินถึง 152,000 ปอนด์ ซึ่งก็คงเพียงพอกับการใช้จ่ายเพื่อเลี้ยงดูลูกๆ 14 คน ได้ไม่น้อย นอกจากนี้เธอก็ยังมีโครงการที่จะทำธุรกิจเกี่ยวกับของสะสมโดยมีแบรนด์ Octomum เป็นเครื่องหมายการค้า เผื่อวันข้างหน้าที่เธอและลูกๆ จะต้องหายไปจากจอทีวี
ท่ามกลางความเป็นแม่ที่หลายคนยังกังขาว่าเธอตั้งใจมีลูกเยอะๆ เพราะความรัก หรืออยากมีชื่อเสียงเงินทองและความเป็นอยู่เยี่ยงดารา เราก็ได้แต่หวังว่า เธอจะฝ่าเสียงนินทา และวางอนาคตที่สดใสให้กับลูกๆ ทั้ง 14 คน ให้เติบโตอย่างสวยงาม
เพราะเด็กทุกคนก็ต้องการความรักความเอาใจใส่ ไม่ว่าพวกเขาจะลืมตาดูโลกพร้อมกับปัญหาใดๆ ที่ผู้ใหญ่สร้างไว้ก็ตามที
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก www.dailymail.co.uk