เปิดเวทีนางสาวไทย 2552
"ทอแสงงามแห่งจิตใจ" เป็นแนวคิดในการคัดสรรนางสาวไทย ประจำปี 2552 นอกเหนือจากรูปสมบัติ คุณสมบัติ และปัญญา ล่าสุด บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) นำโดย ธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ร่วมกับ สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ นำโดย ตันติ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ อุปนายกสมาคมฯ ได้จัด "งานแถลงข่าวการประกวดนางสาวไทย ประจำปี 2552" เพื่อค้นหาหญิงไทยที่งามพร้อมทั้งภายนอกและภายใน ดำรงตำแหน่งนางสาวไทย ปี 2552 และดำรงตำแหน่ง "ทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว" ภายใต้แนวคิด "ทอแสงงามแห่งจิตใจ" สานต่อเจตนารมณ์ในการพัฒนาคุณภาพบุคคล ให้อุดมคุณค่าด้วยปัญญา ควบคู่กับความงามที่เปล่งประกายจากจิตใจ ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ถ.รางน้ำ โดยมี พรรณประภา ยงค์ตระกูล นางสาวไทยประจำปี 2551, ร้อยตรีหญิงชโลธร ชัยชมพู รองนางสาวไทยอันดับ 1 และวรรณกร กองเมือง รองนางสาวไทยอันดับ 2 มาร่วมแสดงแบบชุดราตรีสั้น หรือชุดค็อกเทล ที่จะใช้สวมใส่ในรอบ 18 คนสุดท้าย ซึ่งตัดเย็บจากผ้าฝ้ายทอมือของจิตรลดา
นายธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "บมจ.อสมท ประสพความสำเร็จอย่างดียิ่ง สำหรับการประกวดนางสาวไทย ประจำปี 2551 ที่มีผู้เข้าประกวดร่วม 500 คน ซึ่งการประกวดนางสาวไทยยังถือเป็นกิจกรรมสำคัญระดับประเทศ โดยในการประกวดนางสาวไทย ประจำปี 2552 นี้ อสมท จึงได้ระดมสื่อทุกช่องทางที่มีอยู่ในเครือร่วมประชาสัมพันธ์เต็มที่ ตั้งแต่เริ่มรับสมัครทางเว็บไซต์และที่สถานี รอบคัดเลือก กิจกรรมต่างๆ แบบเรียลลิตี้ โดยประชาชนสามารถใกล้ชิดผู้เข้าประกวดและให้กำลังใจผ่าน Blog ร่วมถึงการส่ง SMS ตลอดจนชมการถ่ายทอดสดในรอบตัดสินทาง โมเดิร์นไนน์ หรือติดตามผ่านวิทยุในเครือ"
ความพิเศษและความแตกต่างในการประกวดนางสาวไทยในปีนี้ ประกอบด้วยการได้รับเกียรติจากร้านจิตรลดา ในการมอบเอกสิทธิ์ผ้าไหมพิมพ์ลายพิเศษ "รักไม่รู้โรย" ซึ่งออกแบบใหม่ เพื่อฉลองวโรกาสครบรอบ 60 ปี บรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นำมาออกแบบและตัดเย็บให้กับสาวงามผู้
เข้ารอบตัดสิน 3 คน สุดท้าย ตลอดจนตระเตรียมชุดผ้าฝ้ายทอมือจากจิตรลดาอื่นๆ ให้แก่ผู้เข้าประกวดรอบ 18 คนสุดท้ายได้โชว์บนเวทีอันทรงเกียรติแห่งปี นอกจากนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ผู้เข้าประกวดจะได้รับการเวิร์คชอปเทรนนิ่งเรื่องของจิตใจพร้อมตอบคำถาม เพื่อดึงตัวตนและจิตใจใต้สำนึกที่แท้จริง ซึ่งสำคัญยิ่งมาเป็นส่วนประกอบในการให้คะแนนตัดสิน อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกบนเวทีประกวดนางงามที่มีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิและคอมเม้นเตเตอร์ เพื่อมาฝึกอบรม แนะนำ ปรับปรุง แก้ไข ในเรื่องบุคลิกภาพ การแต่งกาย มารยาทไทย
ธาริณี กฤดากร ณ อยุธยา นายกสมาคมสตรีไทยแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ หนึ่งในวิทยากรและคอมเม้นเตเตอร์ เผยว่า "สิ่งที่ผู้เข้าประกวดจะได้รับการอบรมในครั้งนี้คือ เรื่องของการเข้าสังคม มารยาทไทย เพราะนางสาวไทยยังต้องมีภารกิจในการทำหน้าที่ทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว นอกเหนือจากความสวย ไหวพริบปฎิภาณแล้ว การพูดจา การมีสัมมาคารวะ ความอ่อนน้อมถ่อมตน และยิ้มสยาม สิ่งเหล่านี้คือความงดงาม เป็นเสน่ห์ของหญิงไทย ที่ปัจจุบันเสน่ห์เหล่านี้กำลังจะสูญหายไปจากหญิงไทย" ในขณะที่ ตรีดาว อภัยวงศ์ รองเลขาธิการจากสมาคมสตรีไทยแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เสริมว่า "จะเน้นบุคลิกภาพ เพราะนางสาวไทยไม่เพียงมีหน้าที่แค่ในตำแหน่งเท่านั้น หากยังเป็นตัวอย่างที่ดีแก่คนในสังคม โดยเฉพาะเยาวชน ดังนั้น จึงควรเพียบพร้อมด้านบุคลิกภาพเพราะเป็นสิ่งที่สะท้อนความงามจากจิตใจอย่างแท้จริง"
นวลพรรณ โอสถานนท์ หนึ่งในวิทยากร ที่จะมาเทรนนิ่งผู้เข้าประกวดเกี่ยวกับการแต่งตัว เผยว่า "การเลือกเครื่องแต่งกายเป็นเรื่องที่สำคัญมากด้วยเช่นกัน ยิ่งเมื่อได้รับตำแหน่งนางสาวไทย ยิ่งต้องมีความพิถีพิถันในเรื่องของการเลือกเสื้อผ้า เพื่อให้ถูกกับกาลเทศะ ลักษณะของงานนั้นๆ ที่จะไปร่วมงาน รวมถึงบางครั้งการเลือกเสื้อผ้าก็ต้องให้เหมาะสมกับรูปร่างของตัวเราเองด้วยเช่นกัน"
สำหรับสาวงามที่สนใจ สามารถสมัครได้ทาง www.mcot.net/missthailand2009 ตั้งแต่วันนี้ - 2 ตุลาคม 2552 หรือสมัครด้วยตนเองได้ในวันที่ 2-4 ตุลาคม 2552 ที่บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ถ.พระราม 9 และจะทำการคัดเลือกจากผู้สมัครทั่วประเทศเหลือ 124 คน , 40 คน และ 18 คน ในวันที่ 10 - 12 ตุลาคม 2552 ตามลำดับ
โดยผู้ผ่านเข้ารอบ 18 คนสุดท้าย จะได้เข้าเก็บตัวที่พัทยา จ.ชลบุรี และกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 18-27 ตุลาคม 2552 และประกวดรอบตัดสิน ในวันที่ 28 ตุลาคม 2552 ณ โรงละครอักษรา ถ.รางน้ำ