ประไพศรี ศรีนาทม มือเขียนบทโทรทัศน์มาแรง : ฉันไม่เคยทำ แต่ฉันเชื่อว่าต้องทำได้

ประไพศรี ศรีนาทม มือเขียนบทโทรทัศน์มาแรง : ฉันไม่เคยทำ แต่ฉันเชื่อว่าต้องทำได้

ประไพศรี ศรีนาทม มือเขียนบทโทรทัศน์มาแรง : ฉันไม่เคยทำ แต่ฉันเชื่อว่าต้องทำได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อัจฉรียา หรือ "คุณไก่" ประไพศรี ศรีนาทม น้องใหม่ในวงการโทรทัศน์ในด้านการเขียนพล็อตบทประพันธ์และเขียนบทโทรทัศน์ที่กำลังมาแรง มีนามปากกาหลากหลายที่ใช้ในการเขียนบทละคร แต่ถ้าชื่อ อัจฉรียา นั่นคือการเป็นเจ้าของบทประพันธ์ และแน่นอนก็ย่อมเป็นผู้เขียนบทเอง

ด้วยระยะเวลาเพียงแค่ 3 ปี (2550-2552) ผลงานที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมิรู้จบ อาทิ แรมพิศวาส, เทพบุตรชุดวิน, สาวน้อยร้อยล้าน, ดาวเปื้อนดิน, สุภาพบุรุษซาตาน ฯลฯ และล่าสุดที่เพิ่งจบไป รอยรักรอยบาป

ถ้ามองด้วยระยะเวลาเพียงแค่ 3 ปี กับผลงานที่พิสูจน์ตนเอง ถือว่าเธอประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็ว ฉะนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่คนจะตั้งคำถามว่า เธอเป็นใคร มาจากไหน???? คุณไก่ ประไพศรี ใช้ความพยายามที่จะเดินทางไปสู่ฝันที่เธอปั้นเองได้ตามใจปรารถนานั้น เธอใช้เวลานับ 10 ปี ไม่ต้องมีปริญญาบัตรอักษรศาสตร์ หรือนิเทศศาสตร์ แต่สาวรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็สร้างงานคุณภาพและเป็นที่ยอมรับได้

 

 

วันนี้เรานัดพบกับคุณไก่ ซึ่งไม่ง่ายเลย เพราะคิวของเธอไม่แพ้คิวทองของนางเอกดังทีเดียวล่ะค่ะ แต่วันนี้เธอพาคุณแม่ไปตรวจสุขภาพก่อนเดินทางไปเที่ยวฮ่องกงที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ หน้าที่พาคุณแม่ไปพบคุณหมอ คุณไก่ส่งต่อให้คนรักของเธอที่คบหากันมา 3-4 ปี ซึ่งมองดูแล้วเหมือนเป็นลูกชายคนหนึ่งของคุณแม่คุณไก่เลย

"ตอนไก่เป็นเด็กๆ ที่บ้านจะรักการอ่านมาก ทั้งคุณแม่ พี่สาว พี่ชาย" คุณไก่เปิดม่านการสนทนาด้วยรอยยิ้มที่บ่งบอกได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ใจดี มีความเป็นมิตร ที่ไม่ปิดกั้นความรู้สึก

"พี่สาวไก่ชอบอ่านนิตยสาร ทราย, เธอกับฉัน (ในยุคนั้น) พี่สาวจะเขียนเรื่องสั้นส่งไปที่หนังสือแล้วได้เงินค่าต้นฉบับ เราก็มีความรู้สึกว่า อุ๊ย! ได้ตังค์ด้วยเหรอ ก็เลยอยากเขียนบ้าง ตอนนั้นเขียนแค่ 6 หน้า A4 ได้เงินค่าเรื่อง 500 บาท พอพี่สาวไม่เขียน ไก่ก็เลยเขียนต่อ แล้วได้ลงเป็นแบบเรื่องสั้น 3 ตอนจบ 5 ตอนจบ และเป็นเรื่องชุด 13 ตอน หรือ 15 ตอนจบเนี่ยแหละ ในนิตยสารทราย ตั้งแต่เรียน ม.ปลาย เขียนมาเรื่อยๆ จนเข้ามหาวิทยาลัยก็ยังเขียนอยู่ ตอนนั้นมี หนังสือไยไหม หนังสือกลอน ไก่ก็เขียนส่งไป และได้รวมเล่มกลอนกับสำนักพิมพ์อะไรจำไม่ได้ ชื่อ ลำบากใจถ้าไม่รัก ตอนนั้นใช้นามปากกาว่า เพชรลัดา และมีรวมเรื่องสั้นของตัวเองชื่อว่า ความคิดถึง กับสำนักพิมพ์ทอฝัน"

เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัย และได้ทำงานกับ อรพรรณ วัชรพล ตำแหน่งครีเอทีฟรายการ สมาคมชมดาว แต่คุณไก่ก็ยังไม่ทิ้งงานเขียน จากหนังสือกลอน เรื่องสั้น เรื่องยาว เธอมีความฝันต่อเนื่องถึงการเขียนพล็อตและบทละคร

"ตอนนั้นไก่ทำงานอยู่กับ พี่นิด (อรพรรณ วัชรพล) เป็นครีเอทีฟสมาคมชมดาว ก็ได้เจอกับพี่คิงที่มาทำงานกับพี่นิด ช่วงนั้น พี่คิง (สมจริง ศรีสุภาพ) เป็นผู้กำกับฯ ดัง เราก็จะวิ่งเข้าไปทัก บอกเขาว่าเราอยากทำละคร อยากส่งพล็อต ช่วงนั้นเราไม่มีความรู้เรื่องการทำละคร แค่อยากส่งพล็อตเรื่องให้เท่านั้น พอดีพี่คิงต้องการคนเขียนบทหน้าใหม่ ซึ่งเขาก็มีน้องๆ ที่เขียนอยู่แล้ว พี่เขาก็ให้ไก่ไปเขียนเรื่องในจินตนาการของตัวเอง ไก่ก็เลยเขียนมาเป็นบทมาส่ง พี่คิงเขาดูแล้วเห็นเรามีไดอะลอกมีอะไรด้วย ก็ทำพล็อตมาส่ง ส่งเป็นสิบๆ เรื่องเลยนะ แต่ก็ไม่ผ่าน"

จากการส่งพล็อตเรื่องให้คุณคิงดูนับ 10 เรื่อง แม้ไม่ผ่านก็ยังพยายามต่อ จนได้โอกาสในเรื่อง ยอดยาหยี

"แต่ก็ยังส่งต่อไปเรื่อยๆ เพราะเขาให้โอกาสแล้ว พี่นิดกับพี่คิงเขาก็เลือกเรื่อง ยอดยาหยี ขึ้นมา พอเรื่องนี้ได้เลือกก็เริ่มมีการเขียนบท ไก่เขียนไม่เป็น พี่คิง กับ พี่เติม (ชนินทร ประเสริฐประสาท) ก็มาช่วยสอนให้ที่ออฟฟิศ ได้ทำเรื่องนี้รู้สึกว่าเราเป็นภาระของคนอื่น เพราะเรายังไม่แข็งแรง ไก่จึงกลับมาทำสมาคมชมดาวต่อ ทิ้งเรื่องยอดยาหยีให้คนอื่นทำต่อ เท่ากับว่าเราได้ส่งบทแค่พล็อตเรื่องเอา พวกพี่ๆ ช่วยกันเขียนบท...พล็อตมันเป็นของเรา แต่เราทำงานประจำที่หนักมากอยู่ สมัยก่อนคอมพิวเตอร์ก็ไม่มี ต้องอาศัยใช้ที่ออฟฟิศหลังเลิกงาน ทำจนกระทั่งเช้า พอเช้าก็ต้องมาทำงานประจำ ซึ่งมันเป็นงานที่หนักมาก เราเองเราก็รู้ว่าเราไม่เป็น ไม่แข็งแรงพอถ้าไม่มีคนช่วยประคอง ไก่ก็กลับมาทำสมาคมชมดาวนานหลายปี จากนั้นก็ลาออก มาทำงานกับ พี่เช็ค (สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ) จากนั้นก็มาทำกับ คุณณวัฒน์ อิสระไกรศรี แต่ก็ยังทำพล็อตส่งอยู่"

แต่หัวใจของเธอยังไขว่คว้า และมิได้หยุดนิ่งถึงงานเขียนเลย แม้ทำงานประจำ คุณไก่ส่งงานถึงที่ในแต่ละบริษัทและผู้จัดละคร เธอหาโอกาส ไม่ได้นิ่งนอนใจให้โอกาสเดินมาหา

"ไก่อยากเป็นนักเขียนตั้งแต่เด็กๆ ก็เลยรู้สึกว่า เอ๊ะ ! ทำไมเราไม่นิ่งสักที เลยตัดสินใจว่าเราต้องเริ่มแล้วละมั้ง ตอนนั้นทำงานเป็นฟรีแลนซ์ วิ่งรอกเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับคุณณวัฒน์ ในรายการ ก่อนถึงจันทร์ งานแน่นเอี๊ยดทุกวัน ก็เลยตัดสินใจลาออกจากคุณณวัฒน์ แล้วส่งพล็อตไปกับ...แทบจะทุกผู้จัดละคร ทั้ง พี่หลุยส์ ดาราวิดีโอ, "พี่ติ๋ม" เพ็ญลักษณ์ อุดมศิลป์ พี่เขาก็ถามว่าสนใจการเขียนบทมั้ย เราบอกว่าสนใจ เขาก็ให้เขียนตัวอย่างเรื่อง ลูกไม้ไกลต้น จากนั้นก็เขียนเรื่อง หลงทางรัก โดยมีพี่ติ๋มช่วยดูแลบทให้ จากนั้นก็ได้มาทำกับพี่คิงในเรื่อง สาวน้อยร้อยล้าน, แรมพิศวาส"

จากวันนั้นที่ได้ลอง ยอดยาหยี แต่ไปไม่ถึงฝั่ง พอได้รับโอกาส ทุกอย่างกลับมาสู่ความสำเร็จ

"แต่ถ้าดูจากยอดยาหยีแล้ว จนถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 10 ปี ณ วันนั้นที่ไก่เขียนไม่เป็นเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ณ วันนี้ เราเขียนเป็นได้อย่างไร ช่วงนั้นก็มีพี่คิงสอน พี่เติมสอน พี่ติ๋มสอน มันเหมือนกับครูพักลักจำ พี่ๆ ได้สอน ได้ปั้นให้ทำ สุดท้ายเราก็ได้เรียนรู้จากพี่ๆ ที่ช่วยผลักดัน ช่วยกันสอน จนเราคลิกของเราเอง ไก่ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร มันเกิดขึ้นของมันเอง"

จากกุ๊กกิ๊ก คอมเมดี้ แต่แรมพิศวาส เป็นแนวพีเรียด เราเป็นเด็กรุ่นใหม่ ทำไมเขียนออกมาแบบนี้ ทั้งที่เป็นละครน้ำเน่า

"ลองสังเกตงานของ อัจฉรียา ทุกเรื่องจะเป็นในแนวเข้มข้น ไก่ไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนดี แต่มันก็เป็นสไตล์ของไก่ อย่างใน ดาวเปื้อนดิน, รอยรักรอยบาป ก็เป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไก่ต้องเป็นอย่างนี้เพราะ เทพบุตรชุดวิน ก็คอมเมดี้ เจ้าสาวผมไม่ใช่ผี ของพี่กอบสุขก็คอมเมดี้ และมีอีกหลายเรื่องที่เป็นคอมเมดี้ แต่คนที่จะจำภาพลักษณ์ของไก่ก็คือเรื่องที่เข้มข้น รุนแรง มีอะไรที่น่าติดตาม

...ไก่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแรงบันดาลใจมันเกิดจากตรงนั้น รู้สึกว่าอยากทำอะไรที่มันสนุก ฉีกไปจากแนวเดิม ความรู้สึกตอนนั้น มันเหมือนอายุเราก้ำๆ กึ่งๆ จะเป็นเด็ก จะเป็นผู้ใหญ่ เหมือนกับว่าเราผ่านวัยเด็กมาแล้ว เราก็อยากเขียนอะไรที่มันสนุก มันส์ ฉีกๆ หน่อย อย่างแรมพิศวาสช่วงนั้นละครแบบนี้ไม่มี พอมีขึ้นมาก็ทำให้ละครสนุก ประสบความสำเร็จมาก"

รู้สึกอย่างไรกับเรื่องที่ต้องเป็นพล็อตของเรา เขียนบทเอง สร้างงานเอง แล้วมันระเบิดเทิดเทิง ไปที่ไหนคนก็พูดถึง

"จริงๆ เราก็แค่ฟันเฟืองเล็กๆ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็โดนก่อน (หัวเราะเบา) ถ้าถามถึงความภูมิใจ ไก่ภูมิใจมาก (เน้นคำ เน้นเสียง) เพราะคำว่า รากราคะ (ใน แรมพิศวาส) ดังไปทั้งเมือง มีคนมาถามหารากราคะกับไก่ด้วยนะคะ ซึ่งมันก็ไม่ได้มีอยู่จริง มันเป็นแค่จินตนาการของเราเอง มันเป็นงานของเราเพียวๆ มันเป็นเหมือนตัวตนของเรามาก ซึ่งต้องขอบคุณพี่คิงมากๆ ที่ให้โอกาส

...ต้องยอมรับเลยว่าพี่คิงกับพี่นิดเปิดโอกาสให้ไก่ได้เขียนบทแบบนี้ ถ้าสังเกต บทแบบนี้จะไม่มีในตอนนั้น แต่ได้คนทั้งสองเปิดโอกาสให้เราได้เขียน ถือว่าเป็นการลองผิดลองถูก มันเป็นพล็อตของไก่ล้วนๆ...ก่อนหน้านี้ชื่อเรื่องว่า มารมธุรส แต่พี่คิงเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า แรมพิศวาส ต้องขอขอบคุณสองท่านนี้และช่อง 3 ที่เลือกเรื่องนี้ขึ้นมา และเปิดโอกาสให้ไก่ได้ปล่อยของได้เต็มที่ โดยมีพี่คิงช่วยประคอง...ถ้าสังเกตเรื่องดีๆ จะเห็นว่ามีฉากล่อแหลมเยอะ แต่ถ้าดูถึงแก่นเรื่อง เขาก็ปล่อยให้ผ่าน ทำภาพให้ดูซอฟต์ลงไป

พูดได้เลยว่า แรมพิศวาส ทำให้ไก่ประสบความสำเร็จ และเป็นประกาศนียบัตร การันตีผลงานตามมา

"ใช่ ถือว่าประสบความสำเร็จมาก งานเยอะมาก ในปี 50 ไก่ถือว่าตัวเองโชคดี และเรื่อง แม่ครัวคนใหม่ ที่ไก่เขียนบทโทรทัศน์ของพี่กอบสุข จารุจินดา ก็ทำเรตติ้งได้ดีมาก เป็นเรตติ้งที่สูงที่สุดของช่อง 3 ในปีนั้น แต่เป็นบทประพันธ์เดิม ไม่ใช่พล็อตของไก่ มันเป็นการฉีกแนว โอเค. ไก่เขียนดราม่าเข้มข้น ขณะที่ไก่ก็เขียนคอมเมดี้ควบคู่กันไปได้ด้วย อย่างแรมพิศวาสออกฉายประมาณพฤษภา แม่ครัวคนใหม่ประมาณสิงหา-กันยา ภาพของเรามันได้หลายแบบ พี่ผู้จัดฯ ก็กรุณาส่งงานให้ทำเรื่อยๆ

...อย่างพี่กอบสุขก็ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่สนใจ ก็หาเบอร์โทร. โทรไปหาที่บ้าน ได้คุยกับคุณย่า (พจนา จารุจินดา) คุณย่าน่ารักมาก คุณย่าให้เบอร์พี่กอบสุขมา...ตอนนั้นไก่ยังไม่มีงานทำ ก็โทร.ไปคุยกับพี่เขา บอกว่าพี่กอบสุขคะ ไก่อยากทำละคร เราก็คุยรายละเอียดกับเขา แล้วส่งพล็อตไปให้เขาดู เขาก็อ่านและเลือก เจ้าสาวผมไม่ใช่ผี แต่พี่เขาส่งเรื่อง แม่ครัวคนใหม่ มาให้ไก่ทำก่อน ให้เราเอาไปอ่าน ไปย่อ และตีความออกมา ไก่ก็เอามาย่อและตีความตามแบบของไก่ ไก่โชคดีที่ได้ ลุงเล็ก (ณรงค์ จารุจินดา) มาช่วยสอน ลุงเล็กก็มุกระเบิดระเบ้อ ถือว่าแกเป็นครูของไก่เลยนะ ช่วยเติมมุกให้"

ในช่วง 10 ปีแม้จะยาวนาน ที่จะช่วยสร้างฝันของวัยเด็ก แต่มาถึงวันนี้ถือว่าเร็วมาก

"ไก่ไม่อยากใช้คำว่าเร็ว ไก่ถือว่ามันใช้เวลานาน แต่ ณ วันหนึ่งที่ผลตอบแทนที่เราไม่ทิ้งมัน และเราตั้งใจจริง ถือว่ามันคุ้ม และภาคภูมิใจมาก...แต่ 10 ปีนั้น กี่เรื่องที่ถูกทิ้งถังขยะ ไก่บอกได้เลยว่าไก่ไม่ทิ้ง พล็อตเรื่องของไก่มากกว่า 50 เรื่องที่ถูกทิ้งถังขยะ ทุกช่อง แต่ไก่ไม่ท้อ ไก่ก็คิดว่า...ทำไมล่ะเขาถึงจะต้องสนใจเรา โอเค. เรื่องนี้คุณไม่ชอบใช่มั้ย งั้นหนูส่งเรื่องใหม่ให้ พี่อย่าเบื่ออ่านเรื่องหนูแล้วกัน

...ไก่ถึงบอกว่า 10 ปีมันยาวนานสำหรับเรา ผลงานเราไม่ได้ผ่านการพิจารณา แต่ถ้าถามว่าท้อมั้ย ไม่ท้อนะ ทำไปเรื่อยๆ...ณ วันนี้ คนในวงการก็ถามกันว่า ไก่เป็นใคร มาจากไหน อยู่ๆ ก็มีชื่อเสียงขึ้นมา อยากจะบอกว่า ณ 10 ปีที่แล้ว เราส่งงานมากี่ชิ้น เราต้องเสียน้ำตาไปกี่หยด งานไก่บอกได้เลยว่าไม่ต่ำกว่า 50 ชิ้นที่โดนทิ้งลงถังขยะ ถามดูได้เลยว่าผู้จัดฯ คนไหนที่ไก่ส่งเรื่องไปแล้วเขาไม่พิจารณา...ไก่ไม่ได้เสียใจเลยนะ ไก่ทุ่มเทตลอด ปีสองปีที่ผ่านมามีคนเริ่มเห็นชื่อไก่ มันคือผลตอบแทนกับไก่อย่างคุ้มค่า ไก่รู้สึกว่าตอนนี้คนเลือกใช้ไก่ที่ผลงาน ต้องบอกว่าขอบคุณผู้จัดฯ ทุกค่ายที่ร่วมงานกับไก่ และพี่ๆ แต่ละคนก็มีส่วนปั้นไก่ และให้โอกาสไก่ คนนั้นให้โอกาสจุดนี้ คนนี้ให้โอกาสจุดนั้น มันทำให้ไก่พอเดินได้ แต่พี่ๆ ก็ยังคอยประคองส่งงานให้อยู่ ถ้าไม่มีพี่ๆ ช่วย งานเราก็ไม่ต่อเนื่อง พี่ๆ ทุกคนก็ยังให้ความไว้ใจ ให้ทำงานอยู่เรื่อยๆ"

 

 

4 ท่านในวงการที่คุณไก่ ย้ำเสมอว่าคือผู้มีพระคุณ

"ผู้ที่โอบอุ้มไก่มาตอนนี้มีอยู่ 4 เจ้า ที่สามารถพูดเรื่องงานให้เราได้เลย ขอบคุณมากๆ กับ พี่นิด อรพรรณ, พี่คิง สมจริง, พี่หลุยส์ ดาราวิดีโอ และ พี่กอบสุข ขอบคุณช่อง 3 ช่อง 7 ที่ทำให้ไก่มีงานทำ เรียกใช้ไก่เมื่อไหร่ไก่ก็ต้องทำงานให้เขา

...พี่หลุยส์เป็นคนน่ารักมากๆ หลงทางรัก ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ถึงกับแป๊ก แต่ไม่ดังเปรี้ยง เรตติ้งแค่ 16 ถ้าพี่หลุยส์จะไม่เลือกใช้ไก่อีก ไก่ก็เข้าใจ แต่พี่เขาเป็นคนน่ารักนะ จบจากเรื่องนั้นเขาไม่ได้ติดต่อไก่อีกเลย จนวันหนึ่งพี่หลุยส์มาบอกว่า พี่มีเรื่อง ฟ้ามีตา ตอนนั้นพี่เขาไม่รู้ว่าไก่เขียน แรมพิศวาส อยู่ อย่างที่บอกไก่ใช้นามปากกาเยอะ พี่หลุยส์จึงไม่ค่อยรู้ว่า ไอ้ไก่มันเขียนอะไร ทำอะไรอยู่ พี่หลุยส์ก็บอกว่า ฟ้ามีตา เรื่องนี้เหมาะกับเรามากเลย เขียนมั้ย ไก่ก็ตอบว่า "ค่ะ" นึกดีใจที่พี่หลุยส์ยังไม่ลืมเรา จนเขาได้รู้จากพี่ติ๋มว่าเราเขียนเรื่องแรมพิศวาส เขาก็ตกใจ แบบว่าเราดังแล้ว แต่ให้มาเขียนเรื่องเล็กๆ...พอเขียนออกไป ฟ้ามีตา ประสบความสำเร็จมาก ขึ้นปีที่ 3 แล้ว เรตติ้งยังดีอยู่

...ไก่รู้สึกชื่นใจที่พี่หลุยส์ยังไม่ลืมเรา เขาไม่รู้เลยว่าเราเขียน แรมพิศวาส ทั้งที่ละครออนแอร์และจบไปแล้ว พี่เขาไม่รู้เลย เขาคิดว่าเราคงไปทำอย่างอื่นแล้วมั้ง พอเขาเห็นว่ามีเรื่องที่เหมาะสมกับเรา เขาถึงเรียกไก่มาใช้ ทำให้เรารู้สึกขอบคุณพี่หลุยส์ที่ยังไม่ลืมไก่...2-3 ปีที่ผ่านมา พี่หลุยส์ไม่ได้ลืมไก่ ละครหลังข่าวเป็นการแข่งขันที่สูงมาก ไก่เข้าใจพี่เขา"

งานของ อัจฉรียา แม้จะแรง อาทิ รอยรักรอยบาป ที่เพิ่งจบไปอย่างงดงาม และสะท้อนให้เห็นเวรกรรม ซึ่งคุณไก่ได้ขยายความให้เห็นอย่างแจ่มชัด

"ใครอาจจะมองว่างานไก่แรง ตั้งแต่เรื่องแรมพิศวาสมา ไก่เน้นเรื่องเวรกรรมมาตลอด แต่ในเรื่องนี้จะออกแนวฉูดฉาด หน่อย บุษกร เป็นตัวชูโรง ความร้ายถูกกลบในสิ่งที่เราจะนำเสนอ จนมาถึง รอยรักรอยบาป ถ้าใครได้ดูตั้งแต่ต้น ตัวร้ายจะต้องได้รับจุดจบตอนอวสาน ระย้า (โสภิตนภา ชุ่มภาณี แสดง) ต้องอยู่อย่างหลอกหลอน ความทุกข์ทรมาน หวาดระแวงกับความผิดที่ตัวเองทำมาตลอด ซ้ำร้ายคนที่ตัวเองไปฆ่าเขา กลับมาเกิดเป็นลูกของตัวเอง ทุกข์ใดของคนเป็นแม่ที่ลูกมาเป็นเจ้ากรรมนายเวร ระย้าต้องทนทุกข์มาตลอด
...อย่าง หลวงวิสุทธิ์ (อัมรินทร์ นิติพน แสดง) เป็นคนมากชู้หลายเมีย ทำให้คนเป็นพ่อไม่ได้รับความรักจากคนเป็นลูก...ในเรื่องหลวงวิสุทธิ์ไปข่มขืน จวน (อคัมย์สิริ สุวรรณศุข แสดง) คนที่ไม่ได้มีใจให้ แต่คุณใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงรังแก เขาผูกใจเจ็บคุณ เขาย้อนกลับมาเป็นลูกคุณ เขาไม่ให้ความเคารพคุณ หรือแม้กระทั่ง แก้ว (ณิชานันท์ ฝั้นแก้ว แสดง) คุณหลวงก็เอาไปให้คนอื่นเลี้ยง สรุปก็คือ แก้วไม่ยอมรับคุณเป็นพ่อ มันเป็นกรรมของคน

...ในเรื่องนี้ไก่ต้องการสะท้อนให้เห็นเรื่องเวรกรรม ถ้ามีผู้ชายสักคนดูคือดูละครเรื่องนี้แล้วต้องย้อนดูตัว อย่างฉากที่ลูกด่าพ่อ จริงๆ ไม่ได้ด่า แต่บอกว่า คนที่ให้กำเนิดเขามา กับคนที่เลี้ยงกันมา เขารักคนที่เลี้ยงดู แต่ไม่รักคนที่ให้กำเนิดคือพ่อ มันก็เหมือนเวรกรรมมีจริง...ก็มีคนถามว่า หลวงวิสุทธิ์จะได้รับกรรมอย่างไร ระย้าจะได้รับกรรมอย่างไร นั่นมันคือกรรมทางด้านกายภาพ ภายนอก แต่กรรมจากภายในที่เกิดจากจิตใจที่หนูยิ้มด่าพ่อตลอดเวลา...และพระเอกของไก่พานางเอกไปสู่ความหลุดพ้น พ่อกล้า (ชนะพล สัตยา แสดง) พานางเอกไปวัด พ่อกล้านั้นแม้แต่มือนางเอกยังไม่เคยจับ เพราะเขาให้เกียรติผู้หญิง เป็นลูกทาสที่เคารพนายอย่างที่สุด แม้วินาทีสุดท้ายพ่อกล้าก็พาไปบวช ความรักที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่การครอบครองมาเป็นของตน ความรักของพ่อกล้ายิ่งใหญ่มากกว่านั้น คือการพานางเอกไปสู่ความหลุดพ้น สุดท้ายหนูยิ้มก็ไปบวชชี" คุณไก่เล่าความเป็นมาของละคร

"...ไก่ทำละครเรื่องนี้ด้วยความรัก และความอิ่มเอิบใจ ไก่รู้สึกว่าเรื่องมันงามอยู่ในนั้น อย่าลืมว่า ถ้าเราเอาละครธรรมะมาสอน คนก็ไม่ดู แต่เรื่องนี้ไก่รู้สึกภูมิใจมาก เพราะมันเป็นความลงตัว ถ้าดูดีๆ แต่ละฉาก แต่ละตอน มีคำสอนอยู่ในนั้น ถ้าเราไม่ปล่อยวาง เราจะไม่มีทางละซึ่งทุกอย่างได้

ไก่รู้ว่าผู้จัดฯทุกคนเป็นคนตรวจบทเอง พี่นิด พี่คิง ลุงเล็ก ตรวจบทเอง ช่อง 7 ก็มีกรรมการตรวจบทของเขา ไก่รู้ว่าไก่ทำงานด้วยความตั้งใจ ทำเต็มที่ ผู้จัดฯก็รู้ว่าไก่ทำงานด้วยความตั้งใจ เพราะฉะนั้น อะไรที่เราตั้งใจแล้ว เราเต็มร้อย เราเกินร้อย สิ่งที่ตอบกลับมามันเป็นสิ่งที่เราคาดหวังไม่ได้ คาดไม่ถึงว่าผู้ชมจะชอบงานเราหรือเปล่า จึงต้องฝากผู้ชมแล้วล่ะค่ะว่า ขอให้เห็นกับความตั้งใจของเรา เราภาคภูมิใจและมีความสุขที่ได้นำเสนอคุณ ขอให้แค่ชายตามามองงานของเรานิดนึง เพราะไก่ถือว่าทุกคนทำงานอย่างเต็มที่"

แม้คนเขียนบท หรือนักประพันธ์ นั้นจะต้องมีแง่คิดดีสอดแทรกอยู่ แต่ก็ไม่วายที่จะมีคนพูดว่า บทละครไทยย่ำอยู่กับที่

"อันนี้เราไม่สามารถไปบังคับหรืออะไรใครได้ ไก่ว่าทุกอย่างมีที่มาที่ไปหมด ถ้าหากได้นั่งดูตลอด จะเห็นว่านักเขียนบททุกคนจะสอดแทรกหรือพยายามนำเสนอ แต่ถ้าเผื่อเราไปมองเขาจุดเดียว เราก็จะรับรู้อยู่แค่จุดนั้น...ละครก็คือละคร แม้กระทั่งชีวิตจริง ภาพข่าวที่เห็นจากหนังสือพิมพ์ ไก่ว่ามันโหดร้ายและรุนแรงยิ่งกว่าละคร แต่ไม่ได้หมายความว่าละครจะต้องไปทำอย่างนั้น เราเป็นหนึ่งในสังคม เพราะฉะนั้นกลไกของสังคมถูกควบคุมโดยคนในสังคม ฉะนั้นเราอยากให้ทิศทางในสังคมเป็นอย่างไร เราทุกคนในสังคมต้องช่วยกัน

...เราอยากให้สังคมดี เราเป็นฟันเฟื่องในสังคมก็ต้องช่วยกันผลักดัน แต่คุณออกมาด่าว่าละครรุนแรง แต่เรตติ้งกลับกระฉูด คำตอบมันคืออะไร...เรตติ้งคือจำนวนคนดู มันก็เหมือนดีมานด์กับซัพพลาย เขาทำละครฉูดฉาด จัดจ้าน รุนแรง กลับมีผลตอบรับดี...อย่าไปโทษจุดใดจุดหนึ่ง บอกได้เลยว่าทุกคนเป็นองค์ประกอบของสังคม ทุกคนมีส่วนในการช่วยผลักดันไปในทิศทางที่เราต้องการได้ ถ้าหากอยากให้เป็นแบบนั้นจริงๆ เราทุกคนต้องมาช่วยกัน ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง บอกได้เลยว่า การเขียนบทโทรทัศน์ ถึงแม้จะถูกฉาบด้วยลูกกวาดสีสวย ดูเหมือนไม่มีประโยชน์ แต่งานเขียนของไก่ทุกชิ้น ไก่กล้าบอกได้เลยว่า ไก่สอดแทรกทุกอย่างเข้าไป"

คุณไก่ทำให้คนที่รักงานเขียน มีความหวัง

"ไก่ชอบคำพูดคำนึงที่ว่า "ทำไม่ได้ หรือไม่ได้ทำ" ไก่ไม่เคยได้เรียนการเขียนบทมาก่อน ไก่มักจะได้ยินว่า วงการนี้มีเส้นมีสาย ไก่บอกได้ตรงนี้เลยว่าไม่จริง ประไพศรี เป็นใคร โนบอดี้มาก ไก่สามารถตอบโจทย์คนที่ไม่ได้อยู่วงการนี้ได้เข้าใจ และมีกำลังใจในการทำงาน 10 ปีที่ผ่านมา ไก่มีทั้งรอยยิ้มและหยาดน้ำตา พล็อตมากมายโดนโยนลงทิ้งถังขยะ 10 ปีที่ผ่านมาไม่มีใครรู้จักชื่อประไพศรี แต่ไก่ก็ไม่เคยท้อ ถึงแม้ว่างานเราไม่ได้ ก็ให้มันหมดลมหายใจไปเลย แต่อย่างน้อยเราก็ได้ทำ

...อยากให้คนที่กล้ามาเป็นนักเขียนบทโทรทัศน์ อย่าไปมีอคติ อย่าคิดว่าวงการนี้เข้ายาก ไก่เอาตัวเองรับประกันได้เลยว่า วงการนี้ไม่มีเส้นสาย ไก่ไม่ใช่เด็กจุฬาฯ ไก่เด็กขอนแก่น จบเชียงใหม่ รัฐศาสตร์ ไก่อยากบอกถึงน้องๆ เพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนที่อยากมาทำงานตรงนี้ว่า อย่าไปท้อ อย่าไปกลัว ผู้จัดฯ ทุกคนเปิดกว้างสำหรับทุกคนที่มีไอเดีย มีความตั้งใจ มีความพยายาม ไม่ใช่คุณส่งเรื่องไปเรื่องนึงแล้วคุณท้อ บอกได้เลยว่าของไก่ 50 กว่าเรื่อง...ไก่เคยได้ยินมามีคนเขาว่า โอ๊ย อย่าไปเข้าเลยวงการ คุณต้องมีเน็ต ต้องอยู่อย่างอดอยากปากแห้ง แต่ถามว่าคุณสู้พอมั้ย ของไก่ 10 ปีที่พล็อตโดนโยนทิ้งถังขยะ 10 ปีที่ไก่ต้องวิ่งไปถามเขาว่า "พี่คะ รับพล็อตเรื่องมั้ยคะ เดี๋ยวไก่เขียนพล็อตให้" แต่รับไปแล้ว...ก็เงียบ..."

ผลจากความพยายาม โดยมีพื้นฐานของความรักงานด้านการเขียน ทำให้ 10 ปี นั้นไม่สูญเปล่า กลับเป็นรางวัลชีวิตอันยิ่งใหญ่ใน ณ วันนี้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ภาพยนตร์บันเทิง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook