True story: ถูกหวยเกือบ 30 ล้าน แต่ความสุขอยู่ที่ไหน…เรื่องจริงของคนเคยถูกหวย
ทุกครั้งที่เห็นข่าวคนถูกหวยบนหน้าหนังสือพิมพ์ ฉันได้แต่คิดว่าทำไมไม่โชคดีแบบนี้บ้าง
ครอบครัวฉันยากจน พี่น้องหลายคนจบแค่ชั้นประถม ฉันต้องเข้ามาทำงานก่อสร้างในกรุงเทพฯ ตั้งแต่เด็ก หลังจากอยู่กินกับสามีคนแรก เรามีลูกด้วยกันสองคนซึ่งต้องส่งไปให้แม่ที่ต่างจังหวัดเลี้ยงให้ เพราะต้องทำงานทั้งคู่ ไม่มีเวลาเลี้ยงลูก และบ้านที่อยู่ก็เป็นบ้านพักชั่วคราวของคนงานก่อสร้าง
จนเมื่อลูกโตและทำมาหากินเองได้แล้วฉันก็เลิกกับสามี และแต่งงานกับสามีคนที่สอง ซึ่งทำงานก่อสร้างเหมือนกัน เขามีลูกหนึ่งคน อายุมากกว่าลูกของฉันหนึ่งปี ลูกเขาก็อยู่กับญาติที่ต่างจังหวัด เราช่วยกันทำงานเก็บเงินอย่างขยันขันแข็ง เขาเป็นสามีที่ดีมาก เมื่อลูกสาวของฉันมีลูก เขาก็รักเหมือนเป็นหลานแท้ๆ เดือนไหนเงินไม่พอส่งค่านมให้หลาน เขาจะเสียใจมาก และจะพยายามถึงที่สุดที่จะหาเงินส่งไปให้แม่ของฉันซึ่งเป็นคนเลี้ยงหลาน ชีวิตช่วงนั้นถึงจะยากจน แต่ก็ยังมีความสุข
ไม่นานเราทั้งสองเก็บรวบรวมเงินผ่อนรถกระบะ และเริ่มเป็นผู้รับเหมารายย่อยมีลูกน้อง 4 - 5 คน ฉันมีรายได้มากขึ้นแต่รายจ่ายก็มากขึ้นตามไปด้วย เมื่อหักกลบลบหนี้แล้วก็ไม่มีเงินเหลือเก็บชีวิตช่วงนี้ยิ่งลำบากหนักกว่าเดิม เพราะต้องเดินทางรับเหมาก่อสร้างในต่างจังหวัดบางวันไม่มีเงินซื้ออาหารให้ลูกน้องกิน ต้องออกไปเก็บผักหาปลามาทำอาหาร เพื่อให้พวกเขามีแรงและรีบทำงานให้เสร็จ บางครั้งก็ต้องขอยืมเงินลูกน้องมาใช้ก่อน
ความยากจนทำให้ฉันฝากความหวังไว้กับการซื้อหวย ฉันซื้อหวยอยู่บ่อยๆ แต่ไม่เคยมีโชคเลย จนวันหนึ่งสามีบอกให้ไปซื้อลอตเตอรี่ตามเลขที่เขาฝัน ฉันเจอลอตเตอรี่ดังกล่าวหลายใบ แต่มีเงินแค่หนึ่งพันบาทจึงแบ่งซื้อมาจำนวนหนึ่ง
การซื้อหวยครั้งนั้นทำให้ฉันและสามีถูกหวยเกือบ 30 ล้านบาท
ทันทีที่รู้ ฉันดีใจจนน้ำตาไหล กระโดดกอดสามีแน่น ในใจคิดแต่เพียงว่า พอกันทีกับความลำบากยากจน ส่วนสามีก็พูดซ้ำไปซ้ำมาว่า
“แม่มึง เรารวยแล้วๆ”
เมื่อได้เงินก้อนใหญ่ ฉันไม่รู้ว่าจะต้องจัดการอย่างไร รู้แต่เพียงว่าก่อนหน้านั้นฉันคับข้องใจที่ไม่มีเงินส่งเสียเลี้ยงดูแม่และไม่มีบ้านอยู่ จึงให้เงินแม่ แม่สามี ลูกทั้งสามคน รวมทั้งพี่น้องคนละหนึ่งล้านบาท ซื้อบ้านหลังใหญ่ให้ลูกตัวเองและลูกสามีมาอยู่ด้วยกัน ซื้อรถให้ลูกคนละคัน นอกจากนั้นยังทำประกันชีวิตตัวเอง สามี และลูกทุกคนกับหลายธนาคาร ซึ่งต้องส่งเบี้ยประกันต่อเนื่องอีก 6 ปี ปีละกว่าหนึ่งล้านห้าแสนบาท ที่เหลือนำเงินไปลงทุนทำกิจการรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งทำให้ได้งานขนาดใหญ่ขึ้น
ญาติๆ และลูกน้องหลายคนต่างมาแสดงความยินดี บางคนมาขอยืมเงินจำนวนมาก ฉันก็ให้ยืม เพราะคิดว่าตัวเองยากจนมาตลอด ไม่เคยช่วยเหลือญาติๆ เลย ส่วนลูกน้องก็ให้ยืมเพราะลำบากมาด้วยกัน ชีวิตหลังถูกหวย ฉันมีบ้านหลังใหญ่ลูกทุกคนได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน มีรถยนต์รุ่นใหม่ป้ายแดงจอดเรียงรายหลายคันมีธุรกิจรับเหมาก่อสร้างใหญ่โต แต่เพียง 4 เดือนหลังจากนั้น ฉันกลับรู้สึกว่าชีวิตไม่ได้มีความสุขอย่างที่คิด
เริ่มจากถูกผู้รับเหมารายย่อยโกงติดต่อกันถึง 4 ครั้ง บางคนก็ทิ้งงานและลูกน้องไปเลย ซึ่งฉันต้องรับผิดชอบทั้งหมด บ้างรับเงินไปแล้วแต่ไม่มาทำงาน ฉันเสียเงินเป็นจำนวนมาก จนสามีต้องบอกว่า
“แม่มึงไปยกเลิกประกันชีวิตเถอะ มันไม่แน่นอนแล้วว่าเราจะมีเงินจ่ายเบี้ยประกันทุกปี”
นั่นทำให้สูญเงินไปกับการจ่ายประกันครั้งแรกอีกนับล้านบาท เพราะส่งเบี้ยประกันไม่ครบตามจำนวนปีที่กำหนด
นอกจากเรื่องเงิน ปัญหาเรื่องลูกก็ทำให้ฉันหนักใจขึ้นทุกวัน เมื่อลูกของฉันและลูกสามีมาอยู่ด้วยกัน พวกเขาทะเลาะกันตลอดเวลา บรรยากาศในบ้านมีแต่ความหวาดระแวงและแบ่งแยกว่า “เงินพ่อฉัน” “เงินแม่ฉัน” ซึ่งทำให้เราทั้งคู่อึดอัดใจเพราะต่างก็รักลูกของตัวเอง
ส่วนเงินที่ให้ลูกไปคนละล้าน พวกเขาใช้หมดอย่างรวดเร็วและกลับมาขอเงินอยู่เรื่อยๆ “แม่ ขอเงินหน่อย จะเอาไปเปิดร้านขายของ” “พ่อ ขอเงินหน่อย จะเอาไปลงทุนกับเพื่อน” ฉันมักได้ยินอย่างนี้อยู่เสมอ แต่ธุรกิจที่ลูกพูดถึงไม่เคยเกิดขึ้นจริง และลูกยังคงใช้จ่ายเงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย
ฉันเครียดจนอยากขายบ้านและนำเงินมาแบ่งให้ลูกกลับไปใช้ชีวิตของตัวเอง ส่วนตัวฉันอยากหนีไปบวช แต่ก็ตัดสินใจทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะห่วงว่าจะไม่มีใครเลี้ยงหลาน หากหนีไปก็กลัวว่าลูกจะเลี้ยงหลานไม่ไหว
เมื่อไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร ฉันจึงหนีไปปฏิบัติธรรมหลายครั้ง ซึ่งช่วยให้รู้สึกสบายใจขึ้น แต่เมื่อต้องกลับมาเจอปัญหาเดิมๆ ในครอบครัว จิตใจก็กลับไปย่ำแย่อีก
ปัจจุบันฉันยังลำบากและทำงานก่อสร้างเหมือนเดิม ส่วนเงินที่ได้จากการถูกหวย แม้จะยังไม่หมด แต่ก็ไม่ได้เหลือมากมายอะไรนักแค่พอมีเงินหมุนเวียนทำธุรกิจไปวันๆ เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ชีวิตหลังถูกหวยต้องเจอกับความทุกข์หลายอย่าง ในทางกลับกันก็สอนให้รู้ว่าความสุขที่แท้จริงคืออะไร
ที่ผ่านมาฉันคิดว่าความยากจนคือความทุกข์ จึงทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินส่งให้ลูกใช้ จนไม่มีเวลากลับไปให้ความรักความอบอุ่นแก่ลูกๆ เมื่อถูกหวยและมีเงินมากพอจะซื้อทุกสิ่งที่ต้องการได้ จึงได้รู้ว่าคนในครอบครัวไม่มีรอยยิ้มและความเข้าใจให้กันเลย สิ่งของภายนอกไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือเงินทองไม่ช่วยให้มีความสุขขึ้นแม้แต่น้อย
เมื่อมีเงินแล้วก็ต้องมีสติที่จะใช้เงินให้รอบคอบและเกิดประโยชน์มากที่สุดและที่สำคัญ อย่าให้เงินมาทำลายความรักความอบอุ่นในครอบครัว
ดับทุกข์ทางโลกด้วยธรรมะ
ข้อคิดจากพระครูธรรมธร ดร.สาคร สุวฑ.ฒโน
ไม่มีใครไหนเลยจะล่วงรู้วันเวลาข้างหน้าว่าจะเป็นเช่นไร ความจนหรือที่ทำให้เกิดทุกข์ ความรวยหรือที่ทำให้เกิดสุขย่อมไม่มีใครรู้ถ่องแท้ หากไม่ประสบด้วยตนเองก็จะไม่มีทางรู้ได้เลยว่า ความพอเพียงนั้นคือที่มาแห่งความสุขที่แท้จริงการเปลี่ยนแปลงไปสู่จุดที่สูงกว่าที่คนส่วนใหญ่ต่างเชื่อกันว่าจะนำพาทุกอย่างเข้ามาและช่วยทำให้ชีวิตนั้นดีขึ้น อาจไม่แน่นอนเสมอไป เราต้องปรับใจเรียนรู้ให้เท่าทันสัจธรรมแห่งโลกธรรมทั้ง 8 แห่งการเปลี่ยนแปลง ว่าไม่มีสิ่งใดแน่นอนเป็นของเราเอง ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป เป็นวัฏจักรอยู่เช่นนั้น เพราะเมื่อมีลาภก็ย่อมมีวันที่เสื่อมลาภ มียศก็ย่อมมีวันที่เสื่อมยศ เมื่อมีสุขก็ย่อมพบพานกับทุกข์ เมื่อมีสรรเสริญก็ย่อมมีนินทา
“ในดีมีเสีย ในเสียมีดี”…เมื่อทุกข์มากระทบ ธรรมะย่อมกระเทือนมาสู่ใจ อย่าหนีปัญหาแล้ววิ่งเข้าหาธรรมะเพื่อหาทางสงบ แม้สงบได้ก็อาจไม่นาน ถ้าต้องตกอยู่ในวังวนเดิมๆ อีก แต่จงใช้ธรรมะในการประคองสติ ช่วยจัดระเบียบความคิดและช่วยขัดเกลาจิตใจให้ดำเนินชีวิตไปได้ดียิ่งๆ ขึ้น ขอจงคิดเสียว่า ทุกช่วงเวลาที่ผ่านมา เราได้ทำดีที่สุดแล้ว ขอจงวางใจให้เป็นกลาง ไม่โหยหา ไม่ยึดติด ไม่โทษความจน ไม่โทษความรวย ไม่โทษความทุกข์ ไม่โทษความสุข ทุกสิ่งล้วนคือครูผู้สอนสัจธรรมให้แก่เรา ว่าไม่มีใครย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้ และจงพอใจกับสิ่งที่เป็นไปในปัจจุบันขณะ คิดในแง่ที่ดีว่า แม้ในยามทรุด เรายังประคองตัวไว้ได้ก็นับว่าดีมากแล้ว และใช้สติในการดำเนินชีวิตต่อไป
พอใจในสิ่งที่มี ยินดีกับสิ่งที่ผ่านไม่อาลัยกับสิ่งที่จาก
*ภาพและบุคคลในภาพจำลองขึ้นตามเหตุการณ์ในเนื้อเรื่อง