10 ทริคง่ายๆ ถ่ายรูปแล้ว ดูแพง ราวกับเป็นช่างภาพมืออาชีพ!
สาวๆ คะ เวลาที่เราหอบผ้าหอบผ่อนตามผู้ชายไปเที่ยวตามที่ต่างๆ เราก็ย่อมมีความต้องการที่จะนำภาพสวยๆ ไปอวดโลกจริงใช่ไหมคะ แต่หลายครั้งเรากลับพบว่าภาพที่เราถ่ายไปอวด ไม่ได้ทำให้เพื่อนๆ ของเราอิจฉา ตรงกันข้ามพวกเขากลับสงสารเราจับใจ! นั่นก็เพราะรสนิยมการถ่ายภาพของเราที่พยายามจะอัดทุกสิ่งอย่างลงไป มุมมองที่เหมือนเดินแล้วชัตเตอร์ลั่นเอง รวมไปถึงความกลัวไม่สวยของเราด้วย แต่เอาเถอะค่ะ ของพวกนี้ย่อมมีวิธีแก้ ซึ่งก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร และคราวนี้แหล่ะ รูปถ่ายใบใหม่ของสาวๆ จะกลายเป็นรูปที่มีความสวย ดีงาม จนต่อมนางอิจฉาของเพื่อนๆ ต้องทำงาน อย่าได้รอช้าเลยค่ะ เราไปดูกันเถอะว่ามีอะไรกันบ้าง
อาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วนะคะ วิธีการคือแบ่งภาพออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน จะแนวตั้งหรือแนวนอนก็ได้ และให้สิ่งที่เราอยากจะเน้น หรือดูมีน้ำหนัก ดูตันกว่าใช้พื้นที่ภาพ 1 ส่วน โดยอีก 2 ส่วนที่เหลือให้เป็นวัตถุหรืออะไรก็ได้ที่เบาๆ อาจจะเป็นฉากหลังเปล่าๆ เบลอๆ ก็ได้ค่ะ ยกตัวอย่าง เพื่อนของเราอยากให้เราถ่ายภาพคู่กับวิวทะเล เพื่อนของเราคือวัตถุที่เราอยากจะเน้น เราให้พื้นที่ของสารร่างเพื่อน 1 ส่วน และปล่อยให้อีก 2 ส่วนเป็นภาพทะเลโล่งๆ หรือพื้นทรายไกลสุดลูกหูลูกตาค่ะ จริงๆ แล้ว กฎนี้ไม่ได้ใช้แค่การถ่ายภาพนะคะ มันใช้กับการวาดภาพ และจัดองค์ประกอบอื่นๆ ด้วย เพื่อไม่ให้ภาพออกมาดูอึดอัด ดูเยอะ ดูท่วมจนเกินไป และทำให้จุดสนใจของภาพดูเด่นชัดด้วย
ทุ่งหญ้าที่ดูหนักถูกจำกัดไว้เพียง 1 ส่วน แถมภาพนี้ยังอยู่ในกฎของตาราง 9 ช่องด้วยค่ะ
มันคือการแบ่งภาพออกเป็น 9 ช่องเท่าๆ กันค่ะ สำหรับกฎตัวนี้ยังคงอยู่ในเรื่องของการจัดองค์ประกอบของภาพอยู่ โดยช่างภาพมักจะนำสิ่งที่ต้องการนำเสนอไปวางไว้ตรงจุดตัดไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง เพราะบริเวณจุดตัดนั้นเป็นที่ที่คนให้ความสนใจที่จะมองก่อนค่ะ สำหรับกฎนี้ มักจะใช้ร่วมกับ กฎ 3 ส่วน บ่อยค่ะ จริงๆ แล้วฝรั่งจะรวบสองอันนี้เป็นเรื่องเดียวกัน แต่โดยส่วนตัวคิดว่าแยกดีกว่าจะได้เข้าใจง่ายค่ะ
หลายๆ ครั้ง เรากังวลและเล็งอยู่นานกว่าจะถ่ายภาพออกมาได้ เพราะกลัวว่าองค์ประกอบภาพจะไม่ได้... ถ่ายไปเถอะค่ะ ไม่ต้องกังวล ถ่ายเสร็จแล้วค่อย Crop ภาพเอาก็ได้ค่ะ เพราะเราถ่ายเป็นดิจิตอลนี่ค่ะ ไม่จำเป็นต้องกังวลจุดนี้
บางครั้งเราก็เหมารวมเรียกกันไปว่า 'golden ratio' ค่ะ ซึ่งพวกนี้เป็นสัดส่วนที่เรียกกันว่างดงามที่สุดสืบทอดมาตั้งแต่โบราณแล้ว และสำหรับ golden spiral เองนักวาดภาพ และสถาปนิกก็นิยมใช้สัดส่วนนี้ในการสร้างผลงานเช่นกัน โดยวิธีการใช้งานก็จะต่างกันออกไปค่ะ สำหรับภาพถ่ายเราคงจะเน้นไปที่การจัดองค์ประกอบภาพให้มีการนำสายตา หรือมีจุดสนใจวนตามเส้นของก้นหอยนี้ค่ะ จะอธิบายก็อาจจะลำบาก เอาเป็นว่าดูภาพแล้วน่าจะเข้าใจได้มากกว่าค่ะ
งานสถาปนิกจะใช้สัดส่วนนี้ในการกำหนดพื้นที่ของส่วนต่าง ๆ ค่ะ จะมองพื้นที่สี่เหลี่ยมเป็นหลัก
สำหรับช่างภาพและจิตรกรจะใช้เส้นโค้งเป็นหลักค่ะ เป็นการนำสายตาของผู้ที่ดูภาพ ใช้เพื่อเสนอเรื่องราวด้วยส่วนหนึ่งค่ะ
สารพัดกฎต่างๆ ค่ะ วุ่นวายไหมคะ เอาที่ถนัดสักอันก็เพียงพอแล้วเนอะเพราะ งานศิลป์ไม่มีกฎตายตัวค่ะ เอาตรงๆ กฎนี้ค่อนข้างคาดคะเนยากค่ะ อาจจะลึกล้ำเกินไป แต่จริงๆ แล้ว golden ratio หรือ golden spiral มันถูกพัฒนากลายเป็นกฎ 3 ส่วน หรือตาราง 9 ช่องที่นิยมกันแล้วค่ะ เพื่อให้การถ่ายภาพเป็นเรื่องง่ายขึ้นนั่นเอง จริงๆ แล้วเรื่องการจัดองค์ประกอบมันยังมีอีกหลายทฤษฏี หลายกฎที่สร้างกันขึ้นมาค่ะ เราไม่จำเป็นต้องถนัดไปหมดก็ได้ ขอแค่หยิบกฎเหล่านี้มาใช้ให้คล่องสักกฎก็เพียงพอแล้วค่ะ
จะเล่นกับเส้น หรือกับแพทเทิร์นก็ได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเส้นที่ไปในทางเดียวกัน เส้นในลักษณะที่ตัดกัน สิ่งเเหล่านี้ทำให้ภาพดูน่าสนใจขึ้นมากๆ ค่ะ สำหรับเส้นมันเหมือนการนำสายตาไปสู่จุดที่จะโฟกัส ส่วนแพทเทิร์นหรืออะไรที่เหมือนๆ กันทั้งภาพ เมื่อมีอะไรสักอย่างที่แปลกไป สิ่งนั้นจะกลายเป็นจุดเด่นของภาพค่ะ
ดูแล้วตาลายนิด ๆ แต่ก็เป็นภาพที่เก๋
ภาพนี้เล่นกับเส้น 2 แบบค่ะ เก๋ไปเลย
ภาพนี้นอกจากจะเล่นกับเส้นของรางรถไปแล้ว ยังใช้เงาตัดกับตัวรางเพื่อให้สายตาของเราไม่มองทะลุไปท้ายภาพ แต่ให้มาโฟกัสที่ตัวคนที่เดินอยู่แทนค่ะ
อีกหน้าที่หนึ่งของ line คือการนำสายตาค่ะ อันนี้เป็นการนำสายตาให้มองเข้าไปกลางภาพบน แต่ดันมีเด็กอยู่ตรงกลางภาพ ทำให้สายตาของเราเหมือนถูกตีกรอบให้สนใจเด็กแทน
เจอผนังแบบนี้วิ่งเข้าไปถ่ายรูปได้เลยค่ะ การไปยืนตัดลายของผนังทำให้เรากลายเป็นจุดเด่น สายตาของคนที่ดูภาพจะมาหยุดอยู่ที่เราค่ะ
อีกตัวอย่างการใช้ line ง่าย ๆ ค่ะ
หรือจะยืนกลางถนนแล้วให้ขอบถนน กับระนาบตึกชี้มาที่เราก็ได้ค่ะ ถ้าเป็นคนที่ทำงานด้านศิลปะจะเรียกเส้นนี้ว่าเส้นเปอร์เสป็กทีพ (Perspective) ค่ะ
มันเป็นแสงที่วิเศษมากค่ะ เราจะได้แสงสว่างแบบมีทิศทางและได้ส่วนที่มืดของภาพอย่างพอดี ยิ่งถ้ามีกระดาษสีขาว มาเป็น reflector สะท้อนแสงกลับเพื่อให้เกิดความสว่างบริเวณเงามืดแล้วด้วย ภาพจะออกมาดูดีโดยเราแทบไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะ ภาพถ่ายผู้หญิงนิยมใช้ reflector เพื่อให้ใบหน้าดูนุ่มนวลเน่ากันหมดค่ะ แต่สำหรับผู้ชายมักจะไม่ค่อยใช้ เพื่อให้อีกฝั่งที่ไม่ถูกแสงมืดกว่า และดูลึกลับน่าค้นหามากกว่าค่ะ ดังนั้นถ้าอยากถ่ายเซลฟี่สวย ๆ แนะนำให้ไปยืนข้างหน้าต่างนะคะ แสงมันได้จริงๆ ค่ะ
แสงเบาๆ ที่ได้จากการถ่ายผ่านหน้าต่างค่ะ
ยิ่งหน้าต่างมีลาย หรือมีซี่ไม้ ยิ่งเพิ่มความแพงให้กับภาพค่ะ
สำหรับภาพผู้ชายส่วนใหญ่จะต้องการให้ข้างหลังมืดค่ะ จึงไม่มีการใช้ reflector ตีแสงกลับแต่อย่างใด จริงๆ แล้วผู้หญิงก็ถ่ายแบบนี้ได้นะคะ จะได้ภาพที่ดูลึกลับน่าค้นหาดีค่ะ
ถ้าแสงที่เข้ามาเป็นลวดลาย ก็ยิ่งเก๋ค่ะ
ภาพนี้ถ่ายโดย Yvonne Lu ใช้หลักการ window lighting เช่นกัน แถมยังถ่ายด้วย Iphone ด้วยค่ะ
มันคือแสงที่เกิดส่องโดนขอบวัตถุในรูปที่เราถ่ายค่ะ ทำให้ภาพดูมีมิติขึ้น สำหรับการถ่ายภาพนิยมมากที่จะให้เกิดแสงเเหล่านี้บนเส้นผม rim light เกิดจากการที่แสงมีความเข้มมาก ส่องมากระทบวัตถุในฝั่งที่ตรงข้ามกับกล้องค่ะ ใช่ค่ะ..มันจะเกิดขึ้นเมื่อเราถ่ายย้อนแสง หลายคนกลัวมากกับการถ่ายย้อนแสง กลัวว่าหน้าจะดำ จุดนี้ไม่ต้องกลัวค่ะ เรามีวิธีแก้ไข แถมยังได้ Rim light ที่สวยงามกลับมาอีกด้วย มี 3 วิธีให้เลือกดังนี้ค่ะ 1. หามุมที่เหมาะสม มันจะมีมุมที่เหมาะสมค่ะ อาจจะต้องเดินวนหาดู อาจจะอยู่ใต้เงาของสิ่งที่เราจะถ่าย หรือเบี่ยงออกจากทิศทางแสงนิดหน่อยค่ะ 2. ใช้ reflector ในที่นี้ไม่จำเป็นต้องเป็น reflector สำหรับการถ่ายภาพก็ได้ค่ะ อะไรก็ตามที่สะท้อนแสงกลับได้ก็เพียงพอแล้ว เช่น กระดาษสีขาว หรือร่มกันแดด3. ตบแฟลชสู้ไปเลยค่ะ ไม่ต้องกังวลว่าภาพออกมาจะดูสยองขวัญ เพราะเอาจริง ๆ แสงแฟลชต่อให้แรงแค่ไหนก็สู้แสงจากดวงอาทิตย์ไม่ได้หรอกค่ะ
เราเลี่ยงการย้อนแสงได้โดยการเบี่ยงก็ได้ค่ะ ภาพก็มี rim light ได้เหมือนกัน แถมไม่มืดด้วย
แสงตอนเย็นๆ หรือเช้าๆ เป็นแสงที่กำลังดีค่ะ ใช้ reflector ตบแสงกลับนิดหน่อย ก็ได้รูปที่สวยงามแล้ว
ช่างภาพคนนี้ใช้แค่แสงอาทิตย์ แฟรช 1 ตัว และแผ่น Reflector ค่ะ
ในจุดนี้จะเน้นไปในเรื่องอาร์ทและไอเดียแล้วค่ะ อาจจะต้องช่างสังเกตนิดนึง เช่น ถ้าเห็นเงารูปร่างแปลกๆ หรือแสงที่ลอดผ่านหน้าต่างมีรูปร่างเก๋ๆ ก็วิ่งเข้าไปถ่ายรูปได้เลย เอาเป็นว่าดูจากตัวอย่างดีกว่า เผื่อเกิดไอเดียค่ะ
รูปที่ได้รางวัลภาพถ่ายของ International Photography Contest ปี 2008 ของ George Steinmetz เป็นการเล่นกับเงาของอูฐค่ะ สังเกตดีๆ นะคะ ที่เห็นไม่ใช่ตัวอูฐ แต่เป็นเงาค่ะ
ถ้าเราถ่ายภาพย้อนแสง นั่นหมายถึงเรากำลังถ่ายเงาอยู่ค่ะ จริงๆ มันก็เป็นภาพที่เก๋ดูน่าค้นหาด้วยนะคะ
ถ่ายรูปคู่กับเงาค่ะ เป็นวิธีการง่าย ๆ ที่จะได้ภาพเก๋ๆ มาอวดกัน
ถ้าโชคดี เจอแสงที่ทอดเป็นทางยาวที่เรียกว่า Light Rays ก็อย่าลืมเก็บภาพไว้นะคะ สำหรับแสงเเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อในอากาศมีฝุ่นละอองหรือไอน้ำในปริมาณสูง แนะนำว่าไม่ควรไปถ่ายตามสถานที่ก่อสร้างค่ะ เลือกตื่นเช้าไปถ่ายแสงที่เกิดจากไอหมอกดีกว่า
อีกตัวอย่างของการถ่ายรูปใต้แสงและเงาที่มีแพทเทอร์นเก๋ๆ ค่ะ
ในกล้องใหญ่ ส่วนใหญ่จะทำได้ค่ะ ในกล้องมือถือบางรุ่นก็ทำไม่ได้ การถ่ายภาพแบบนี้ทำให้วัตถุที่ถ่ายดูเด่นขึ้นมา เพราะอะไรที่เราไม่ต้องการให้ใส่ใจ เราเบลอมันออกไปแล้วนี่คะ
การเบลอหลังแบบนี้มักจะเกิดในกล้อง Dslr หรือ Mirrorless ที่ต่อเข้ากับเลนส์โบราณ ที่ต้องใช้มือหมุนปรับโฟกัสค่ะ จะเห็นแสงเป็นดวง ๆ ที่เราเรียกกันว่า 'โบเก้' (bokeh)
สำหรับเลนส์รุ่นใหม่ ๆ ก็สามารถทำโบเก้ให้เกิดขึ้นได้ค่ะ โดยการตัดกระดาษเป็นรูปนั้นๆ แล้วติดหน้าเลนส์
นอกจากงานหน้าชัดหลังเบลอแล้ว ยังมีอีกเทคนิคหนึ่ง คือหน้าเบลอกลางชัด และหลังเบลออีกทีค่ะ
บางทีก็เนียนจนแยกไม่ออกว่ามันคือภาพที่สะท้อนสดๆ จากกระจก หรือผลงาน photoshop กันแน่ สุดท้ายแล้ว ต่อให้มีความสามารถในการถ่ายภาพระดับเทพ ก็คงจะไม่ได้ทำให้เพื่อนๆ ของเราชื่นชมมากเท่ากับไอเดียเก๋ๆ ที่เรามอบให้กับภาพถ่ายหรอกค่ะ และเรื่องแบบนี้มันคงไม่มีทฤษฎีอะไรตายตัว มันอยู่ที่ความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการ อย่างไรก็ตามแต่เรามาลองดูตัวอย่างไอเดียเก๋ๆ เหล่านั้นกันดีกว่าค่ะ
ช่างภาพมักจะชอบเล่นมุขนี้กันมาก มันคือการถ่ายเงาในน้ำค่ะ
เงาในน้ำแบบนี้ก็เล่าเรื่องราวได้ดีค่ะ
ใช้หยดน้ำเป็นแว่นขยาย ก็เป็นไอเดียถ่ายภาพเก๋ ๆ นะคะ
ถ่ายภาพตัวเองผ่านการสะท้อนของวัตถุก็เป็นอีกวิธีหนึ่งค่ะ จริงๆ แล้วถ่ายรูปตัวเองหน้ากระจกห้องน้ำก็ถือว่าเข้าข่ายนะคะ แต่การที่มีภาพเบื้องหลังเป็นขาคนพร้อมกางเกงและกางเกงในกองอยู่บนพื้น มันไม่นำพาสักเท่าไร!!
การถ่ายรูปหน้ากระจกที่เก๋จริง ๆ ควรเป็นแบบนี้ค่ะ
หรือยิงผ่านหลังไปแบบนี้
หรือจะถ่ายผ่านกระจก โดยที่มีเงาสะท้อนซ้อนทับอยู่แบบนี้ ก็สามารถเล่าเรื่องราวได้อย่างยอดเยี่ยมค่ะ
เล่าเรื่องผ่านเงา ก็เป็นอีกอย่างที่เก๋ค่ะ
บางครั้ง ให้เงาเล่าเรื่องแทนก็ได้นะคะ
หาอะไรเป็นกรอบให้กับภาพ ตัวอย่างภาพนี้คือการถ่ายลอดผ่านคนที่อยู่หน้ากล้องค่ะ ก็จะกลายเป็นกรอบให้กับสาวๆ ด้านหลังอย่างดี
อย่าได้กังวลไปเลยค่ะ ว่าภาพของเราเมื่อเปลี่ยนเป็นภาพขาวดำจะกลายเป็นภาพที่ระลึกถึงคนที่เสียไปแล้ว ตราบใดที่เราไม่ได้ถ่ายหน้าตรงตัวแข็งไม่แสดงอารมณ์ วิธีทำเป็นภาพขาวดำได้ผลดีมากกับการถ่ายภาพวิวค่ะ จากภาพวิวธรรมดา เมื่อเปลี่ยนเป็นขาวดำแล้วอารมณ์มันมาจริงๆ โดยเฉพาะภาพถ่ายที่ต้องการเน้นอารมณ์เหงาๆ หรือเก๋ๆ ชิคๆ ภาพขาวดำเป็นตัวเลือกแรกๆ เลยค่ะ อ่านแล้วอาจจะงงๆ ว่าทำไมแค่ทำเป็นภาพขาวดำภาพจึงดีขึ้นได้ จริงๆ แล้วสีโมโนโทนอย่างขาวดำ ถูกใช้ด้านแฟชั่น และความหรูหรามานานแล้วค่ะ จึงไม่น่าแปลกใจที่ภาพขาวดำจะทำให้ดูมีรสนิยมขึ้นได้
ลองจินตนาการตอนที่มันเป็นภาพสีสิคะ อาจจะดูเป็นภาพถ่ายเชยๆ จากกล้องมือถือก็ได้ เพราะดูไม่มีอะไรเลย
ภาพที่มีเกรน (grain) หรือจุดในภาพเยอะขนาดนี้ ถ้าเป็นภาพสีคงเป็นภาพราคาถูก แต่เมื่อทำเป็นขาวดำ มันกลายเป็นไฮแฟชั่นเลยค่ะ
เปรียบเทียบค่ะ
จริง ๆ แล้วทริคเหล่านี้ผู้เขียนมักจะนำมาใช้เสมอค่ะ เพราะสามารถสร้างภาพสวยสมใจได้โดยง่าย และหวังว่าคุณผู้อ่านจะได้ลองนำทริคเหล่านี้ไปใช้กันบ้างนะคะ ดีร้ายอย่างไรเอามาเล่าสู่กันฟังบ้าง หรือถ้ามีอะไรที่เด็ดกว่าก็เอามาอวดกันหน่อยนะ ด้วยรักและอยากสิง แอนนา เบลล์
อัลบั้มภาพ 59 ภาพ