6 ข้อควรรู้ ก่อนไปตรวจภายใน
การตรวจภายใน เป็นเรื่องที่ผู้หญิงที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ควรทำเป็นประจำ เพื่อตรวจหาความผิดปกติภายในมดลูก โดยเฉพาะมะเร็งปากมดลูกนั่นเอง โดยสำหรับใครที่ยังไม่เคยตรวจภายในมาก่อน วันนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจกับ 6 ข้อควรรู้ ก่อนไปตรวจภายใน เพื่อจะได้เตรียมตัวได้ถูกต้องมากขึ้นนั่นเอง
1.ทำความสะอาดบริเวณช่องคลอด
การตรวจภายใน คือการตรวจบริเวณช่องคลอดและภายในช่องคลอด ดังนั้นก่อนไปตรวจ จึงควรทำความสะอาดบริเวณช่องคลอดให้ดี ด้วยการล้างด้วยสบู่แบบธรรมดาที่มีความอ่อนโยนต่อผิว โดยล้างแค่ภายนอกเท่านั้น ไม่ต้องสวนล้างข้างใน ที่สำคัญไม่ต้องทาแป้งหรือฉีดสเปรย์เพื่อดับกลิ่นใดๆ ทั้งสิ้น แค่ล้างทำความสะอาดและเช็ดให้แห้งก็พอ
2.ใส่กระโปรงหรือกางเกงหลวมๆ
เพราะขั้นตอนการตรวจภายในจะต้องถอดกางเกงออกก่อน เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจ ดังนั้น จึงควรใส่กางเกงหลวมๆ ที่สามารถถอดได้ง่าย หรือจะใส่กระโปรงแทนก็ได้ เพราะจะช่วยให้การตรวจเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น ใครที่ไม่อยากเจอกับความยุ่งยากในการตรวจ อย่าเผลอใส่กางเกงคับแน่นไปเชียว
3.เลี่ยงช่วงมีประจำเดือน
แพทย์จะไม่ตรวจภายในช่วงที่มีประจำเดือน นั่นก็เพราะเป็นช่วงที่มดลูกอาจเกิดการติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นหากคิดจะตรวจภายใน ควรเลี่ยงให้พ้นช่วงมีรอบเดือนไปก่อนดีกว่า
4.อย่าโกนขน
ไม่ควรโกนขน เพราะอาจทำให้การตรวจภายในไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เนื่องจากโรคบางโรคจะต้องวินิจฉัยโดยดูลักษณะของขนบริเวณอวัยวะเพศด้วย หากโกนขนออกจึงทำให้หมอวินิจฉัยได้ลำบากนั่นเอง นอกจากนี้การโกนขน ก็จะทำให้อวัยวะเพศบอบบางลงกว่าเดิม และอาจเกิดการติดเชื้อหรือเป็นเชื้อราได้ง่ายเช่นกัน
5.งดมีเพศสัมพันธ์
ก่อนตรวจภายใน ควรงดมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 48 ชั่วโมง เพื่อให้การตรวจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และผลตรวจวินิจฉัยไม่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง
6.อย่าสวนล้างช่องคลอด
ไม่ควรสวนล้างช่องคลอดก่อนไปตรวจภายใน เพราะการสวนล้างอาจทำให้ส่วนที่เป็นสาเหตุของโรคถูกชำระล้างออกไปด้วย ทำให้แพทย์ไม่สามารถตรวจวินิจฉัยได้หรือตรวจไม่พบ นอกจากนี้การสวนล้างก็อาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อและเป็นการทำลายแบคทีเรียชนิดดีออกไป เพราะฉะนั้นหากไม่จำเป็น ก็ห้ามสวนล้างช่องคลอดเด็ดขาด
เมื่อทราบแบบนี้แล้ว สำหรับใครที่กำลังจะไปตรวจภายใน ก็อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อที่การตรวจภายในจะได้ผ่านไปด้วยดี และนอกจากการตรวจภายในแล้ว ก็อย่าลืมตรวจสุขภาพในด้านอื่นๆ ด้วย เพราะยิ่งรู้ทันโรคมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งห่างไกลจากโรคร้ายมากเท่านั้น
ขอบคุณภาพประกอบจาก : istock