4 เคล็ดลับแก้ปัญหาส้นเท้าแตกให้กลับมาเนียนนุ่มชุ่มชื้นอีกครั้ง

4 เคล็ดลับแก้ปัญหาส้นเท้าแตกให้กลับมาเนียนนุ่มชุ่มชื้นอีกครั้ง

4 เคล็ดลับแก้ปัญหาส้นเท้าแตกให้กลับมาเนียนนุ่มชุ่มชื้นอีกครั้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ส้นเท้าแตก แม้จะไม่ได้เห็นชัดเหมือนกับปัญหาผิวหน้า แต่ก็ควรดูแลใส่ใจ เพื่อการมีสุขภาพเท้าที่ดีเช่นกัน โดยอาการส้นเท้าแตกส่วนใหญ่ จะเกิดจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นเกินไป และผิวที่แห้งกร้านขาดความชุ่มชื้น จึงทำให้ผิวบริเวณส้นเท้าแตกเป็นรอยได้ ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาส้นเท้าแตกนั้นสามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน โดยเราก็ได้เลือกวิธีที่ดีที่สุด มาแนะนำดังนี้

ดื่มน้ำเยอะๆ

สาเหตุหนึ่งของปัญหาส้นเท้าแตก เกิดจากการที่ร่างกายขาดน้ำ จึงทำให้ผิวแห้งกร้านและแตกเป็นรอยได้ง่าย ดังนั้นจึงต้องฟื้นฟูสภาพผิวด้วยการดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอ ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณส้นเท้า ซึ่งจะค่อยๆ ลดรอยแตกลง และทำให้ส้นเท้ากลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง นอกจากนี้การดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ก็เป็นการสร้างสมดุลที่ดีให้กับร่างกายอีกด้วย

ทาครีมบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นสูง

การทาครีมบำรุงผิวที่มีความชุ่มชื้นสูง จะสามารถฟื้นฟูส้นเท้าที่แตกได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด โดยควรเลือกครีมที่มีส่วนผสมของไดเมทิโคน เพราะมีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำและป้องกันผิวแห้งได้เป็นอย่างดี โดยให้ทาเป็นประจำวันละหลายๆ ครั้ง และเน้นหลังจากอาบน้ำเสร็จมากเป็นพิเศษ เพราะผิวจะสามารถซึมซับการบำรุงจากเนื้อครีมได้ดีที่สุด

ใช้สบู่สูตรอ่อนโยน

ในการล้างทำความสะอาดเท้า ควรใช้สบู่ที่มีสูตรอ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่เข้มข้นจนเกินไป เพราะนั่นจะทำให้เท้าแห้งกว่าเดิม และอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองผิวได้ โดยสบู่สูตรอ่อนโยนนี้ จะสามารถถนอมผิวบริเวณส้นเท้าได้เป็นอย่างดี และช่วยฟื้นฟูผิวที่แตกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาส้นเท้าแตกได้ดีแน่นอน

ฟื้นฟูผิวด้วยปิโตรเลียม เจลลี่

ปิโตรเลียม เจลลี่ เป็นเจลเหลวที่ใช้ทาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวโดยเฉพาะ ส่วนใหญ่สาวๆ นิยมใช้ทาริมฝีปากเมื่อปากแห้งแตกเป็นขุย แต่รู้ไหมว่า ปิโตรเลียม เจลลี่ ก็สามารถใช้กับปัญหาส้นเท้าแตกได้เหมือนกัน เพียงทาให้ทั่วบริเวณส้นเท้าทีแตกเป็นประจำ ก็จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากทาก่อนนอน แนะนำให้สวมถุงเท้าทับเมื่อทาเสร็จ เพราะถุงเท้าจะช่วยให้ผิวสามารถดูดซับความชุ่มชื้นจากเจลได้ตลอดคืน โดยไม่ระเหยหายไปหมดก่อนนั่นเอง

เท่านี้ปัญหาส้นเท้าแตกก็จะค่อยๆ ลดน้อยลงไป และเผยส้นเท้าที่มีความเรียบเนียน สวยกว่าเดิม แต่อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามีอาการผิดปกติ ที่เกิดจากการติดเชื้อหรือภาวะแทรกซ้อน เช่น มีอาการบวมแดง เป็นหนอง และเจ็บปวดบริเวณส้นเท้าอย่างมาก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อตรวจรักษาอย่างเร่งด่วนนั่นเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook