กำลังป่วยโรคอะไรกันแน่ เช็คด่วน! กรดไหลย้อนหรือโรคกระเพาะอาหาร
เพราะโรคกรดไหลย้อนและโรคกระเพาะอาหาร มีอาการที่คล้ายคลึงกันมาก ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่าตัวเองกำลังป่วยด้วยโรคอะไรกันแน่ หรือบางคนก็อาจจะเข้าใจผิด และซื้อยามาทานไม่ตรงกับโรคได้ ดังนั้นเรามาทำความเข้าใจกับอาการป่วยทั้งสองโรค เพื่อจะได้แยกแยะอาการป่วยของตนเองได้อย่างถูกต้องมากขึ้นกันดีกว่า
โรคกระเพาะอาหาร
โรคกระเพาะอาหาร เกิดจากการกินอาหารไม่ตรงเวลา หรือดื่มพวกน้ำอัดลมและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป นอกจากนี้ก็อาจเกิดจากความเครียดได้เหมือนกัน เพราะเมื่อเครียดจะทำให้ร่างกายมีการหลั่งกรดในกระเพาะออกมามากกว่าปกติ เป็นผลให้เกิดแผลในกระเพาะและเป็นโรคกระเพาะอาหารในที่สุด ซึ่งจะมีอาการดังนี้
- มีอาการปวดแสบและจุกแน่นบริเวณใต้ลิ้นปี่ ซึ่งจะปวดแบบเป็นๆ หายๆ ครั้งละ 15-30 นาที ไม่ได้ปวดตลอด แต่ก็สร้างความเจ็บปวดทรมานได้ไม่น้อย แม้กินอาหารเข้าไปก็ไม่สามารถบรรเทาอาการได้
- หากเกิดภาวะแทรกซ้อน อาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต
โรคกรดไหลย้อน
โรคกรดไหลย้อน เป็นโรคที่เกิดจากการที่น้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ไหลย้อนกลับขึ้นไปทางหลอดอาหาร จึงก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากสาเหตุหูรูดหลอดอาหารเสื่อม การทานอาหารที่มีไขมันสูง และพวกเครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลม แอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มคาเฟอีนนั่นเอง โดยมีอาการดังนี้
- มีอาการแสบร้อนบริเวณทรวงอก ซึ่งบางคนอาจแสบร้อนบริเวณลำคอด้วย เนื่องจากกรดไหลย้อนขึ้นมาถึงคอหอย
- มีอาการแน่นและจุกเสียดบริเวณใต้ลิ้นปี่ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นหลังจากทานอาหารประมาณ 30-60 นาที
- คลื่นไส้อาเจียน และแน่นในอกคล้ายกับอาการอาหารไม่ย่อย
- มีอาการขมคอและเรอเปรี้ยว รวมถึงอาการเจ็บคอ เสียงแหบและอาการไอร่วมด้วย
- อาการเหล่านี้มักจะเป็นๆ หายๆ ครั้งละ 1-2 ชั่วโมง และอาจเป็นต่อเนื่องมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์
โรคไหนมีความรุนแรงมากกว่ากัน
สำหรับความรุนแรงของโรคกระเพาะอาหารและโรคกรดไหลย้อนจะมีระดับความรุนแรงพอๆ กัน ซึ่งเมื่อพบว่าป่วยด้วยโรคเหล่านี้ ควรรีบทำการรักษาโดยด่วน เพราะหากปล่อยไว้นานๆ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจนอันตรายถึงชีวิตได้ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันไม่น้อย ดังนั้นอย่าละเลยเมื่อมีอาการป่วยด้วยโรคเหล่านี้เด็ดขาด
เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ก็คงจะหายสับสนกันบ้างแล้วใช่ไหมเอ่ย เพราะฉะนั้นเมื่อมีอาการปวดท้องที่ก้ำกึ่งระหว่างโรคกระเพาะอาหารกับโรคกรดไหลย้อน ก็ลองพิจารณาควบคู่ไปกับอาการอื่นๆ ดู หรือหากไม่มั่นใจ ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรค อย่าเพิ่งซื้อยาทานเองเด็ดขาด เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงจากการทานยาผิดได้นั่นเอง