เติมเต็ม EQ ของลูกให้สนุกสมวัย

แม้พัฒนาการด้านสติปัญญาจะเป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรให้ความสำคัญ เพราะจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของลูกได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต การเลือกเพื่อน หรือแม้กระทั่งหน้าที่การงานในอนาคต แต่ในขณะเดียวกันพัฒนาการทางอารมณ์ของลูกก็เป็นสิ่งที่ควรใส่ใจและดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะสิ่งนี้คือจุดเริ่มต้นของทุกพัฒนาการในร่างกาย รวมไปถึงพัฒนาทางสติปัญญาด้วย  และนี่คือเคล็ดลับง่ายๆ ในการเลี้ยงลูกให้มีพัฒนาการทางด้านอารมณ์อย่างสมวัย

1. หมั่นให้ความรัก
สิ่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นและเป็นกฏที่สำคัญมาก แต่การให้ความรักไม่ใช่เพียงแค่การดูแลอย่างทะนุถนอมหรือใส่ใจอยู่ห่างๆ เท่านั้น ต้องแสดงออกให้เขารู้ว่ารักอย่างชัดเจน เพราะการแสดงออกให้ลูกรู้ว่ารักจะทำให้เขาอบอุ่นและกล้าที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่อย่างมั่นใจ เนื่องจากเขารู้ว่ามีพ่อและแม่คอยดูแล พร้อมกับเป็นเกราะป้องกันอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ความรักที่ได้มาอย่างเปี่ยมล้นยังจะทำให้เขารู้จักแบ่งปันความรักสู่ผู้อื่น เพราะเขาไม่รู้สึกขาดแคลนหรือโหยหา

แม้ว่าการแสดงออกในเรื่องของความรักผ่านภาษากายจะเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรทำทุกวันด้วยการโอบกอดหรือหอมแก้ม แต่การแสดงความรักผ่านคำพูดก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย เพราะสิ่งนี้จะทำให้เขามั่นใจในรักของพ่อและแม่กว่าเดิม

2. คุณพ่อคุณแม่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ความรักที่จะทำให้ลูกอิ่มใจและกลายเป็นเด็กอารมณ์ดี ไม่ใช่เพียงรักที่ได้รับจากพ่อและแม่เท่านั้น แต่รักระหว่างพ่อกับแม่ที่แสดงออกต่อกันก็สำคัญ เพราะมันจะทำให้เขารู้ว่าพวกเราคือครอบครัวเดียวกัน แต่ด้วยวัฒนธรรมไทยทำให้พ่อแม่หลายคนอาจไม่กล้ากอด หอมหรือหยอกล้อกันต่อหน้าลูก สิ่งนี้คือสิ่งที่พ่อแม่ควรจะลองเปลี่ยนเพราะการแสดงออกว่ารักกันมากแค่ไหน ลูกจะซึมซับความรักที่บริสุทธิ์นี้ได้ ซึ่งจะปลูกฝังให้เขามีรักแท้ต่อไปในอนาคต รวมถึงกล้าที่จะบอกรักพ่อและแม่โดยไม่เขินอาย ส่งผลให้เมื่อเขาโตก็จะกล้าเล่าและบอกทุกเรื่องให้กับคนในครอบครัวฟังด้วยเช่นกัน

3. ความคิดเห็นที่ตรงกันของคุณพ่อและคุณแม่
พ่อและแม่ควรมีกฏเกณฑ์ในการเลี้ยงลูกที่ตกลงกันชัดเจนเพื่อไม่ให้ลูกเกิดความสับสนว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร และไม่รู้สึกว่าพ่อและแม่มีความคิดที่ขัดแย้งกันจนกลายเป็นปมที่อยู่ในใจไปจนโต

4. เข้าใจในพัฒนาการของเขา
การที่พ่อกับแม่รู้ว่าพัฒนาการในแต่ละวัยของลูกเป็นอย่างไรจะทำให้พวกเขาเข้าใจในอารมณ์ของลูกได้ดีขึ้นและสามารถดูแลได้ดีกว่าเดิม ที่สำคัญยังไม่ทำให้เกิดปัญหาขัดแย้งกันด้วย เช่นเมื่อรู้ว่าเด็กวัย 2-3 ขวบจะชอบค้นหารื้อแคะแกะทุกอย่างที่ขวางหน้า รวมถึงชอบซักถามในสิ่งรอบตัวตลอดเวลา พ่อกับแม่ก็ควรจะทำใจและดูแลให้เขาเติบโตพ้นช่วงวัยนี้ไปด้วยอารมณ์ที่สมบูรณ์ เพื่อไม่ให้พัฒนาการของเขาต้องถูกจำกัดอยู่ในกรอบ

5. ให้อิสระและโอกาสในการตัดสินใจกับลูก
การปล่อยให้ลูกมีอิสระในการตัดสินใจโดยไม่เข้าไปก้าวก่ายหรือบังคับความคิดเขาจะเป็นการเปิดโลกแห่งความคิดสร้างสรรค์ให้กับพวกเขา รวมถึงไม่ทำให้เขารู้สึกเก็บกดในอารมณ์ด้วย

สำหรับคุณพ่อและคุณแม่นอกจากการเป็นผู้ชี้แนะที่ดีแล้ว การเป็นตัวอย่างให้แก่ลูกก็คือสิ่งสำคัญ เพราะคุณคือต้นแบบของเขาในการเรียนรู้และปฏิบัติตาม ดังนั้นควรเริ่มต้นจัดการระบบอารมณ์ในตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะถ่ายทอดไปสู่ลูกๆในครอบครัว