“กมลชนก ปานใจ” อดีตนางแบบผู้สร้างแรงบันดาลใจ และแนะนำให้เรา “เห็นแก่ตัว”

“กมลชนก ปานใจ” อดีตนางแบบผู้สร้างแรงบันดาลใจ และแนะนำให้เรา “เห็นแก่ตัว”

“กมลชนก ปานใจ” อดีตนางแบบผู้สร้างแรงบันดาลใจ และแนะนำให้เรา “เห็นแก่ตัว”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อ่านพาดหัวแล้วเหมือนชี้นำให้ทุกคนเห็นแก่ตัว  ซึ่งเป็นความหมายเชิงลบ แต่ถ้าเราลองใส่ความรักตัวเองเข้าไปแทนค่า คำว่าเห็นแก่ตัวในความหมายของคุณปู กมลชนก อดีตรองสาวแพรว นางแบบฉายาขาอ่อนเงินล้านเมื่อร่วม 30 ปีก่อน จะหมายถึงการเลือกชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ เหมือนอย่างที่เธอทำมาทั้งชีวิต

 

Sanook! Women กับบทสัมภาษณ์ของผู้หญิงที่กล้าคิดผลักผู้ชายลงจากตึกสูงเพื่อปลิดชีวิตไปพร้อมกับเธอ ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยถูกหาว่าโกงจนถูกปืนจ่อหัว และเธอคือคนเดียวกับผู้หญิงที่บอกว่าทุกวันนี้เหลืออีกแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ เธอจะเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุด

 

ชีวิตนางแบบ แบบฟลุค ฟลุค

ชีวิตไม่เคยมีอะไรได้มาง่ายๆ มันก็คงเป็นแบบนั้น และคงไม่มีใครกล้าเถียงเต็มปาก แต่สำหรับคุณปูชีวิตในช่วงวัยรุ่นของเธออะไรมันก็ดูง่ายดาย แม้แต่การเข้ามาเป็นนางแบบ นางเอก เล่นหนัง เล่นละคร สำหรับเธอเรื่องเหล่านี้มันเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว และไม่เคยอยู่ในหัว เพราะคุณปูก็เป็นนักศึกษาชอบเดินเล่นตามสยามสแควร์ ตลาดนัดจตุจักร เมื่อแมวมองมาเห็นรูปร่างสูงโปร่งและเรียวขาอันสวยงามของเธอจึงถูกชักชวนให้ไปถ่ายแบบขา ถ่ายแบบมือ หรือแม้แต่การไปสมัครประกวดสาวแพรว จากแค่ไปนั่งเป็นเพื่อนคนอื่น สุดท้ายกลับโดนบังคับให้สมัครและได้ตำแหน่งรองสาวแพรวมาครองแบบไม่ตั้งใจ

 

จะด้วยความบังเอิญหรือโชคชะตาอะไรก็ตามต่อมาเธอยังได้เล่นหนัง ถ่ายแฟชั่น ถ่ายแบบจนได้ฉายาว่าเป็นนางแบบเจ้าของขาเรียวสวยคนหนึ่งของวงการนางแบบสมัยนั้น ระยะเวลา 8 ปีในวงการบันเทิงแม้จะได้มาแบบไม่ตั้งใจ แต่งานในวงการบันเทิงก็สอนให้เธอเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน มีอัธยาศัย เข้าสังคมเป็น ซึ่งส่งผลดีกับชีวิตของเธอในเวลาต่อมา

 

ออกจากวงการเพราะ…ความรัก

8 ปีแห่งแสงสี แสงแฟลช ภาพสวยงามของคนบันเทิงไม่อาจเหนี่ยวรั้งนางแบบมีชื่ออย่างคุณปูไว้ได้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เธอกำลังคบหาดูใจอยู่กับแฟนหนุ่ม (สามีในอนาคต) เพราะความรัก และความคิดอีกมุมหนึ่งที่ได้จากคนรัก ทำให้เธอตัดสินใจลาวงการบันเทิงเพื่อไปทำงานกับสามี

 

“ตอนนั้นเราไปเดินแบบ มีนางแบบกว่า 200 คน ตำแหน่งที่เรายืนด้านซ้ายเป็นนางแบบรุ่นพี่ ตรงกลางคือเรา ด้านขวาคือนางแบบใหม่ แฟนถามว่าเวลาเดินบนเวทีเราตั้งคำถามอะไรกับตัวเองบ้าง เราก็บอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไร แต่แฟนบอกว่า เขาเห็นคนๆ หนึ่งกำลังจะไป แต่เขายังไม่ยอมไป ส่วนอีกคนกำลังจะมา แล้วคุณก็คือคนที่อยู่ตรงกลาง คุณต้องคิดนะว่าคุณจะไปในวันที่ไม่มีใครอยากได้แล้ว หรือคุณจะไปในวันที่เขาอยากได้คุณอยู่ คุณต้องเลือก”

 

เพราะคำพูดของแฟนหนุ่มในวันนั้นทำให้นางแบบที่กำลังมีชื่อเสียงเลือกออกจากวงการเพื่อไปทำงานกับสามี 3 ปีหลังจากนั้นคำพูดของสามีเธอก็พิสูจน์ว่าการตัดสินใจออกจากวงการในตอนนั้นเป็นถูกต้อง เพราะยังมีคนติดต่ออยากให้เธอไปร่วมงาน ซึ่งให้ความรู้สึกแตกต่างเพราะการจากมาแบบมีคนต้องการ ยังดีกว่าการจากมาแบบไม่มีใครต้องการ

 

ดิ้นรนสุดแรงกับชีวิตนอกแคทวอร์ค

การมาทำงานกับสามีซึ่งเป็นอินทีเรียดีไซน์เนอร์ทำให้คุณปูได้เรียนรู้ชีวิตต่างๆ เพิ่มขึ้น เริ่มจากได้ฝึกหัดทักษะการออกแบบตกแต่งที่ไม่เคยมีจนคุณปูสามารถรับออกแบบตกแต่งห้องพักโรงแรมจำนวน 300 ห้องได้สำเร็จ

 

“มีลูกค้ารายหนึ่ง เราเข้าไปเสนองาน เขาบอกเขาไม่ให้เราหรอก เพราะเขาไม่รู้จักเรา ตอนนั้นเราก็บอกว่าไม่เป็นไรขอแค่ห้องๆ นึง และจะใช้เวลาแค่ 2-3 สัปดาห์ ในการตกแต่งพร้อมส่งห้อง ซึ่งคนอื่นใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนเขาไม่เชื่อว่าเราจะทำได้ เรายืนยันว่าเราทำได้และถ้าทำได้ต้องให้สัญญา300 ห้องกับเรานะพอครบกำหนดเราส่งห้องให้เขาพร้อมมีเสียงเพลง กลิ่นหอมในห้องแบบพร้อมลากกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย เจ้าของโรงแรมเลยต้องทำตามสัญญา”

 

แต่ช่วงแรกของชีวิตหลังการเป็นนางแบบของคุณปูจึงไม่ได้สวยงาม และดำเนินไปแบบที่ควรจะเป็นนัก นอกจากต้องเริ่มต้นเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ แล้ว เธอยังเคยถูกโกงจนหมดตัว

“เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งเราและสามีถูกโกงจากคนที่เราไว้ใจ เขาไม่ยอมจ่ายเงิน ตอนนั้นเรากับสามีล้มทั้งยืน จากคนมีเงินในบัญชี ตอนนั้นกลายเป็น 0 สามีขับรถอยู่ถึงกับช็อค มือจับพวงมาลัยแน่นขยับไม่ได้ จนเราต้องบอกและให้กำลังใจเขา “คุณต้องรู้นะว่าคุณเป็นคนเก่ง วันนี้เราล้ม แต่ไม่เป็นไร เราจะสู้ไปด้วยกัน เมื่อก่อนเคยมีปัญหา ทุกอย่างมันจะดีขึ้น” จากนั้นสามีของคุณปูจึงมีอาการดีขึ้น ค่อยๆคลายพวงมาลัยและยอมจอดรถ

ไม่มีใครคิดว่าชีวิตจะดิ่งลงมาถึงจุดศูนย์ จากนางแบบมีชื่อ แต่งงานมีความสุขกับผู้ชายที่ดีมีความสามารถ ทำธุรกิจใหญ่โตของตัวเองจะต้องมาถึงจุดที่เหลือเงินหลักสิบไว้ในกระเป๋า

 

 เกือบสิ้นชื่อ…เพราะถูกเข้าใจผิด

ผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคุณปูมอบบทเรียนสำคัญและทำให้จดจำไม่ลืม เช่นเดียวกับกรณีที่คุณปูเคยถูกคนเหนี่ยวไกปืนจ่อหัวเพราะถูกเข้าใจผิดคิดว่าโกง

“ตอนนั้นจำได้ว่าขับรถไปกับสามี แล้วมีรถกระบะ 3 คันมาจอดเทียบข้างๆ ผู้ชายในรถหยิบปืนมาจ่อหัว ตอนนั้นเราบอกกับเขาเลยว่าก่อนตายขอรู้ก่อนว่าเราจะตายเพราะอะไร เขาก็บอกว่าเราโกง ได้เงินค่าจ้างมาแล้วไม่ให้เขา เขาเป็นช่างที่ทำงานให้เรา เราก็บอกว่าเราไม่มี สุดท้ายเคลียร์กันได้ เพราะเขาก็ไม่มีหลักฐานที่บอกว่าเรารับเงิน”

 

ชีวิตเฉียดเป็นเฉียดตายของคุณปูผ่านมาได้อย่างหวุดหวิด สำหรับเธอถือเป็นบทเรียนสอนให้ใช้ชีวิตแบบไม่ประมาท และยังเชื่อว่าชีวิตจะจัดการทุกอย่างเอง “อย่างน้อยชีวิตก็มีความยุติธรรมประมาณหนึ่ง เราไม่แคร์ว่าใครจะทำอะไรกับเรา คุณแค่ต้องทำสิ่งที่คุณทำให้ดีที่สุด เดี๋ยวมันจะดีเอง”

การเจออะไรหนักๆ แบบนี้เคยทำให้คุณปูร้องไห้แม้ในความฝัน จะตื่นก็ไม่กล้าตื่นขึ้นมาเพราะเกรงว่าตื่นมาจะเจอคนโกง การหวังเพียงแค่จะเจอคนที่ดีกว่าคนที่เคยโกงเธอกลายเป็นความหวังที่เธอคิดทุกๆ เช้าหลังปลุกตัวเองขึ้นจากเตียงนอน แต่จากบทเรียนเหล่านี้ทำให้คุณปูกลายเป็นนักสู้ และสู้ชีวิตมาจนทุกวันนี้เธอสามารถปลดเกษียนตัวเองได้ก่อนวัยขึ้นเลขสี่  เธอเริ่มเป็นนักเขียนและนักพูดเป็นงานอดิเรก แต่ดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นงานประจำไปแล้ว

“สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่มีวันแพ้ ถ้าเราไม่ยอม” 10 กว่าปีคือเวลาที่คุณปูใช้สำหรับการทบทวนในสิ่งที่เกิดขึ้นจนตกตะกอนกลายเป็นผู้หญิงที่มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเป็น

 

บทสรุปของคนเห็นแก่ตัว

จากคนที่ชีวิตได้สิ่งดีๆ มาจากความฟลุค เดินทางไปบนถนนสายชีวิต อะไรจากเคยได้มาง่ายๆ กลายเป็นไม่ง่าย ผ่านจุดที่เรียกว่าเกือบจะแลกลมหายใจเพียงเพราะความเข้าใจผิด ทุกวันนี้คุณปูใช้ชีวิตสุขสุขในแบบฉบับของตัวเอง บอกกันมันง่าย ทำจริงมันยาก แต่ใช่ว่าจะทำกันไม่ได้

“เพียงแค่การดีกับตัวเอง มีความสุขกับตัวเอง เห็นคุณค่าของตัวเอง” ความเห็นแก่ตัวที่มีชีวิตตัวเองเป็นเดิมพันทำให้ทุกวันนี้เธอกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ มีแฟนเพจส่วนตัวที่มีคนติดตามกว่า 2 แสนคนตามเฟสบุ๊คเพจเธอได้ Kamonchanok Parnjai และชื่อเดียวกันนี้ที่ยูทูปและไอจี และเป็นเจ้าของหนังสือเชิงสร้างแรงบันดาลใจอย่าง ปล่อยไปแล้วใช้ชีวิตต่อ กับ จงเห็นแก่ตัว

ข้อคิดตบท้ายอีกนิดสำหรับคนที่ต้องการให้ชีวิตเปลี่ยนคือ “ไม่มีอะไรได้มาเร็ว ไม่มีอะไรไม่เจ็บ ทุกอย่างคือวินัยในการสร้าง คุณต้องทำดีกับตัวเองทุกวัน ถ้าเกิดปัญหาให้ปล่อยไปแล้วใช้ชีวิตต่อ”

ในบรรทัดสุดท้ายแถบไม่ต้องหาประโยคมาสรุปความคิดของผู้หญิงแกร่งคนนี้ ถ้าคุณอ่าน คุณก็จะรู้ว่าเห็นแก่ตัวทำให้เรากลายเป็นคนที่มีความสุขได้อย่างไร

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook