ระวัง! โรคช็อกโกแลตชีสต์ โรคร้ายที่ผู้หญิงทุกคนเสี่ยงเป็น
ช็อกโกแลตชีสต์ อีกหนึ่งโรคร้ายที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม ซึ่งเกิดจากการที่เลือดประจำเดือนไหลย้อนกลับเข้าไปในช่องท้องและนำเซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกเข้าไปด้วย ทำให้เกิดการเจริญเติบโตของเยื่อบุผิดที่กลายเป็นถุงน้ำเล็กๆ ที่มีความอันตรายมากทีเดียว
อาการแสดงเมื่อเป็นช็อกโกแลตชีสต์
เมื่อเป็นช็อกโกแลตชีสต์มักจะมีอาการที่เห็นได้ชัดในช่วงมีประจำเดือน ซึ่งก็คืออาการปวดท้องน้อยอย่างรุนแรงและปวดมากขึ้นทุกเดือน เพราะถุงน้ำมีขนาดใหญ่ขึ้น และอาจมีอาการอื่นๆ ที่สามารถสังเกตได้ดังนี้
- ลำไส้แปรปรวน มีอาการท้องอืดและท้องเสียบ่อยๆ โดยในขณะขับถ่ายก็จะมีอาการปวดมากเช่นกัน
- มีอาการปวดหลังเรื้อรัง ซึ่งมักจะปวดร้าวลงไปถึงขา
- ในบางรายอาจมีอาการถ่ายอุจจาระและปัสสาวะเป็นเลือด
- มีอาการเจ็บปวดในท้องน้อยเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- เสี่ยงต่อการมีบุตรยาก
ใครที่เสี่ยงเป็นโรคช็อกโกแลตชีสต์บ้าง
โรคช็อกโกแลตชีสต์ ผู้หญิงทุกคนมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็น แต่คนที่มีโอกาสเป็นมากที่สุด แบ่งออกได้เป็น 5 กลุ่มดังนี้
1.กลุ่มผู้หญิงที่มีประจำเดือนตั้งแต่อายุยังน้อย หรือพูดง่ายๆ ก็คือประจำเดือนมาเร็วกว่าปกตินั่นเอง
2.กลุ่มผู้หญิงที่มีประจำเดือนมามากกว่าปกติ คือนานกว่า 7 วัน
3.กลุ่มผู้หญิงที่มีความผิดปกติของทางออกประจำเดือน
4.กลุ่มผู้หญิงที่มีประจำเดือนมารอบสั้นกว่าปกติ เช่น มาเดือนละ 2 ครั้ง
5.กลุ่มผู้หญิงที่สมาชิกในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคนี้มาก่อน อาจมีความเสี่ยงมากถึง 3-5 เท่า
การรักษาโรคช็อกโกแลตชีสต์
การรักษาโรคช็อกโกแลตชีสต์ นิยมรักษาด้วย 2 วิธีด้วยกัน คือ
การใช้ยา
วิธีนี้จะใช้เมื่อถุงน้ำช็อกโกแลตชีสต์ยังมีขนาดเล็ก สามารถสลายไปได้เอง โดยแพทย์จะให้ผู้ป่วยทานยาหรือฉีดยาเพื่อลดขนาดขอถุงน้ำให้เล็กลงเรื่อยๆ จนกระทั่งสลายหายไปในที่สุด แต่ยาที่ใช้อาจมีผลข้างเคียงคือทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ เพราะฉะนั้นผู้ป่วยจึงควรหมั่นออกกำลังกายเพื่อควบคุมน้ำหนัก ซึ่งจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง
การผ่าตัด
วิธีนี้จะใช้เมื่อถุงน้ำช็อกโกแลตชีสต์มีขนาดใหญ่หรือใช้ยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น โดยแพทย์จะใช้วิธีการผ่าตัดส่องกล้องผ่านทางหน้าท้องนั่นเอง อย่างไรก็ตามจะผ่าตัดหรือไม่ แพทย์จะพิจารณาจากหลายๆ ปัจจัยด้วยกัน
ช็อกโกแลตชีสต์ เป็นโรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคนแม้จะไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็ตาม ดังนั้นจึงควรดูแลสุขภาพและสังเกตความผิดปกติของร่างกายตัวเองอยู่เสมอ รวมถึงหมั่นออกกำลังกายบ่อยๆ และควรเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในขณะมีประจำเดือน เพราะอาจทำให้เลือดประจำเดือนไหลย้อนกลับจนเกิดเป็นช็อกโกแลตชีสต์ได้นั่นเอง อย่างไรก็ตามเมื่อพบอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาทันที