กว่าจะมาเป็น “อิซเซ่ มิยะเกะ” แบรนด์ระดับโลก ดีไซน์สุดล้ำ

กว่าจะมาเป็น “อิซเซ่ มิยะเกะ” แบรนด์ระดับโลก ดีไซน์สุดล้ำ

กว่าจะมาเป็น “อิซเซ่ มิยะเกะ” แบรนด์ระดับโลก ดีไซน์สุดล้ำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากคุณคิดว่ารู้จักแบรนด์ดังระดับโลก สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง อิซเซ่ มิยะเกะ (ISSEY MIYAKE) ดีแล้ว เราขอยินดีด้วย เพราะนั่นเท่ากับว่าคุณได้รู้จักกับแบรนด์แฟชั่นที่น่าสนใจ มีเรื่องราว และมีประวัติยาวนานมากว่า 4 ทศวรรษ

   อิซเซ่ มิยะเกะ ขึ้นชื่อเรื่องความลงตัวด้านงานดีไซน์ที่หลุดออกจากกรอบเดิมๆ เชื่อมั่นในเรื่องคุณค่าของอิสรภาพทางความคิด และนวัตกรรมอันทันสมัย เมื่อสองสิ่งนี้หลอมรวมเข้าด้วยกัน จึงก่อให้เกิดผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ภายใต้แนวคิด Joy of Life เพื่อผลิตเครื่องแต่งกายที่ไม่ใช่แค่ความสวยงามแต่ยังเน้นความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายและเนื้อผ้า เพื่อความสะดวกสบายในการสวมใส่ ตอบโจทย์ด้านการใช้งาน

                      MIYAKE DESIGN STUDIO ก่อตั้งขึ้นโดยมร. อิซเซ่ มิยะเกะ ในปี 1970 โดยมี Reality Lab หรือห้องทดลองที่เปรียบเสมือนจุดกำเนิดของทุกไอเดียและทุกการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ และในปีถัดมา จึงก่อตั้ง ISSEY MIYAKE INC. ในฐานะบริษัทลูกเพื่อผลิตเสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์อื่นๆ จำหน่ายในประเทศและส่งออกทั่วโลก ก่อนจะเปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการครั้งแรกที่มหานครนิวยอร์ก และเข้าร่วมแสดงผลงานใน Paris Fashion Week เรื่อยมาตั้งแต่ปี 1973 จนสร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

       บนหน้าประวัติศาสตร์ของโลกแฟชั่นตลอด 40 ปีที่ผ่านมา มิยะเกะ เป็นดีไซเนอร์ผู้ครีเอทไอเท็มชิ้นสำคัญระดับมาสเตอร์พีซมาแล้วมากมาย รวมทั้งผลงานผ้าพลีทอันโด่งดังที่เริ่มขึ้นในปี 1989 ก่อนจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาเป็น PLEATS PLEASE ISSEY MIYAKE ในเวลาต่อมา รวมถึงไอเดียและการผลิตผ้าในสไตล์ A-POC (เอ-พ็อค) ในปี 1997 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของนวัตกรรมความล้ำอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์

          โดยแนวคิด A-POC หรือ A Piece of Cloth เกิดขึ้นจากคำถามที่ว่า “ทำอย่างไรให้ผ้าหนึ่งผืนสามารถใส่ได้เลย” เพื่อแก้ไขโจทย์ที่ว่านี้ อิซเซ่ มิยะเกะ จึงเริ่มทำการค้นคว้าและทดลองร่วมกับ Dai Fujiwara ภายใต้การวิจัยอันทันสมัยของแบรนด์ จนนำมาซึ่งผ้าแบบใหม่โครงสร้างทรงกระบอก ที่ไร้ตะเข็บ ในราคาเข้าถึงได้ และผู้สวมใส่สามารถปรับเปลี่ยนโครงชุดและระดับความสั้นยาวได้ตามความต้องการ แถมยังช่วยลดปริมาณเศษผ้าเหลือทิ้งได้อีกด้วย

   ด้วยปรัชญาของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับ Technovation คือ เทคโนโลยี (Technology) และนวัตกรรม (Innovation) อิซเซ่ มิยะเกะ จึงไม่หยุดยั้งในการพัฒนานำไปสู่เทคนิค ‘‘Steam Stretch’’ คือการใช้ความร้อนจากไอน้ำเพื่อหดเส้นด้ายให้ได้รูปทรงเสื้อผ้าตามต้องการ จึงสามารถสวมใส่ได้เลยโดยไม่ต้องเย็บหรือตัดอีก รวมถึงเทคนิค “Baked Stretch” การปั้นผ้าพลีทให้เป็นรูปทรง โดยทากาวชนิดพิเศษลงบนเนื้อผ้าก่อนนำไปอบ ทำให้ได้ผ้าพลีทกางออกเป็นรูปทรงถาวร

            ดีเอ็นเอของ อิซเซ่ มิยะเกะ ได้รับการถ่ายทอดสู่ 6 แบรนด์ในเครือที่ดำเนินรอยตามปรัชญาสุดล้ำดังกล่าว

         อิซเซ่ มิยะเกะ เมน (ISSEY MIYAKE MEN) คอลเล็คชั่นแรกเปิดตัวในปี 1976 พร้อมกับเสื้อผ้าสำหรับสุภาพสตรี ก่อนที่จะแยกออกมาเป็นเสื้อผ้าสำหรับสุภาพบุรุษโดยเฉพาะในปี 1978 เพื่อให้ถูกใจสุภาพบุรุษ อิซเซ่ มิยะเกะ เมน
มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์หลักที่เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานสวมใส่สบายภายใต้ดีไซน์สวยงามแบบสุภาพบุรุษ

   พลีตส์ พลีส อิซเซ่ มิยะเกะ (PLEATS PLEASE ISSEY MIYAKE) เทคนิคการจับพลีท เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1989 และพัฒนาอย่างต่อเนื่องในทุกฤดูกาลนับแต่นั้นมา โดยในปี 1993 พลีตส์ พลีส อิซเซ่ มิยะเกะ ได้ออกคอลเล็คชั่น Spring-Summer ก่อนจะแยกออกมาอย่างเต็มตัว โดยรังสรรค์ขึ้นเพื่อตอบโจทย์การสวมใส่ได้ทุกวัน ด้วยเนื้อผ้าเป็นชิ้นเดียว ทำจากโพลีเอสเตอร์คุณภาพสูง 100%

   จากความนิยมของสุภาพบุรุษที่มีต่อพลีตส์ พลีส อิซเซ่ มิยะเกะ มากถึง 10% จึงเป็นแรงบันดาลใจสำคัญของ ออมม์ พลิซเซ่ อิซเซ่ มิยะเกะ (HOMME PLISSÉ ISSEY MIYAKE) โดยเปิดมิติใหม่ของพลีตส์ พลีส อิซเซ่ มิยะเกะ เดิม พัฒนาเป็นเนื้อผ้าพิเศษที่แห้งไวกว่า เหมาะกับการใช้ชีวิตแบบแอ็คทีฟแบบชายหนุ่ม ส่วนการอัดพลีทที่หนาขึ้นจะช่วยให้สวมใส่ได้อย่างสบาย เหมาะกับทุกโอกาสทั้งกลางวันและกลางคืน

   ด้วยแนวความคิดที่อยากให้มีพลีทแบบไซส์เดียวใส่ได้หมด (one size fits all) มี อิซเซ่ มิยะเกะ (me ISSEY MIYAKE) ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยเนื้อผ้าน้ำหนักเบา พกพาง่าย สวมใส่สบาย เป็นแฟชั่นที่ออกแบบมาเพื่อความสุขในชีวิตประจำวันโดยมีสีสันและลวดลายหลากหลาย เปิดตัวครั้งแรกในฤดูกาล Spring/Summer 2001

         นอกเหนือจากเสื้อผ้าแล้ว อิซเซ่ มิยะเกะ ยังสร้างชื่อจากเหล่าแอคเซสเซอรี่ที่สวยงามและใช้งานได้จริง เบา เบา อิซเซ่ มิยะเกะ (BAO BAO ISSEY MIYAKE) แบรนด์กระเป๋าที่แฟนๆ ชาวไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี แต่ใครเล่าจะรู้ว่ากระเป๋าที่สอดรับทุกไลฟ์สไตล์นี้ มีธีมว่า “shapes made by chance” โดย “รูปร่างที่สร้างขึ้นจากความบังเอิญนี้” ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงกระเป๋าได้ตามใจต้องการ ปัจจุบันมีให้เลือกหลากทรงหลายสี

         ปิดท้ายด้วยแบรนด์น้องใหม่ที่ใช้นามสกุล อิซเซ่ มิยะเกะ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากการพับกระดาษแบบโอริกามิ และเลือกใช้วัสดุรีไซเคิลอย่างพลาสติก PET หนึ่งสามสองห้า อิซเซ่ มิยะเกะ (132 5. ISSEY MIYAKE) ตัวเลขปริศนาที่แฝงปรัชญาล้ำลึกของแบรนด์ โดยเลข “1” หมายถึง ผ้าเพียงชิ้นเดียวสามารถรังสรรค์เป็นเสื้อผ้าสามมิติได้ นั่นคือเลข “3” และพับให้เป็นสองมิติ หรือ “2” ก็ได้เช่นกัน ส่วนเลข “5” หลังเว้นวรรค หมายถึงมิติที่เกิดขึ้นจากการสวมใส่บนร่างกาย และยังเป็นสัญลักษณ์แห่งอนาคตและการก้าวไปข้างหน้าอีกด้วย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook