5 มารเงียบตัวร้าย เร่งทำลายผิวให้แห้งกร้านเร็วขึ้น
เรื่องโดย Localita
ถึงแม้หน้าหนาวบ้านเราปีนี้ (โดยเฉพาะในกทม.) อาจไม่ระคายผิวสาวๆ สักเท่าไหร่ เพราะภาวะโลกร้อนคืบคลานเข้ามาใกล้ทุกทีนั่นก็ใช่ แต่สาวๆ สมัยนี้ส่วนใหญ่ต่างก็รู้วิธีรับมือกับปัญหาผิวแห้งแตกลายงาในหน้าหนาวกันดีอยู่แล้ว
แต่สาวๆ หลายคนที่ต้องประสบกับอากาศหนาว ลมแรง อากาศแห้งชนิดเลี่ยงไม่ได้ ก็อาจจะต้องปรนนิบัติผิวมากขึ้นอีกหน่อย เพราะไหนจะมีมลภาวะรอบๆ ตัว เร่งเร้าให้ผิวสวยๆ ของเราเสื่อมโทรมเร็วกว่ากำหนด ไม่นับปาร์ตี้เกิร์ลที่ดื่ม ดูด (บุหรี่) แดนซ์ จนปากดำหน้าคล้ำผิวไม่งามตามวัย เห็นไหมว่าแค่ปัญหาผิวๆ ยังเป็นเรื่องใหญ่โตได้ขนาดนี้
แต่หลายๆ คนอาจกำลังชะล่าใจไปว่าของพื้นๆ ใกล้ตัวที่ใช้อยู่เป็นประจำทุกวัน อาจเป็นภัยเงียบที่ทำลายผิวให้แห้งได้โดยที่เราไม่รู้ตัวหรือเฉลียวใจ.... 5 ของใกล้ตัวคุณสาวๆ ต่อไปนี้ คือบ่อเกิดของผิวแห้งเสียที่สาวๆ ไว้ใจมากที่สุด...หากใช้อย่างไม่ระวังหรือกระทั่งเราอาจมีอาการแพ้มันโดยไม่รู้ตัว
1.ลิปมัน อย่างที่เคยบอกกันไปว่าส่วนผสมบางอย่างในลิปมันนั้นเป็นตัวทำลายความชุ่มชื่นของริมผีปาก แทนที่จะช่วยบำรุงเรียวปากอย่างสรรพคุณว่า...หลายคนถึงกับงงว่าจะเป็นไปได้อย่างไร แต่ส่วนผสมการบูรและเมนทอลที่ช่วยเพิ่มรสชาดและให้กลิ่นหอมสดชื่นคือตัวการหมายเลขหนึ่งที่ทำให้ปากลอกเป็นขุยได้ง่ายและเร็วขึ้นเลยล่ะ
2.เจลล้างมือ คุณประโยชน์ของเจลล้างมือนั้นทุกคนรู้แน่ว่ามีแอลกอฮอล์ที่ช่วยฆ่าเชื้อ แต่ลองสังเกตดูหลายๆ ยี่ห้อในท้องตลาดอีกทีจะพบว่า มีปริมาณแอลกอฮอล์ที่เข้มข้นมากที่เดียว การใช้เจลล้างมืิอบ่อยๆ นั้นอาจช่วยให้ห่างไกลจากการติดเชื้อหวัด 2009 แน่ๆ แต่ก็ไม่ควรใช้ทุกที่ทุกเวลาจนติด เพราะผลที่ได้คือผิวมือที่หยาบกร้าน ขอบเล็กแห้งเป็นขุย เพราะผิวสูญเสียน้ำที่จะเข้ามาเติมเต็มความชุ่นชื่น หากไม่จำเป็น แค่ล้างมือด้วยน้ำสะอาดอย่างถูกวิธี ก็น่าจะดีไม่แพ้กัน
3.น้ำหอมในโลชั่นถนอมมือและเล็บ แม้ไม่ใช่หน้าหนาว แต่สาวออฟฟิศหลายคนล้วนทำงานอยู่ในห้องปรับอากาศที่เย็นฉ่ำตลอดเวลา หลายคนทำงานจนไม่มีเวลาลุกไปดื่มน้ำจนทำให้ผิวแห้งกร้านง่าย ผู้ผลิตหลายเจ้าก็เลยหัวใจส่งโลชั่นถนอมมือและเล็บมาตอบโจทย์ในจุดนี้ สรรพคุณมากมายที่บอกไว้หลังขวดผลิตภัณฑ์ อาจไม่สำคัญเท่าส่วนประกอบสำคัญในโลชั่น และส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ผิวยังแห้งอยู่เรื่อยทั้งที่ก็โปะโลชั่นทั้งวัน ส่วนหนึ่งมาจากน้ำหอมหรือสารแต่งกลิ่นที่อยู่ในโลชั่นนั่นแหละคือตัวการ
หากเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้เมื่อรู้สึกว่ามือสากเกินไปในห้องแอร์หรือเมื่อเจออากาศเย็น ก็ควรถนอมมือและเล็บด้วยโลชั่นไม่เกินวันละ 2 ครั้ง จะดีกว่า หรือใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคจากส่วนผสมตามธรรมชาติ ไร้กลิ่นสังเคราะห์ อาจไม่หอมสดชื่นแต่ก็ชุ่มชื้นผิวอย่างปลอดภัย หรือจะลองจิบน้ำอุ่นในระหว่างทำงานก็ช่วยไำด้ทั้งภายในและผิวพรรณ
4. น้ำอุ่น เมื่อก่อนเราอาจเคยคิดว่าการอาบน้ำอุ่นคือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับหลายๆ คนที่ไม่ชอบอากาศหนาว เพราะเย็นเจอเย็นก็ทรมานไปถึงขั้ว ดีไม่ดีไข้หวัดจะถามหาไม่รู้ตัว การอาบน้ำอุ่นจึงช่วยให้สบายผิวและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และบางคนก็ติดน้ำอุ่นจนต้องอาบตลอดทุกฤดูกาลก็มี
แม้น้ำอุ่นจะดีต่อระบบในร่างกาย แต่ผิวของเราอาจไม่ชอบน้ำอุ่นด้วย ความร้อนและไอน้ำจะทำลายน้ำหล่อเลี้ยงผิว หลายครั้งเราจึงรู้สึกผิวแห้ง คัน ทุกครั้งหลังอาบน้ำอุ่น โดยเฉพาะผู้สูงอายุซึ่งจะมีอาการรุนแรงกว่า เพราะผิวขาดความชุ่มชื่นอยู่แล้วตามวัย
5. สบู่ก้อน หลายคนอาจละเลยเพราะคิดไม่ถึง บางคนคงอาจจึ๊ปากรำคาญว่าสบู่อะไรก็ใช้ได้เหมือนๆ กัน หากคุณมีผิวหนาทนทานเหมือนจระเข้ก็คงไม่มีใครว่าถ้าคุณจะเอาอะไรก็ได้ฟอกตัวเวลาอาบน้ำ แต่สบู่ก้อนส่วนใหญ่ในท้องตลาดมีค่า ph สูง เท่ากับว่ามีค่าเป็นด่างที่ทำลายน้ำหล่อเลี้ยงผิว สังเกตดูเวลาอาบน้ำจะพบว่าบางครั้งสบู่ก้อนที่เป็นด่างมากจะมีฟองน้อย เมื่อล้างน้ำแล้วผิวจะตึง และแห้งหยาบ ระคายผิว ไม่สบายตัวหลังอาบ
ฉะนั้นการเลือกสบู่อาบน้ำจึงต้องใส่ใจให้มากขึ้นเมื่อถึงคราวอากาศเย็น ไม่จำเป็นว่าจะต้องเปลี่ยนมาใช้สบู่เหลว เจล หรือครีมอาบน้ำ เพราะค่า ph สำคัญกว่า เลือกสบู่ที่มีค่าเป็นกลาง ไม่ตึงผิวขณะอาบ และไม่จำเป็นต้องมีกลิ่นหอมจากสารเคมีถ้าไม่จำเป็น
สำคัญที่สุด ควรสำรวจ และรู้ถึงสภาพผิวของเราเองด้วยว่า เกิดภาวะผิวแห้งกร้านได้ง่ายแค่ไหน เพื่อจะได้ปฏิบัติต่อผิวให้ถูกวิธี หนีความแห้งกร้าน ที่นอกจากจะทำให้รำคาญแล้ว ยังอาจเป็นสัญญาณขแงปัญหาผิวอีกหลายอย่างที่จะตามมาด้วย