รู้จักของเล่นไฮเทคของลูก
ของเล่นสมัยที่พ่อแม่เล่น กับสมัยของลูกในยุคปัจจุบันมีทั้งความต่างและความเหมือน สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือ ความไฮเทคของของเล่น ซึ่งก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พ่อแม่ควรเอาใจใส่และให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี บางอย่างอาจจะมีวิธีการเล่นที่ซับซ้อน เข้าใจยาก (ในความรู้สึกของผู้ใหญ่) จึงอยากแนะนำของเล่นไฮเทคบางอย่าง ให้พ่อแม่รู้จัก แต่การนำของเล่นมาให้ลูกเล่นนั้น ต้องอยู่ที่การพิจารณาของพ่อแม่ ว่าจะเลือกของเล่นใดเพื่อให้เกิดประโยชน์กับลูกมากที่สุด
ตัวอย่างของเล่นไฮเทค
กระปุกจอมเขมือบ (Face bank)
เมื่อพูดถึงกระปุก คงนึกถึงรูปทรงกระบอกที่ทำจากสังกะสีหรือกระดาษและมีรูหนึ่งรูเอาไว้ใส่เหรียญ แต่เจ้ากระปุกจอมเขมือบนี้เป็นของเล่นเด็กที่ผลิตในญี่ปุ่น มีลักษณะเป็นรูปทรงคล้ายพีระมิด มีสีสันต่างๆ แต่มีลักษณะพิเศษที่เป็นจุดเด่นอยู่ด้านหน้า คือ มีหน้าตาและปากที่อ้าอยู่ จะสามารถขยับได้เมื่อมีการหยอดเหรียญใส่เข้าไป คงแตกต่างจากที่พ่อแม่หลายคนเคยรู้จักเลยทีเดียว
หุ่นบังคับวิทยุ
ชิ้นนี้อาจจะเป็นของเล่นที่ดูเหมาะสมสำหรับเด็กผู้ชาย แต่เด็กผู้หญิงก็สามารถเล่นได้เช่นกัน หุ่นบังคับวิทยุนี้จะมีลักษณะเป็นหุ่นยนต์ หรือรูปทรงต่างๆ เราสามารถบังคับให้เจ้าหุ่นนี้ขยับไปมาได้ตามใจชอบ เช่น ส่วนหัวสามารถขยับซ้าย-ขวาได้ ส่วนด้านล่างก็สามารถบังคับให้เดินหน้า-ถอยหลังได้ และส่วนที่ใช้บังคับก็จะแยกออกมาต่างหาก ให้เราสามารถถือเดินไปที่ต่างๆ ได้ เมื่อเปรียบเทียบกับของเล่นของไทย เราก็คงจะนึกถึงเจ้าหุ่นกระป๋องที่ทำจากสังกะสี ขยับก็ไม่ได้จึงต้องเอาไว้ตั้งโชว์ในตู้
ตุ๊กตาไฮเทค
นี่ไม่ใช่ตุ๊กตาธรรมดาทั่วไปที่นำมาใช้ตั้งโชว์หรือเอาไว้ กอดเล่นเท่านั้น แต่ตุ๊กตาเหล่านี้จะมีรูปทรงแตกต่างกันไปและ มีลักษณะการใช้ที่แตกต่างกันด้วย เช่น ตุ๊กตาอัดเสียง เมื่ออัดเสียงเราไปแล้วก็จะพูดออกมาเป็นเสียงนั้น หรือจะเป็นมีเสียงพูดอย่างเดียวเมื่อกดปุ่มต่างๆ ในตัวตุ๊กตา ไม่เหมือนพวกตุ๊กตาบาร์บี้ หรือตุ๊กตาบลาย ที่มีไว้สำหรับแต่งตัว หรือจินตนาการ เล่นเป็นละครบทบาทสมมติเท่านั้น ความพิเศษของตุ๊กตาไฮเทคนี้ จึงอยู่ที่สามารถสื่อสารกับเราได้นั่นเอง
ยังมีของเล่นไฮเทคอีกมากมาย บางอย่างก็มาตามกระแสหนังการ์ตูนเรื่องดังๆ บางอย่างก็ถูกพัฒนามาจากของเล่นเดิมๆ เช่น รถต่อรางต่างๆ ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น มีการเพิ่มส่วนของเครื่องยนต์ หรือการเปลี่ยนแปลงวัสดุไปตามยุคสมัย ซึ่งของเล่นไฮเทคมีทั้งคุณทั้งโทษ และราคาก็สูงตามเทคโนโลยี ถ้าถามว่าของเล่นไฮเทคเหล่านี้จำเป็นต่อเด็กมากน้อยแค่ไหน คงไม่มีคำตอบที่ตายตัว แต่พ่อแม่ สามารถเรียนรู้ และเลือกของเล่นที่เหมาะกับลูกได้ โดยการรู้จักประโยชน์ของการเล่นและของเล่น เพื่อนำมาเป็นเหตุผลในการตัดสินใจเลือกของเล่นให้ลูก
ข้อดีของของเล่นไฮเทค
+ เด็กจะมีการเคลื่อนไหวร่างกายส่วนต่างๆ จากการหยิบจับของเล่น การใช้มือและแขนในการจับและยกขึ้น ทำให้เกิดการพัฒนากล้ามเนื้อส่วนต่างๆ
+ เมื่อเด็กมีการเล่น เด็กจะได้ฝึกการสังเกต เช่น สีนี้คือสีอะไร รูปทรงนี้คืออะไร ฯลฯ และถ้าเป็นเกมยากที่ซับซ้อน เด็กจะมีการฝึกคิด ลองผิดลองถูก รู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรือถ้าเป็นหุ่นยนต์หรือของเล่นที่มีเสียงพูดออกมา เด็กก็จะเกิดการเลียนแบบ ซึ่งก็เป็นการฝึกพัฒนาการทางด้านสมองและสติปัญญาอีกด้วย
+ เด็กจะรู้จักอารมณ์สนุกสนานและเมื่อการเล่นไม่เป็นดั่งใจคิด ก็อาจจะเกิดอารมณ์ เศร้า เสียใจ หรือผิดหวังก็ได้ การเกิดอารมณ์ที่หลากหลาย จะส่งผลดีต่อพัฒนาการในการปรับตัวของเด็ก
+ เด็กจะมีการฝึกพูด เช่น เมื่อเด็กมีการเล่นตุ๊กตาหรือหุ่นยนต์ เด็กจะมีการสมมติบทบาทต่างๆ ขึ้นขณะเล่น หรือแม้แต่การที่พ่อแม่พูดคุยด้วย หรือเล่นนิทานให้ฟังเด็กๆ ก็สามารถมีพัฒนาการทางด้านนี้ได้
+ ปัจจุบันมีของเล่นที่ผลิตมาสำหรับเล่นด้วยกันเป็นกลุ่ม หรือเล่นด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป การที่เด็กได้เล่นร่วมกันกับผู้อื่น จะทำให้เด็กรู้จักการเข้าสังคม รู้จักกฎระเบียบของสังคมผ่านทางการเล่น
+ การเล่นจะทำให้เด็กรู้จักพื้นฐานต่างๆ เช่น สี รูปร่างรูปทรง จำนวน และตำแหน่งต่างๆ ซึ่งการเรียนรู้ผ่านสิ่งเหล่านี้หรือของที่เด็กเล่นนั้น เชื่อว่าเป็นการเรียนรู้ที่เด็กสามารถซึมซับได้ดีที่สุด .
ข้อด้อยของของเล่นในยุคปัจจุบัน
+ ของเล่นเด็กยุคนี้ที่มีมาตรฐานที่อยู่ในระดับดีๆ นั้น มักมีราคาที่สูงและหาซื้อได้ยาก ส่วนที่ราคาถูกและวางขายทั่วไปตามหน้าโรงเรียน หรือตามท้องตลาดนั้นก็มักจะ มีมาตรฐานต่ำ และไม่ผ่านการตรวจสอบจากองค์กรต่างๆ ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อเด็กได้
+ ของเล่นทุกอย่างไม่ได้ส่งผลดีต่อพัฒนาการของเด็กเสมอไป ของเล่นบางอย่างก็อาจจะทำให้พัฒนาการของเด็กช้าลงก็เป็นได้ เนื่องจากผลการวิจัยพัฒนาการเด็กปฐมวัยก่อนอายุ 6 ขวบนั้นพบว่า เด็กไทยมีไอคิวที่ต่ำลงมาก
+ ถ้าเด็กเล่นของเล่นที่ทำให้เกิดเสียงดังติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจจะส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเด็ก เด็กจะมีอารมณ์หงุดหงิดง่ายที่จะส่งผลให้เกิดพฤติกรรมที่ก้าวร้าวได้อีกด้วย นอกจากส่งผลต่ออารมณ์แล้ว หากเด็กเล็กๆ ได้ยินเสียงดังเกิน 75 เดซิเบล จะส่งผลกระทบต่อหลายระบบเลยทีเดียว ตั้งแต่ระบบย่อยอาหาร ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
+ เล่นเกมออนไลน์ หรือวิดีโอเกมต่างๆ จะทำให้เด็กเกิดการหมกมุ่น มีปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์กับบุคคล เพราะเป็นของเล่นที่สามารถเล่นคนเดียว และใช้เวลานานในการเล่น
+ ของเล่นไฮเทคพวกนี้จะมีราคาแพงกว่าปกติ พ่อแม่ควรใช้วิจารณญาณในการเลือกซื้อว่าควรหรือไม่ เพราะถ้าซื้อบ่อยๆ จะทำให้เด็กถูกตามใจจนเคยตัวและ เรียกร้องจะขอซื้อบ่อยๆ
วิธีเลือกของเล่นสำหรับลูกน้อย
+ หลีกเลี่ยงการซื้อของเล่นที่มีชิ้นส่วนเล็กๆ และแตกหักได้ง่าย เพราะจะทำให้เด็กเกิดอันตรายได้ เช่น เด็กอาจจะหยิบชิ้นส่วนเหล่านั้นเข้าปาก เป็นต้น
+ อย่าเลือกซื้อของเล่นที่มีลักษณะมีปลายหรือขอบแหลมคม อาจจะ เกิดอันตรายขณะเล่นได้
+ ไม่ควรซื้อของเล่นที่มีเสียงดังมาก เพราะจะทำให้เกิดอันตรายต่อประสาทหู ซึ่งจะทำให้มีผลกระทบต่อการได้ยิน
+ เชือกหรือของเล่นที่มีลักษณะยาวรุงรังควรหลีกเลี่ยง เช่น ของเล่น ที่มีลักษณะเป็นสายห้อย หรือมีเชือกคล้องคอ อาจจะถูกเกี่ยวหรือพันคอ ทำให้เกิดอันตรายโดยไม่ได้ตั้งใจได้
+ ของเล่นที่มีส่วนผสมของวัตถุมีพิษ เช่น สีที่เป็นส่วนผสมในของเล่น ควรตรวจดูให้ดีก่อนว่าได้มาตรฐานหรือไม่
+ ควรจะเลือกซื้อของเล่นให้เหมาะสมกับช่วงวัยหรือสติปัญญาของเด็ก
+ ต้องดูที่มีสัญลักษณ์ของ มอก. เพราะมั่นใจได้เลยว่าปลอดภัย แน่นอนผ่านการตรวจสอบแล้ว
ของเล่น ที่ไม่ต้องซื้อหา
เด็กมีการเล่นกันมาทุกยุคสมัย แค่ในประเทศเราก็แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาชาวบ้านมากมายที่มีการประดิษฐ์ของเล่นจากธรรมชาติ สนุกไม่แพ้ของเล่นไฮเทค อาทิ ม้าก้านกล้วย เดินกะลา หรือการนำเศษไม้ มาทำเป็นของเล่น แม้แต่ของใกล้ตัวลูก เช่น ช้อน ใบไม้ ดิน ทราย ก็ล้วนเป็นของเล่นที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการได้ทั้งสิ้น
สรุปแล้ว ของเล่นไฮเทคหรือไม่ไฮเทค ก็มีทั้งประโยชน์และโทษ ก็เลือกดูให้ดีถ้าเล่นให้ถูกวัตถุประสงค์ หรือซื้อได้อย่างเหมาะสม กับวัย และส่วนที่สำคัญคือ คนที่เล่นกับลูก และช่วงเวลาที่ให้ลูกเล่น การเล่นให้เหมาะกับวัย สิ่งเหล่านี้จะทำให้ลูกได้รับประโยชน์จาก การเล่นและของเล่นเต็มที่ รวมทั้งความปลอดภัยในการเล่นด้วย