5 คำถามก่อนมีเค้กแต่งงานเป็นของตนเอง

5 คำถามก่อนมีเค้กแต่งงานเป็นของตนเอง

5 คำถามก่อนมีเค้กแต่งงานเป็นของตนเอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

1. ทำไมงานแต่งงานต้องมี "เค้กแต่งงาน"

อย่าเพิ่งเถียงว่าฉันไม่ง้อ งานแต่ง ฉันไม่ต้องมีเค้กก็ได้ ขอบอกว่าเค้กแต่งงานไม่ใช่แค่ของหวานธรรมดา เขามีประวัติศักดิ์สิทธิ์สืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยกรีกโรมัน โน่น  ย้อนกลับไปราว 5,000 ปี ก่อน บ่าวสาวชาวกรีกต้องนำขนมปัง ผลไม้ และน้ำผึ้ง ไปบวงสรวงเทพเจ้า เพื่อขอพรแห่งความสุขความเจริญ สำหรับชีวิตคู่ ต่อมาในสมัย แองโกลแซกซอน  แขกรับเชิญในงานแต่งงานจะนำขนมปังมาร่วมพิธีด้วย  โดยจะนำขนมปังเหล่านั้นมากองซ้อนกันไว้แล้วให้คู่บ่าวสาวมาจุมพิตกันเหนือกองขนมปังนี้โดยมีแขกเหรื่อเป็นพยานรัก  จุดพลิกผันของวงการเค้กแต่งงาน เกิดขึ้นในครึ่งหลัง ของศตวรรษที่ 17 พ่อครัวชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งนำน้ำตาลมาบดเป็นผงละเอียดเพื่อตกแต่ง หน้าขนมปัง แปลงร่างจนขนมปังธรรมดาๆให้กลายสภาพเป็นเค้กแสนวิจิตรอลังการจากนั้นเค้กแต่งงานก็วิวัฒนาการเรื่อยมา มีการใช้ดอกไม้ เช่นดอกส้ม หรือดอกกุหลาบมาตกแต่ง ตามด้วยการคิดค้น รูปทรงเค้กแปลก ๆ ไม่ว่าจะเป็นทรงกระดิ่ง หัวใจ ไปจนถึงเกือกม้าส่วนสีสันก็เริ่มมีสีฟ้าอ่อน สีชมพู ฯลฯ สำหรับชาว ยุโรป เค้กถือเป็นหัวใจของงานแต่งงาน เพราะเค้กชิ้นแรกที่ บ่าวสาวตัด จะนำมารับประทานร่วมกันถือเป็นอาหารมื้อแรกที่แบ่งปันกันในฐานะคู่ชีวิต ยิ่งเค้กชิ้นนั้น มารดาเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวเป็นผู้อบจากเตาให้เองความหมายในเนื้อเค้กยิ่งขึ้นไปอีก


2. สั่งที่ไหน

หากตัดสินใจจะใช้บริการจัดเลี้ยงของทางโรงแรม ส่วนมากเขาจะมีเค้กแต่งงานรวมในแพ็คเกจไว้ให้บางโรงแรมมีรูปเค้กให้เลือกค่อนข้างจำกัด แต่บาง โรงแรมมีเชฟมือดีที่จะรังสรรค์เค้กเก๋ ๆ ตามออร์เดอร์หรือตัวอย่างในแมกกาซีน ที่คุณสรรหามาได้

อย่าลืมว่าการจองสถานที่กับโรงแรมต้องใช้เวลา ควรเริ่มปฏิบัติการก่อนฤกษ์แต่งสักประมาณหกเดือนจะกำลังดีถ้าสนใจใช้บริการนักตกแต่งเค้กมืออาชีพควรพบล่วงหน้าอย่างน้อย 3 - 4 เดือน เพราะบุคคลเหล่านี้จะช่วยออกแบบเค้กให้กลมกลืนกับการตกแต่งสถานที่ ช่อดอกไม้เจ้าสาว ไปจนถึงเสื้อผ้าเครื่องประดับเจ้าสาวก็ยังได้ แต่ของแบบนี้ต้องใช้ความประณีต ฉะนั้นให้เวลากันบ้างอย่าประมาทเพราะ บ้านเราถือฤกษ์ยาม บางเดือนมีวันดีแค่ 1 วัน เกิดมีอีก 8 คู่ต้องการเค้กฝีมือนักออกแบบคนเดียวกับคุณ จะเกิดอะไรขึ้นก็คิดดู


3. เลือกอย่างไร

ใช่ว่า เค้กแต่งงาน ในฝันจะเหมาะกับสถานการณ์จริงเสมอไป ก่อนตัดสินใจเลือกแบบ และเนื้อเค้กที่ต้องใจ ควรพิจารณาปัจจัยดังต่อไปนี้
ดูสถานที่จัดเลี้ยง ว่าเป็นอย่างไร จะจัดภายในหรือภายนอกอาคาร ถ้าจัดงานในห้องจัดเลี้ยง หรือในสโมสร ก็ไม่มีปัญหาแต่ถ้าเป็นการจัดงานแบบเอ๊าท์ดอร์ ไม่ว่าจะเป็นที่ลานบ้าน ส่วนดอกไม้ หรือริมชายหาด เค้กที่เหมาะกับงานลักษณะนี้ควรทนแดนทนลมได้สักหน่อย เช่น เค้กที่แต่งหน้าด้วยไอซิ่งแต่ ประเภทที่แต่งหน้าด้วยช็อกโกแลต หรือครีมสด (วีปครีม) หมดสิทธิ์ เพราะละลายทันทีที่เจออุณภูมิปราบเซียนของบ้านเรา อนึ่ง เวลาที่เหมาะกับงานกลางแจ้ง แบบนี้คือบ่ายสี่โมงเป็นต้นไป

กรณีที่จัดงานเลี้ยงต่างจังหวัด และสั่งเค้กไปจากกรุงเทพฯ ควรเลือกเค้กเนื้อแน่น อย่างบัตเตอร์เค้ก หรือฟรุตเค้ก ความสูงไม่เกิน 3 - 4 ชั้น

ระบุ จำนวนแขกที่เชิญ ให้ได้ว่า เค้กนี้คุณอยากให้รับประทานได้สักกี่คน จะเสิร์ฟหลังเมนคอร์ส หรือเป็นแค่่ค็อกเทลชิ้นจิ๋วถ้าเป็นการเลี้ยงโต๊ะจีนขนาดของเค้กอาจคิดคร่าว ๆ จากจำนวนโต๊ะทั้งหมด แล้วตัดแบ่งใส่จานรวม
ของแต่ละโต๊ะ ส่วนบุฟเฟ่ต์หรือค็อกเทลควรกะจำนวนชิ้น หลังตัดให้ได้อย่างน้อย หนึ่งในสามของแขก


4. จ่ายเท่าไร

ราคาเค้กแต่ละงานย่อมแตกต่างกันไปตามความวิจิตรพิสดารของคำสั่ง ตลอดจนระยะทางที่ต้องนำส่ง จะจ่ายมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับองค์ประกอบเหล่านี้


ขนาดเค้ก ซึ่งคิดจากน้ำหนักของเนื้อเค้ก

ประเภทของเค้ก ในที่นี้หมายถึงเนื้อเค้ก ซึ่งแบ่งได้เป็น บัตเตอร์เค้ก ซึ่งมีให้เลือกหลายรสขึ้นอยู่กับความชอบ อาทิ วานิลลา กาแฟ ช็อกโกแลตชาเขียว ส้ม ฟักทอง ฯลฯ และเค้กผลไม้ ซึ่งนิยมกันมากในงานแต่งงานของชาวตะวันตกทำจากผลไม้นานาชนิด และลูกนัท หมักด้วยบรั่นดี หรือเหล้ารัมสามารถเก็บได้นาน นับเดือนจึงเหมาะกับงานที่มีเวลาเตรียมการนาน ๆ และต้องการความพิถีพิถันในการตกแต่ง

การตกแต่ง แบบที่นิยมกันมากอันดับหนึ่ง ได้แก่ การใช้บัตเตอร์ครีมหรือครีมเหลว เพราะทำง่าย ไม่เสียเวลา และราคาถูก รองลงมาคือการใช้ รอยัลไอซิ่ง (Royal Icing) นำมาทำเป็นลายเส้นวิจิตรต่าง ๆ เช่นกรงนก ตะกร้าดอกไม้( ใครแต่งงานกลางแจ้งควรเลือกเค้กแบบนี้ เพราะทนต่อสายลมแสงแดดได้ดี อีกแบบที่นิยมไม่แพ้กันคือ น้ำตาลปั้น ( Sugar Paste หรือ Royal Fondant ) เค้กที่แต่งแบบนี้จะออกเป็นก้อนเรียบเนียนเหมือนหินอ่อน
นอกจากนี้ก็มี ช็อกโกแลตเค้กถ้าแบบหน้านิ่มเหลวเรียนกันว่า ช็อกฟัดจ์ (Choc Fudge) ส่วนแบบเคลือบแข็งอยู่ข้างนอกเรียกว่า กลาเช่ (Glaze) สุดท้ายคือ ครีมสด (Wip Cream)

รูปทรงของเค้ก จะเป็นเค้กทรงสูงวางซ้อนกันหลายชั้น คั่นด้วยเสาหรือเค้กหลายก่อนวางซ้อนกันแบบขั้นบันได ( ที่เรียกกันว่าทรงแบบอเมริกัน )หรือเค้กชั้นเดียวขนาดใหญ่ก็ได้

 

5. อยากเก๋ทำอย่างไร
ปัจจุบันหน้าตาเค้กแต่งงานสามารถแปลกแหวกแนวได้ตามความคิดสร้างสรรค์ของบ่าวสาวและนักออกแบบ หากคู่ของคุณเป็นนักดำน้ำเค้กแต่งงานหกชั้น ทำเป็นรูปประภาคารก็ไม่เลว อีกแนวที่แนะนำคือเค้กผลไม้สด
นอกจากสวยด้วยสีสันแล้วยังมีรสนิยมสุด ๆ ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือถ้าจัดงานแต่งงานแบบกะทัดรัด คุณสามารถสั่ง Mini Wedding Cake สำหรับแขก 50 คนได้ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนสั่งเค้กขนาดใหญ่หลายชั้น บางคู่สั่งคัพเค้ก (Cup Cake) เก๋ ๆ มาเรียงกันบนชั้นสวย ๆ จัดวางไว้บนโต๊ะกลางสวน ก็สวยไม่น้อย

 


บางประเทศ เช่น ออสเตรเลีย นิยมเค้กแต่งงานสีดำ แต่คนไทยอาจคิดว่าอัปมงคล สีม่วงในบ้านเราก็ไม่นิยมเพราะถือว่าเป็นสีแม่ม่าย อย่างไรก็ดีถ้าบ่าวสาวชอบช็อกโกแลตเป็นชีวิตจิตใจ แนะนำให้ทำเป็นเค้ก White Chocolate แทน

ควรใช้มีดสำหรับตัดเค้กโดยเฉพาะ ทำจากเงินและมีที่ตักเข้าชุดกัน ความยาวมีดส่วนใหญ่จะอยู่ประมาณ 13 - 15 นิ้ว เว้นแต่กรณีที่เจ้าบ่าวเป็นคนในเครื่องแบบก็จะใช้กระบี่แทน ปัจจุบันทางร้านหรือโรงแรมจะจัดเจ้าหน้าที่
ที่ผู้เชี่ยวชาญการตัดเค้กมาบริการด้วย

ในยุโรปคู่บ่าวสาวนิยมเก็บเค้กชั้นบนสุดไว้แล้วนำออกมารับประทานใหม่ในวันครบรอบแต่งงานหนึ่งปี ถ้าอยากทำบ้าง แนะนำให้ห่อพลาสติกทับด้วย อลูมิเนียมฟอยล์อย่างดี ก่อนจะใส่ลงในกล่องสูญญากาศ และนำเข้าช่องแช่แข็ง  แต่ถ้าไม่ใว้ใจอากาศบ้านเราจริง ๆ ก็อาจลดระยะเวลาเหลือแค่กลับมาจากฮันนีมูน หรือวันครบรองแต่งงานเดือนแรกก็ได้

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook