คุณแม่ควรรู้! อาการนอนกรณในเด็กอาจเป็นอันตรายได้

คุณแม่ควรรู้! อาการนอนกรณในเด็กอาจเป็นอันตรายได้

คุณแม่ควรรู้! อาการนอนกรณในเด็กอาจเป็นอันตรายได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การนอนกรณในเด็ก ไม่ใช่เรื่องเล็ก ซึ่งพ่อแม่ไม่ควรชะล่าใจและคิดว่าเป็นเรื่องปกติเด็ดขาด เพราะการที่ลูกนอนกรณอาจนำไปสู่ภาวะการหยุดหายใจขณะนอนหลับจนทำให้เสียชีวิตได้เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นเรามาทำความเข้าใจกับอาการนอนกรณในเด็กกันหน่อยดีกว่า

สาเหตุของการนอนกรณ

การที่ลูกน้อยนอนกรณอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

  • โครงหน้ามีความผิดปกติ ทำให้ทางเดินหายใจส่วนต้นตีบแคบ เป็นผลให้ลูกนอนกรณ
  • ต่อมทอนซิลโต ทำให้เกิดผลกระทบต่อการหายใจของเด็ก โดยเฉพาะเมื่อมีเสมหะ มีน้ำมูกและมีอาการเจ็บคอร่วมด้วย
  • ความอ้วน เพราะจะทำให้ผนังคอหนาขึ้น จนช่องคอแคบลง ส่งผลให้เด็กนอนกรณและอาจเสียชีวิตจากการหยุดหายใจขณะหลับได้
  • เป็นโรคทางพันธุกรรม ที่ส่งผลให้นอนกรณ
  • มีอาการจมูกบวมอักเสบเรื้อรัง ทำให้หายใจลำบากและเกิดการนอนกรณได้

อาการนอนกรณในเด็กที่ต้องเฝ้าระวัง

อาการนอนกรณแบบไหนที่มีแนวโน้มว่าลูกจะเสี่ยงภาวะหยุดหายใจในขณะนอนหลับ และควรไปพบแพทย์โดยด่วน สามารถสังเกตได้ดังนี้

  • ลูกมักจะคัดจมูกเป็นประจำ และมักจะต้องอ้าปากหายใจบ่อยๆ เนื่องจากการหายใจทางจมูกไม่สามารถนำออกซิเจนเข้าปอดได้อย่างเพียงพอ
  • ลูกมักจะนอนกรณอ้าปากและหายใจเสียงดังเป็นประจำ
  • มีอาการนอนกระสับกระส่ายเพราะนอนไม่หลับ และต้องลุกขึ้นมานั่งบ่อยๆ เนื่องจากหายใจไม่ออก
  • มีการเจริญเติบโตที่ช้ากว่าวัยอย่างเห็นได้ชัด ทั้งทางด้านร่างกายและสติปัญญา

การรักษาอาการนอนกรณ

การรักษาอาการนอนกรณ สามารถทำได้หลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ดังนี้

1.รักษาด้วยการดูแลเบื้องต้น

ในกรณีที่ไม่รุนแรง แพทย์จะแนะนำให้พ่อแม่ดูแลลูกในเบื้องต้นก่อน ด้วยการปรับสุขอนามัยการนอนใหม่ พร้อมทั้งควบคุมอาหารและหมั่นออกกำลังกายในรายที่น้ำหนักเกินเกณฑ์

2.การรักษาด้วยยา

แพทย์จะให้ยารักษาตามอาการ เช่น ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก เพื่อให้เด็กหายใจได้ดีขึ้น ยาละลายเสมหะ ในกรณีที่มีเสมหะ เป็นต้น

3.การรักษาด้วยการผ่าตัด

ในกรณีที่มีสาเหตุมาจากต่อมทอนซิลหรืออะดีนอยด์ แพทย์จะวินิจฉัยและอาจทำการรักษาด้วยการผ่าตัด

เมื่อรู้แบบนี้แล้ว หากลูกมีอาการนอนกรณ ก็อย่าได้ชะล่าใจเลยเชียว เพราะนั่นอาจนำไปสู่ภาวะหยุดหายใจในขณะหลับและเสียชีวิตได้ ดังนั้นพ่อแม่จึงควรสังเกตเมื่อลูกนอนหลับเสมอ และเช็คดูว่าลูกมีอาการที่เข้าข่ายภาวะหยุดหายใจหรือไม่ เพื่อจะได้รีบพาไปพบแพทย์และทำการรักษาได้ทันนั่นเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook