Review เสริมดั้ง...ขนาดสาวเกาหลีแท้ๆ อย่างหนูยังยอมรับฝีมือหมอไทย!
เคยมั๊ยคะเพื่อน ๆ บางคนที่มีดั้งติดตัวมาน้อย น่าจะเคยเจอกับพวกคำที่ว่า“ดั้งแหมบ!”ได้ฟังบ่อยๆ แล้วก็ต้องมีสะเทือนใจกันบ้าง ส่วนเราเองก็เช่นกันถึงจะมีดั้งบ้างก็เหอะยังไม่วายโดนล้ออยู่ดี เราชื่อว่า "ยอรึม" ค่ะ คุณพ่อคุณแม่เป็นคนเกาหลีแต่ยอรึมเกิดที่ไทย และโตที่ไทย ทำให้เขียนภาษาไทย และพูดภาษาไทยได้อย่างไม่มีปัญหาเลยค่ะ ด้วยความที่พื้นฐานก็พอมีสันจมูกอยู่บ้าง แต่มันก็ยังรู้สึกไม่โอเค เคยคิดจะกลับไปทำจมูกที่เกาหลี แต่เราก็เรียนอยู่ที่นี่ ถ้าได้ทำในไทยมันก็ง่ายกว่า พอดีนั่งหาข้อมูลจริงๆ ก็รู้เลยว่า เมืองไทยก็มีหมอฝีมือดี
หลังตัดสินใจแล้วว่าจะทำจมูก ก็เริ่มหาข้อมูลทั้ง คุณหมอ และ คลินิก คือการจะตัดสินใจทำศัลยกรรมอะไรสักอย่าง เราควรต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด สุดท้ายหลังเข้าไปปรึกษามา 5 คลินิก ที่ประทับใจที่สุดคือ ‘หมอเบนซ์ หรือ นพ.โฆษิต เอี้ยวฉาย’ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง คอ หู จมูก และศัลยกรรมตกแต่งที่ Masterpiece Clinic ทราบมาว่าคุณหมอเป็นหมอมีชื่อเสียงและมากประสบการณ์ จบจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และยังได้วุฒิบัตรด้านศัลยกรรมตกแต่งมาอีก 2 ใบ จากสมาคมเสริมความงามประเทศเกาหลีใต้ และมีประสบการณ์ ทำจมูก และ ผ่าตัดใบหน้ามาร่วม 10 ปี
อันนี้เป็นข้อมูลการเสริมจมูกแบบ Nose Reconstruction มาให้อ่านกันค่ะ
“Nose Reconstruction คือการทำจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) เพื่อที่จะทำการเปลี่ยนโครงสร้างของจมูกคนไข้ ด้วยการยืดปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนผนังกั้นจมูกเพื่อให้จมูกยาวและพุ่ง ลดขนาดจมูกให้เรียวเล็ก ส่วนบริเวณสันดั้งนั้นก็มีหลาย Option ให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น เยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อไขมัน กระดูกอ่อนซี่โครง หรือบางคนที่ไม่อยากเจ็บตัวเพิ่มก็มีวัสดุที่ทั่วโลกยอมรับก็คือ
Gore – Tex ”
ทำไมต้อง...กระดูกอ่อนกลางจมูก
“กระดูกอ่อนกลางจมูก จะอยู่ภายในของจมูกเรา และการนำออกมาใช้ประโยชน์ในบางส่วน ก็ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดต่อร่างกาย คล้ายกับการเอาไส้ติ่งออก เพราะเป็นแผ่นกระดูกอ่อนที่ตรง แข็งแรง จึงไม่มีวัสดุอะไรที่จะมาทดแทนได้ หรือบางกรณีอาจต้องใช้ กระดูกซี่โครง กระดูกอ่อนหลังหูเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับแพทย์เป็นผู้ประเมิน โดยการเปลี่ยนโครงสร้างโดยไม่ใช่การเสริมซิลิโคน
มาถึงขั้นตอนการปรึกษาคุณหมอแล้วค่ะ เริ่มแรกคุณหมอจะถามเราก่อนค่ะว่ามีทรงจมูก หรือ จมูกแบบคนไหนที่เราชอบไหม ถ้ามีแบบก็สามารถนำไปให้คุณหมอดูได้เลยค่ะ แต่คุณหมอก็จะบอกว่าแบบนี้เราทำแล้วจะเข้ากับรูปหน้าของเราไหม โดยคุณหมอจะให้คำแนะนำเพื่อให้เราตัดสินใจง่ายขึ้นด้วยค่ะ สำหรับที่มาสเตอร์พีซ คลินิก ข้อดีอย่างหนึ่งที่เกาหลีสายไทยอย่างเราต้องยอมสยบเลยคือที่คลินิกจะมี เครื่องสแกนจมูกแบบ 3มิติ เพื่อให้เห็นโครงสร้างของจมูกเราแบบครบทุกองศาก่อนทำจริง ๆ พิเศษกว่านั้นคือสามารถประเมินได้ทั้งจมูก คาง ไปจนถึงคอเลยค่ะ
สรุปเพิ่มเติมของเคสยอรึมหลังปรึกษา คุณหมอเบนซ์บอกว่าจริงๆ ของยอรึมถ้าอยากออกมาทุกอย่างเป๊ะเลย คุณหมอแนะนำให้ เสริมจมูก ยกคิ้ว ทำตา 2 ชั้น ดูดไขมันกรอบหน้า และเติมไขมันทั่วใบหน้า เพราะยอรึมเองมีปัญหาในด้านใบหน้าทั้งสองข้างที่ไม่สมดุลกัน และการทำจมูกอย่างเดียวอาจไม่ตอบโจทย์กับสิ่งที่ยอรึมต้องการจริง ๆ แต่คุณหมอก็ไม่ได้ยัดเยียดการขายอะไรนะคะ ถือเป็นคำแนะนำที่ดีสำหรับยอรึมเลย
หลังปรึกษากับคุณหมอเสร็จ ก็จะมีเวลาสำหรับให้คิด สำหรับตัดสินใจก่อนมัดจำเพื่อนัดคิวทำค่ะ แต่สิ่งที่ทำให้ยอรึมตัดสินใจเสริมจมูก Nose Reconstruction กับคุณหมอเบนซ์ที่ประเทศไทย แทนที่จะไปทำที่เกาหลีจากการปรึกษาคุณหมอ ทั้งเทคนิคการทำ การออกแบบทรงจมูก ทั้งหมดเทียบเท่ากันได้จริง ๆ เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ยอรึมตัดสินใจง่ายเลยค่ะ ยอรึมเดินลงมาพบกับพี่พนักงาน เพื่อวางมัดจำสำหรับนัดวันที่เสริมจมูกแบบ Nose Reconstruction และดูดไขมันกรอบหน้าค่ะ ใจจริงอยากจะทำอย่างอื่นร่วมด้วยตามที่คุณหมอแนะนำมาทั้งหมดเลย แต่ด้วยความที่ยอรึมเองก็ค่อนข้างมีงบที่จำกัดเลยเลือกที่จะทำแค่บางส่วนตามที่คุณหมอแนะนำก่อนค่ะ
ในที่สุด! ก็ถึงเวลาที่จะลุกขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วค่ะ อย่าลืมนะคะ ก่อนทำการเสริมจมูกแบบ Nose Reconstruction ต้องงดน้ำและอาหารก่อนเข้ารับการผ่าตัด 8 ชั่วโมง พอเข้ามาถึงที่คลินิก ก็จะมีพี่ๆ พนักงานมาต้อนรับ ชอบคลินิกนี้ตรงพี่พนักงานก็ส่วนหนึ่ง เพราะไม่ยัดเยียดการขายมากเกินไป ดูเป็นกันเองทำให้เราไม่อึดอัด พี่ๆ ก็จะให้เรากรอกรายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับโรคประจำตัว แพ้ยาหรือไม่? และพวกเอกสารยินยอมในการดมยาสลบค่ะ หลังจากนั้นก็จะอธิบายยาต่างๆ ที่เราจะต้องทานในระหว่างพักฟื้นถือว่าละเอียดมาก
หลังจากเซ็นเอกสารกันเรียบร้อย พี่ ๆ ก็จะพาเราไปอีกห้องนึงค่ะ ห้องนี้จะเป็นห้องเปลี่ยนชุด เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเข้าผ่าตัดค่ะ ระหว่างทางเราจะผ่านห้องพักฟื้น สำหรับห้องพักฟื้นจะมีเตียงให้นอนพักหลังจากเราทำการผ่าตัดเสร็จด้วยค่ะ พี่ ๆ ก็อธิบายเพิ่มเติมว่า จะเป็นห้องที่เรามานอนพักฟื้นหลังจากการผ่าตัด เพราะเป็นการผ่าตัดด้วยการใช้ยานอนหลับ เมื่อตื่นขึ้นมาอาจทำให้เกิดอาการมึน ๆ นิดหน่อยค่ะ จึงควรนอนพักในห้องพักฟื้นก่อนกลับค่ะ
ก่อนถึงเวลาเสริมจมูก Nose Reconstruction คุณหมอก็จะมีวาดโครงคร่าวๆ ที่จมูกเราค่ะว่าจะรูปทรงประมาณไหน แผลอยู่ประมาณไหน ขอบอกเลยว่าคุณหมองานละเอียดมากจริงๆ ค่ะ เห็นการวัดของคุณหมอแล้ว ทำให้รู้สึกสบายใจว่ามันต้องออกมาดีแน่นอนเลย ในที่สุดก็มาถึงช่วงเวลาที่หลาย ๆ คนรอคอย เป็นขั้นตอนที่น่าตื่นเต้นและน่าลุ้นที่สุดแล้วล่ะค่ะ คือเวลาที่จะก้าวเข้าสู่ภายในห้อง OR (ห้องผ่าตัด) ถ้าถามความรู้สึกตอนนั้น ไม่ค่อยรู้สึกกลัวมากเท่าไหร่นะคะ แต่จะเป็นความรู้สึกตื่นเต้น และอยากเห็นตัวเองหลังทำไว ๆ มากกว่า ส่วนหนึ่งน่าจะเพราะมั่นใจในฝีมือคุณหมอ พยาบาล และพนักงานที่นี่ด้วยค่ะ เลยทำให้ไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใด
เข้ามาถึงห้องผ่าตัด พี่พยาบาลจะทำความสะอาดช่องจมูกของเราก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับคุณหมอก่อนผ่าตัดค่ะ พี่พยาบาลจะสอบถามข้อมูลของตัวเราเพื่อเช็คความถูกต้องอีกรอบ ว่าทานอาหารครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แพ้อะไรไหม นอนรอคุณหมอสักแป๊ปเดียว คุณหมอก็มาค่ะ เข้ามาถึงคุณหมอก็จะให้เราลุกมานั่งก่อน คุณหมอก็จะวาดรอยก่อนผ่าตัด และประเมินจมูกโดยเทียบกับรูปถ่ายหลายๆ มุมของเราก่อนทำการผ่าตัด เพื่อเตรียมตัว ในห้องจะมีวิสัญญีแพทย์ที่จะวางยาสลบในระหว่างการผ่าตัดด้วยค่ะ โดยจะให้ยาเข้าเส้นเลือดของเราที่เปิดเส้นเอาไว้ซึ่งปลอดภัยมากๆ
พอคุณหมอประเมินเสร็จ ก็จะให้นอนลงเพื่อเตรียมผ่าตัดค่ะ ต่อจากนั้นก็ติดที่วัดชีพจรต่างๆ จำได้ว่าหมอบอกว่าให้ลองนับเลขดู ยังนับไปไม่ถึงไหนเลย รู้สึกตัวอีกทีก็คือได้ยินเสียงคุณหมอวิสัญญีเรียกแบบสะกิดๆ จนเรารู้สึกตัวขึ้นมาก็เบลอๆ หนักหัวนิดหน่อย ตื่นมาก็เพิ่งรู้ว่าทำเสร็จแล้ว แต่ยอรึมรู้สึกแน่นๆ ตรงจมูกน่าจะเป็นเพราะเฝือกที่ใส่หลังทำค่ะ
จากนั้นก็ย้ายจากห้องผ่าตัดไปห้องพักฟื้นค่ะ เป็นห้องที่อยู่ที่กับห้องผ่าตัดเลย ไม่ต้องเคลื่อนย้ายมาก นอนไปสักพัก พี่พยาบาลก็ปลุกค่ะเอายากับน้ำหวานมาให้ทาน พี่พยาบาลบอกว่าทานเสร็จแล้วจะได้นอน เป็นยาแก้ปวดค่ะ เราก็ทานตามที่พี่พยาบาลบอก ห้องนี้จะมีพยาบาลนอนเฝ้าเราตลอดการพักฟื้นเลยค่ะ เพื่อความปลอดภัย ตอนนั้นยังไม่รู้สึกเจ็บแผลอะไรนะคะ รู้สึกตึงๆ หูนิดหน่อย นอนพักอยู่สักครู่ใหญ่ๆ ก็กลับบ้านได้เลยค่ะ
อัพเดทอาการหลังจากเสริมจมูกแบบ Nose Reconstruction เรียบร้อยแล้ว
วันที่ 1 จะบอกว่าวันแรกแทบไม่รู้สึกเจ็บแผลจมูกเลยเป็นแบบที่คุณหมอบอกเอาไว้เลย จะลำบากตรงที่ต้องหายใจทางปากไปก่อนค่ะ เพราะคุณหมอใส่ที่แพคจมูกไว้ในรูจมูกของเรา เพื่อให้ทรงจมูกไม่เขยื้อนหลังจากเสริมค่ะ ลุกขึ้นมาทานข้าวเสร็จก็กินยาแล้วก็นอนพักเลยค่ะ
วันที่ 2 เคยได้ยินมาว่าวันที่สองมักจะเจ็บ แต่พอมาเจอด้วยตัวเองจริงๆ มันก็มีเจ็บบ้างค่ะ แต่มันอยู่ในระดับที่ชิวๆ ตอนที่เจ็บพอกินยาก็คือไม่รู้สึกอะไร ถือว่าพักผ่อนไปในตัว ช่วงสาย ๆ ก็แวะเข้าไปที่คลินิกเพื่อฉีดยาฆ่าเชื้อ กับทำความสะอาดแผลหลังทำที่คลินิกค่ะ คุณหมอบอกว่าอาจจะมีอาการคัดจมูกไปอีกประมาณ 1 สัปดาห์ เป็นเรื่องปกติค่ะ
วันที่ 3 - 6 วันนี้สามารถออกไปข้างนอกใช้ชีวิตได้ตามปกติเลย ก็จะมีเฝือกที่จมูกติดอยู่แบบสวย ๆ แต่ไม่เหมือนเฝือกพวกแป้งขาว ๆ นะคะ แต่หลังจากผ่านช่วงวันแรกมาได้แล้ว ก็เริ่มปรับตัวได้ จะเน้นทานพวกอาหารอ่อน ๆ อยู่ค่ะ พอวันที่ 6 ก็เตรียมตัวไปที่คลินิกอีกครั้งเพื่อเจอคุณหมอ และตัดไหมค่ะ
วันที่ 7 วันนัดตัดไหม ในที่สุดก็ครบกำหนด 7 วันที่จะได้ถอดเฝือกกับตัดไหม สามารถหายใจทางจมูกได้เกือบปกติแล้ว โดยรวมยังมีบวม ๆ อยู่พอควรนะคะ เพราะเคสของเราต้องตอกกระดูกด้วย หลังถอดเฝือกก็รู้สึกเลยว่าทรงจมูกพุ่งมาก แต่ยังติดบวม ๆ อยู่แต่โดยรวมคือปลื้มกับดั้งใหม่ตัวเองมากค่ะ
หลังผ่านมา 1 สัปดาห์ ก็รู้สึกว่าร่างกายเริ่มปรับตัว อาการที่มีเจ็บหูบ้างบางครั้งก็เริ่มไม่ค่อยมีแล้วค่ะ จะมีเกร็ง ๆ เพราะค่อนข้างรู้สึกระวังจมูกตัวเองบ้าง พอเวลาผ่านไปอาการก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ แค่ไม่กี่วันก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยค่ะ จนบางคนแทบไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเราไปทำอะไรมาก่อนหน้านี้
สรุปโดยรวม การตัดสินใจเสริมจมูก Nose Reconstruction ของสาวเกาหลีแต่ใจอยู่ในไทยครั้งนี้ ที่อยากเสริมจมูกให้ออกมา Perfect แบบสาวเกาหลี อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้แก่ตัวเราเอง ทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นค่ะ แต่งหน้า แต่งตัวหลายแบบ หลังจากทำเสร็จแล้ว รู้ได้เลยว่า ฝีมือของคุณหมอ และความพร้อมของตัวเราเองนั้นสำคัญมาก ก่อนหน้านี้เราเป็นคนออกกำลังกายเยอะ และ ค่อนข้างดูแลตัวเอง เลยทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้ไว ช้ำน้อย จนเพื่อน ๆ มาเจอ ยังไม่อยากจะเชื่อว่าไปทำศัลยกรรมมาจริง ๆ
ในเรื่องของฝีมือคุณหมอนั้นสำคัญที่สุด คุณหมอเบนซ์มีความประณีต และละเอียดอ่อนมาก เป็นการผ่าตัดที่ทำให้เลือดออกน้อยมาก บาดเจ็บน้อยที่สุด เลยทำให้ร่างกายมีรอยช้ำที่ค่อนข้างน้อยมาก ถือว่าเป็นคุณหมอที่มากประสบการณ์อย่างมากคนหนึ่ง และนี่ถือเป็นอีกข้อหนึ่งที่ทำให้เราฟื้นตัวได้ไวมากค่ะ ย้ำกันอีกทีเลยว่า ก่อนที่จะตัดสินใจแปลงโฉมตัวเองด้วยการศัลยกรรมไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ ศึกษาข้อมูลของคุณหมอให้ดี ดูผลงานหลังทำของคุณหมอเยอะ ๆ เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจได้เคลียร์แบบหมดจดค่ะ
สำหรับใครที่กำลังมีความคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง มีปัญหาจมูก หรืออยากหาที่แก้จมูกแบบครั้งเดียวจบ การศึกษาข้อมูลต่างๆสำคัญมาก ศึกษาข้อมูลให้เยอะ และปรึกษาคุณหมอที่เราจะทำ แล้วเราจะได้รับผลลัพธ์ที่ออกมาแล้วถูกใจเหมือนกับเราค่ะ ^^
ขอขอบคุณ: นายแพทย์โฆษิต เอี้ยวฉาย ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หู คอ จมูก แห่งบ้าน Masterpiece Clinic
ขอขอบคุณข้อมูล และ ภาพประกอบ: Masterpice Clinic / FB Masterpiece Clinic By dr.sae
[Advertorial]