แชมเปญ เอ็กซ์ จากเซ็กซี่สตาร์สู่สาวขาลุย กับชีวิตในไร่ 10 ปีที่ผ่านมา

แชมเปญ เอ็กซ์ จากเซ็กซี่สตาร์สู่สาวขาลุย กับชีวิตในไร่ 10 ปีที่ผ่านมา

แชมเปญ เอ็กซ์ จากเซ็กซี่สตาร์สู่สาวขาลุย กับชีวิตในไร่ 10 ปีที่ผ่านมา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตื่นตั้งแต่ตี 5 มารอคนงานไปลุยปลูกยาง แต่ละต้นก็ปลูกเองด้วยสองมือ

บรรทัดข้างบนนี้คือเรื่องราวส่วนหนึ่งที่ จันทร์เพ็ญ อินทรจักร หรือ "แชมเปญ เอ็กซ์" เล่าถึงกิจวัตรประจำวันของเธอทุกวันนี้...วันที่เรียกตัวเองว่าเป็น ‘เกษตรกร’ มา 10 ปีแล้ว

อดีตดาราสาวที่ผันตัวจากการใช้ชีวิตในกองถ่ายมาใช้ชีวิตในไร่กับคู่ชีวิตอย่าง กัปตันวันชาติ ชุมศรี ทุ่มเงินที่มีอยู่ทั้งหมดไปกับ ‘ไร่วันจันทร์เพ็ญ’ บนพื้นที่ 200 ไร่ ที่จังหวัดสระแก้ว ซึ่งตอนนี้กว่า 100 ไร่บนพื้นที่นั้น เป็นพื้นที่ของต้นยาง ข้าว ไผ่ และมันสำปะหลัง

นอกจากหลากหลายพันธุ์พืชที่ว่ามาแล้ว ที่ไร่ของเธอยังมีบ่อน้ำที่ขุดไว้อีกหลายจุด โดยเธอให้เหตุผลว่า “เพราะน้ำสำคัญต่อการเกษตร ที่สำคัญเราทำตามโครงการแก้มลิง ซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9”

ชีวิตในไร่ของเธอและกัปตันวันชาติไม่ได้มีแค่เรื่องของการเกษตรกรเท่านั้น แต่ยังมีพื้นที่ส่วนหนึ่งที่เธอทำเป็นสนามบินเล็ก เอาไว้ใช้จอดเครื่องบินส่วนตัวที่กัปตันวันชาติซื้อเครื่องบินมือสองมาซ่อมแซมและตกแต่งใหม่ จนกระทั่งบินได้ดีอีกครั้ง

การที่ตัดสินใจใช้เงินส่วนมากไปกับการทำไร่เป็นเพราะเธอเชื่อว่า “การเกษตรและธรรมชาติทำให้สบายใจและดีต่อสุขภาพ ทั้งยังเชื่อว่าการเกษตรจะอยู่ได้ตลอดไป ทำให้บั้นปลายชีวิตดี ในขณะที่ของนอกกายอื่นๆ เป็นของฟุ่มเฟือย”

ถึงจะมีความสุข แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าชีวิตเกษตรกรของเธอจะราบรื่นเสมอไป เธอเล่าให้ฟังว่า สมัยที่น้ำประปายังไม่เข้ามาถึงไร่ จะใช้น้ำสะอาดก็ต้องตักน้ำจากบ่อมาแกว่งสารส้มพอให้น้ำใส บางครั้งแกว่งเยอะไปเพราะเห็นว่ายิ่งแกว่งก็ยิ่งใส ก็กลายเป็นทำให้ตัวเหนียวตอนอาบน้ำ หรืออย่างไฟฟ้าก็เพิ่งจะเข้ามาถึงเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมานี้เอง ทั้งยังต้องเสี่ยงเดินเรื่องท่ามกลางความไม่พอใจของคนบางกลุ่ม จนถึงขนาดที่เพื่อนของเธอเคยถามว่า ทำแบบนี้ไม่กลัวโดนยิงเหรอ

“ก็ตอบเพื่อนไปว่า คนเราถ้าจะตาย อยู่ตรงไหนก็ตายได้” อดีตดาราสาวเล่าถึงคำตอบของเธอในครั้งนั้น

แน่นอนว่า การใช้ชีวิตในไร่ทำให้เธอกลายเป็นสาวขาลุยตัวจริง ลุยถึงขนาดนี้เคยต้องกางเต็นท์นอนเฝ้าไร่อยู่คนเดียว 5 วันสมัยที่ไฟฟ้ายังเข้ามาไม่ถึงที่ไร่ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความมืด ซึ่งในเวลานั้น สิ่งที่เธอบอกว่าต้องมีคือความอดทน

แม้จะต้องปรับเปลี่ยนรายละเอียดในการใช้ชีวิต แต่ถือว่าเธอไม่ต้องปรับตัวมากนั้น เนื่องจากเดิมทีเป็นคนทำงานหนักอยู่แล้ว เพียงแต่เมื่อมาใช้ชีวิตในไร่ สิ่งที่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมมีเยอะขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เธอไม่เคยทำการเกษตรมาก่อน ต้องศึกษาทั้งวิธีปลูก ศึกษาว่าทำอย่างไรพืชพันธุ์ที่ปลูกถึงจะเติบโตและให้ผลผลิตที่ดี ซึ่งเมื่อนับจากวันแรกมาจนถึงทุกวันนี้ เธอมองว่าหลายๆ อย่างเริ่มอยู่ตัวแล้ว

เมื่อเริ่มอยู่ตัว เธอจึงเริ่มขยับขยาย โดยตั้งใจว่า สิ้นปีนี้จะเปิดไร่วันจันทร์เพ็ญให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้คนมาสามารถตั้งเต็นท์ ทำกิจกรรม อย่างการนั่งเครื่องบินเล็กชมบรรยากาศทั่วไร่ นอกจากนี้ เธอยังแบ่งเวลาส่วนหนึ่งไปเปิดบริษัทให้บริการบอดี้การ์ดส่วนตัว, ทำโรงเรียนสอนการป้องกันตัว, เตรียมจัดอบรมให้กับหน่วยซีลของกองทัพเรือ รวมถึงการเป็นอาสาสมัครสอนป้องกันตัวพื้นฐานให้กับผู้พิการทางสายตา

นอกจากนี้ เธอยังฝากถึงคนที่มีความฝันอยากเปลี่ยนวิถีชีวิตแบบเธอว่า “ถ้าใครอยากจะทำการเกษตร หรือมีความฝันอะไร อยากให้ทุกคนมีความกล้า คิดแล้วต้องทำ คิดอย่างเดียวมันไม่เกิด ลงมือทำด้วยตัวเองจะได้รู้ปัญหา จะได้รู้ว่าทำได้หรือไม่ได้ อย่างไม่เคยหว่านข้าวก็ไปทำ จนรู้ว่ามันก็ไม่ได้ยากลำบาก หรือถ้าทำอะไรไปแล้วไม่ดี ครั้งหน้าเราจะได้รู้ว่าต้องทำยังไง ให้ผิดเป็นครู”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook