มาเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวของสาวๆ กันเถอะ !!

มาเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวของสาวๆ กันเถอะ !!

มาเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวของสาวๆ กันเถอะ !!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สวัสดีครับวันนี้พีทขอมาเขียนเรื่องของการมาเติมน้ำให้กับผิวกันบ้างนะครับ ซึ่งหลายๆ คนอาจมีปัญหาเรื่องของผิวที่แห้งกร้านขาดความชุ่มชื้นแก่ผิว , หลายๆ คนที่หน้าค่อนข้างมันเลยคิดว่าผิวคงมีความชุ่มชื้นเพียงพอแล้วหล่ะ หรือ หลายๆ คนคิดว่าผิวหน้าของชั้นคงไม่จำเป็นต้องเติมเต็มความชุ่มชื้นอีกต่อไป เราไปดูกันดีกว่าครับว่าผิวแต่ชนิดจะบอกเจ้าของอย่างไรว่า "ผิวของคุณขาดความชุ่มชื้น"

รูปภาพ : สำหรับคนชอบดื่มชา แนะนำร้านน้ำชาดาราเทวีเลย ชาหอม มาการองอร่อย ราคาไม่แพงมาก #จิบชาแบบผู้ดี๊ผู้ดี #ดาราเทวี #ผู้ดีเชียงใหม่

ผิวแห้ง : เวลาผิวของคุณต้องการความชุ่มชื้น อาจจะบอกด้วยการลอกเป็นขุย หรือเกิดการแห้งกร้าน ซึ่งปรกติคนที่มีผิวค่อนข้างไปทางแห้งนั้นมักจะหามอยซ์เจอร์ไรเซอร์ที่ดีมาทาบำรุงเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอยู่แล้วเพียงแต่ว่า เพียงพอแล้วหรือยัง ?

ผิวมัน ผิวผสม : หลายๆ คนอาจคิดว่าผิวชั้นมันอยู่แล้วคงไม่ต้องเติมความชุ่มชื้นแล้วล่ะ หารู้ไม่ว่า ผิวของคุณกำลังบอกคุณว่าผิวคุณกำลังขาดความชุ่มชื้นอยู่ เนื่องจากผิวขาดความชุ่มชื้นทำไมผิวของเราต้องผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นเพื่อทำให้ผิวของเราเกิดความชุ่มชื้นนั่นเอง แถมยิ่งคุณนำกระดาษซับมันซับมากเท่าไหร่ผิวของคุณก็จะมันมากยิ่งขึ้นเพราะผิวของคุณบ่งบอกว่ากำลังความชุ่มชื้นอยู่นั่นเอง

หลายๆ คนอาจคิดว่ามันก็แค่ความชุ่มชื่นจะเอาอะไรกันนักกันหนา แต่หารู้ไม่ว่ามันคือการปรับความสมดุลเพื่อสุขภาพผิวของคุณอย่างนึงเลยล่ะ หากผิวของคุณมีความสมดุลมากพอปัญหาหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็น " ริ้วรอย , หน้าแห้ง , ผิวลอก , หน้ามัน , เป็นสิว" ก็จะค่อยๆ ดีขึ้น ผมขอไม่การันตีว่ามันจะดีขึ้น 100 % แต่ผมขอท้าพิสูจน์ได้เลยว่าผิวคุณจะดูสวย และ เปล่งประกายจากภายในไม่ว่าคุณว่าสีผิวอย่างไรก็ตาม ด้วยความพยายามของคุณนั่นเอง งั้นเรามาดูกันเลยดีกว่าว่า มีวิธีไหนบ้างในการเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวของคุณ มาดูเพื่อนำไปปรับและประยุกต์กันตามวิธีของแต่ละคนได้เลยครับ

วิธีที่ 1 : ใช้น้ำแร่ฉีดผิว

เพื่อนๆ หลายๆ คนอาจได้ลองวิธีนี้กันแล้วบ้าง ซึ่งมันเป็นวิธีง่ายที่สุดแถมทำแล้วรู้สึกสดชื่นอีกด้วยเหมือนเป็นการเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวไปในตัวซึ่งบอกก่อนว่าคุณสามารถใช้น้ำแร่ไม่ว่าจะเป็นของยี่ห้อ Evian , Oguma , Reskin , Vichy ฯลฯ โดยหลักการของมันบอกก่อนว่าวิธีนี้ไม่ค่อยได้ความชุ่มชื้นมากเท่าที่ควรแต่มันก็สามารถปรับสภาพผิวให้สมดุลได้ชั่วขณะใช้สำหรับการแต่งหน้าเพื่อเซ็ทเมคอัพ หรือ เติมน้ำให้ความผิวให้ผิวชุ่มชื้นระหว่างวันเพื่อความสดชื่นนั่นเอง

ในรูปจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงว่าผิวมีการเติมน้ำให้แก่ผิวซึ่งความสามารถซึมเข้าสู่ผิวนั้นขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีของแต่ละยี่ห้อ แต่ละผลิตภัณฑ์นะครับ บางแบรนด์อาจทำได้เพียงเคลือบผิวอยู่แต่ภายนอก แอบไหลบ้าง หรือบ้างแบรนด์สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ทันทีเนื่องจากอณูของน้ำแร่ค่อนข้างละเอียดนั่นเองครับ

ข้อดี : สามารถเติมความชุ่มชื้นระหว่างวันได้ สะดวกในการใช้ และสามารถใช้ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ ส่วนตัวขอกระซิบเบาๆ ว่ายิ่งแบรนด์ไหนทำให้ละอองเล็กได้มากเท่าไหร่เราจะรู้สึกว่ามันซึมเข้าสู่ผิว และรู้สึกได้เลยว่าผิวของเราดูอิ่มน้ำ และดูฟูเปล่งประกายครับ

ข้อเสีย : การที่มันใช้ง่ายเกินไปอาจจะหมดเร็วจนเกินไป และเกิดความสิ้นเปลืองตามมาซึ่งตรงนี้แล้วแต่การใช้งานของบุคคล และส่วนตัวถึงแม้ว่ามันจะเติมความชุ่มชื้นระหว่างวันได้แต่วิธีนี้นั้นยังไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนานเท่าที่ควรเนื่องจากน้ำแร่ที่ฉีดนั้นสามารถระเหยไปในอากาศระหว่างวันได้นั่นเอง

วิธีที่ 2 : เติมความชุ่มชื้นด้วย Aloe Vera Gel

หลายๆ คนคงชอบวิธีนี้แน่ๆ เนื่องจาก AloeVera Gel หรือ เจลว่านหางจระเข้นั้นนอกจากจะเป็นเจลที่สามารถทำได้หลายๆ อย่างตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าแล้ว มันยังสามารถเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว พร้อมความสามารถช่วยลดการอักเสบบวมแดงของว่านหางจระเข้นั้นทำให้มันน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งผมก็ชอบเหมือนกันสำหรับวิธีนี้เพราะเวลาทาแล้วหลับจะรู้สึกได้ถึงความเย็นสบายผิว และรู้สึกว่ามันคือการบำบัดด้วยธรรมชาติอย่างหนึ่ง แถมยังมีหลายแบบ หลายราคาอีกด้วยครับ

เนื่องจากเนื้อผลิตภัณฑ์เป็นรูปแบบเจลทำให้ระเหยได้ง่าย ไม่เหนอะหนะสามารถใช้ร่วมประยุกต์กับครีมอื่นๆ ของคุณที่ใช้อยู่ได้อีกด้วย

ข้อดี : ส่วนใหญ่เป็นเนื้อเจลซึมง่าย ไม่เหนอะหนะ เป็นเจลที่นอกจากให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวแล้ว ยังเป็นเจลสารพัดประโยชน์ใช้ได้ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเลยจ้า ส่วนใหญ่ราคาไม่แพง และ หาซื้อได้ง่ายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป

ข้อเสีย : ส่วนใหญ่มีน้ำหอมเพื่อดับกลิ่นของว่านหางจระเข้และมีแอลกอฮอลล์ รวมถึงสารละลายอื่นๆ อาจต้องมีการทดสอบการระคายเคืองผิวก่อนใช้งานเพื่อความปลอดภัย ของแต่ละบุคคลครับ

วิธีที่ 3 : ใช้ครีมเพื่อเติมความชุ่มชื้น
เป็นวิธีเบสิกสำหรับหลายๆ คนเนื่องจากมีตัวเลือกให้เยอะ หลากหลายแบบ ตั้งแต่ครีม Moisturizer ยันครีมทาแล้วนอนซะอย่าง Sleeping Pack ที่กำลังฮิตกันอยู่ในปัจจุบัน แถมส่วนผสมก็มีหลายรูปแบบที่ใช้ในการให้ความชุ่มชื้นได้แก่ Hyaluronic Acid , Allantoin , Ceramide ,Lanolin ฯลฯ ซึ่งหลักการของมันจะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ภายในผิวพร้อมบำรุงผิวภายในตัวร่วมกับสารตัวอื่นๆ ในครีมนั่นเองครับ

เนื้อครีมลักษณะนี้จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ภายในผิวโดยมีสารกักเก็บความชุ่มชื้นโดยตรง รวมถึงมีสารต้านอนุมูลอิสระรวมถึงสารอื่นๆ ที่แต่ละแบรนด์นำมาผสมเพื่อให้ได้จุดเด่นตามที่ต้องการในแต่ละจุดประสงค์ที่แบรนด์ได้พัฒนาขึ้นไม่ว่าจะเป็น Whitening , Anti - aging , Hydrating ฯลฯ ซึ่งทำให้ความชุ่มชื้นด้วยวิธีนี้นอกจากเพื่อนๆ จะสามารถเติมความชุ่มชื้นแก่ผิวได้แล้วยังสามารถเลือกสูตรที่เหมาะแก่สภาพผิวของเพื่อนๆได้อีกด้วยครับ
ข้อดี : นอกจากมีสารกักเก็บความชุ่มชื้นได้แล้วเพื่อนๆ ยังสามารถเลือกสูตรให้เข้ากับสภาพผิวของแต่ละคนได้อีกด้วย มีหลายรูปแบบ หลายแบรนด์ให้เล่นตามเท่าที่ต้องการ รวมถึงสามารถเลือกเนื้อผลิตภัณฑ์ได้ตามความเข้มข้นเท่าที่เราต้องการ รวมถึงเป็นวิธีให้ความชุ่มชื้นได้ยาวนานตลอดทั้งคืนอีกด้วย
ข้อเสีย : เนื่องจากส่วนผสมค่อนข้างซับซ้อน และมีหลากหลายทำให้มีโอกาสที่จะแพ้และระคายเคืองค่อนข้างสูง ทำให้ก่อนการใช้ทุกผลิตภัณฑ์ควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้เพื่อประโยชน์แก่เพื่อนๆ เองครับ รวมถึงเนื้อผลิตภัณฑ์รูปแบบครีมค่อนข้างหนักไปด้วยสารที่ทำให้ก่อตัวเป็นครีมพวกกลีเซอร์ไลน์ จึงสามารถทำให้เกิดการอุดตันได้หากเพื่อนๆใช้อย่างไม่ระมัดระวังครับ
สุดท้ายนี้จาก PeachCosmania ส่วนตัวผมมองว่าแต่ละวิธีก็มีวิธีที่แตกต่าง มีข้อดีและข้อด้อยที่แตกต่างกันซึ่งเพื่อนๆ อาจจะนำไปใช้วิธีเดียว สองวิธี หรือจะสามวิธีรวมกันเลยก็เป็นได้ขึ้นอยู่กับความสะดวกในการหยิบใช้ในชีวิตประจำวันของเพื่อนๆ ละกันครับ  ส่วนหากถามว่าใช้ผลิตภัณฑ์ไหนแล้วจะแพ้ไหม อุดตันไหมบอกเลยว่าทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่แตกต่างกันครับ ยังไงผมหวังว่าบทความนี้เพื่อนๆ จะนำไปใช้ประโยชน์ได้ในต่อๆ ไปนะครับ
Follow Me @Fanpage : https://www.facebook.com/PeachCosmania
Instagram : Peachkung
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook