แกงเลียงปลาย่าง สูตรป้าวาส
หวัดดีจ๊ะ หลานๆ ช่วงนี้อากาศร้อนจัด จะออกไปไหนยังไงก็รักษาสุขภาพตัวเองให้ดีๆ นะจ๊ะ เมื่อเช้าป้าเดินเข้าสวนเจอ ตำลึงกำลังแตกยอดงามๆ เขียวสดชื่นน่ากินดีจัง ป้าเลยเก็บมาเสียเยอะเชียว เก็บทั้งตำลึงและหัวปลีอีกหัวใหญ่ๆ ที่เก็บมาเยอะเพราะวันนี้ป้าจะมาสอนหลานๆ ทำแกงเลียงกินกัน แกงเลียงไม่ได้มีไว้กินอร่อยอย่างเดียวนะจ๊ะ แกงเลียงยังมากประโยชน์อีกต่างหาก เรามาเริ่มทำแกงเลียงกันเลยดีกว่าจ๊ะ
ประโยชน์ของตำลึง(ส่วนผสมหนึ่งในแกงเลียงของเรา)
นอกจากจะปลูกเป็น "ผักสวนครัว รั้วกินได้" ให้เรานำมาปรุงอาหารรับประทานได้หลากหลาย ตำลึงยังมีคุณสมบัติในเชิงยาสมุนไพร ทั้งในส่วนของใบ ยอด ผลอ่อน ราก
การรับประทานตำลึงเป็นประจำนอกจากจะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินเอ ซึ่งช่วยในการบำรุงรักษาสายตาแล้ว ตำลึงยังมี ฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยเสริมส่งการมีสุขภาพ โดยปกติตำลึง หรือที่มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคว่า "ผักแคบ" (ภาคเหนือ) "แคเด๊าะ" (กะเหรี่ยง) หรือ "ผักสี่บาท" (ภาคกลางบางท้องถิ่น) มีฤทธิ์ในการช่วยย่อยแป้งได้ดีอยู่แล้ว จึงเหมาะในการนำมารับประทานเป็นประจำ เพื่อช่วยลดอาการแน่นท้อง ท้องอืด อันเนื่องจากอาหารไม่ย่อย
นอกจากนี้ ใบตำลึงยังมีสรรพคุณสำคัญช่วยในการขับสารพิษตกค้างที่เกิดจากการรับประทานอาหารออกจากร่างกาย ทั้งในส่วนของลำไส้ หรือกระเพาะอาหารได้ด้วย
แกงเลียงอาหารที่มีรสชาติเฉพาะตัว อร่อยเผ็ดร้อนพริกไทย หอมกลิ่นสมุนไพรจากพืชผักหลายอย่าง มีประโยชน์ในการขับพิษ ไข้เป็นอย่างดี และทางการแพทย์ยังบอกว่า รับประทานแกงเลียงบ่อยยังช่วยยั้งการก่อให้เกิดมะเร็งลำไส้ และสร้างน้ำนมในแม่ที่ให้นมลูกได้ดีอีกจ๊ะ
แกงเลียง เป็นแกงที่ประกอบด้วยน้ำพริก ผัก เนื้อสัตว์ น้ำแกงและเครื่องปรุงรส น้ำพริกแกงเลียงจะแปลกกว่าน้ำพริกแกงชนิดอื่นๆ เพราะมีพริกไทย หัวหอม กะปิ กุ้งแห้ง ปลาย่างหรือปลากรอบ น้ำแกงมีลักษณะข้น ผักที่นิยมใส่ที่สามารถบอกลักษณะว่าเป็นแกงเลียง คือ ใบแมงลักมีกลิ่นหอมน่ารับประทาน นอกจากนั้นยังมีผักเช่น ตำลึง ฟักทอง ข้าวโพดอ่อน หัวปลี บวบ ผักหวาน ฯลฯ
เครื่องปรุง
น้ำพริกแกง
พริกไทเม็ด (ถ้ามีพริกไทดำยิ่งดี) 1 ช้อนโต๊ะ
กุ้งแห้ง (แช่น้ำ) 3 ช้อนโต๊ะ
/ปลาทูย่าง 2 ตัว (แกะเอาแต่เนื้อ)
หัวหอมแดง 15 หัว
กะปิย่าง 2 ช้อนชา
กระชาย 15 ราก
พริกขี้หนูสด(ถ้าชอบรสเผ็ด) 5 เม็ด
**โขลกรวมกันโดยโขลกพริกไท+พริกขี้หนู+กะปิก่อน เพราะพริกไทจะกระเด็นออกจากครกหมด แล้วหลานๆๆค่อยใส่กุ้งแห้ง + หัวหอมแดง +กระชาย ตักพักไว้
กุ้งสด (ผ่าหลังเอาเส้นดำออก) 1 ถ้วยตวง
ปลาย่าง(หักเป็นท่อน) 3 ตัว(หากไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่)
บวบเหลี่ยม 1 ลูก
ฟักทอง(หั่นเป็นท่อนพอคำ) 1 ถ้วยตวง
ตำลึง (เด็ดเอาแต่ใบและยอดอ่อน) 1 ถ้วยตวง
เห็ดฟาง 5 ดอก
ข้าวโพดอ่อน 5 ฝัก
.ใบแมงลัก 1 ถ้วยตวง
แครอท(หั่นเป็นท่อนพอคำ) 1 ถ้วนตวง
น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง
น้ำปลา 5 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย ครึ่ง ช้อนโต๊ะ
พริกไทป่น 1 ช้อนชา
หัวปลี(แกะกาบออกจนขาวหั่นเอาแต่ที่อ่อนแช่น้ำพักไว้) 1 ถ้วยตวง
***ผักที่ใส่ได้อีกหรือจะปรับเปลี่ยนตามใจจชอบ มีน้ำเต้า ,รากบัวหรือสายบัว ข้าวโพดดิบฝานเบางๆๆเอาแต่เม็ดใส่ตอนที่น้ำแกงเดือดจัด ผักหวาน, บวบงู ผักปรัง, หรือบางคนใส่ไข่มดแดงก็ได้นะจ๊ะ แล้วแต่เราชอบ
วิธีทำ
นำน้ำเปล่ามาละลายกับพริกแกงตั้งไฟปานกลาง รอจนเดือด ใส่กุ้งสด +ปลาย่าง รอเดือด ใส่ ฟักทอง +หัวปลี+แครอท+ข้าวโพดอ่อน +เห็ดฟาง+ปรุงรสค่อยๆใส่น้ำปลา+น้ำตาลทีละนิดชิมถ้าไม่ได้ที่ค่อยใส่ใหม่เพราะ กุ้งแห้งและผักมีรสเค็มและหวานอยู่แล้ว จืดไปค่อยเติม แต่ถ้าใส่ทีเดียวหมดรสชาติอาจจะเค็มหรือหวานเกินไป และเมื่อได้รสตามที่ต้องการใส่ตำลึง+ใบแมงลัก เดือดยกลง โรยพริกไทยป่น ตักรับประทานกับข้าสวยร้อนๆหรือทานเปล่าก็อร่อยเชียวจ๊ะ (สำหรับ 5 – 7 ที่)